9
ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน
ปรินซ์หันไปมองทันที ใบชาทำลายอาณาเขตของเขาไม่พอเธอยังงัวเงียขยับตัวมานอนเบียดด้วย แขนยกพาดตัว ใช้ใบหน้าสวยซบแขนจนแก้มนิ่มๆเป็นก้อนขึ้นมา แค่เคลื่อนสายตาไปมองก็เห็นแล้วว่าใบหน้าเธอใกล้เขาแค่ไหน ติดแหง็กยิ่งกว่าถูกผีอำ ปลายจมูกโด่งเอียงไปอีกสิบองศาก็ชนกับหัวเธอแล้ว
ที่แย่กว่านั้นเขารู้สึกได้ว่าลมหายใจอุ่นๆของใบชารดแขนซ้ำๆ ชวนให้คนขี้รำคาญอารมณ์แทบระเบิด ทั้งร้อนและอึดอัด รำคาญโคตร
“นี่เธอ...” เขาขยับแขนปลุก
“...”
“นี่... เธอ...”
“...”
“ใบชา ออกไปห่างๆฉัน”
“...”
“ใบชา!”
เธอเปิดตาขึ้น และยกมือสวยปิดปากเขาทันที
“นอนเถอะค่ะคุณหมอ หลับตานะ”
เขาอยากจะฆ่าเธอให้ตายอีกรอบ เพราะมือนั้นยกขึ้นมาปิดตาเขาไม่พอยังลูบลงผ่านจมูกไปถึงปาก จากนั้นใช้นิ้วชี้เรียวสวยแตะริมฝีปากเขาไว้
“ชู่ว~ นอนค่ะ”
นายแพทย์ปรัชวิชญ์ผู้ไม่เคยยอมใครกัดฟันข่มอารมณ์อย่างหนัก ตอนนี้เขาปวดหัวมาก เขารู้แล้วว่ากำลังหาเรื่องใส่ตัว โปรเจกต์นั้นไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงหรือเงินทอง แต่เขาแค่อยากทำเพื่อเอาชนะความคิดตัวเอง และชอบท้าทายกับโจทย์ใหม่ๆเท่านั้น
คนตายแล้วฟื้นวันแรกควรนอนติดเตียง ขนาดหนูที่เขาทดลองยังซึมนอนในกรงเป็นเดือนๆ แต่ยัยคนที่นอนเบียดอยู่นี่ผิดมนุษย์
ใบชาหลับไปแล้ว เธอกอดเขาแน่นราวกับกลัวเขาหายไป หมอปรินซ์พยายามดันหัวออก แต่เธอก็ขยับกลับมาใหม่ พลิกตัวหนีหันหลังให้วงแขนก็กระชับกอดไว้และก่ายขาพาดจนตัวติดกัน
ตีสามกลายเป็นตีสี่
ตีสี่เปลี่ยนเป็นตีห้า
สุดท้ายคนตัวโตก็แพ้พ่ายความดื้อรั้นของใบชา เขาค่อยๆผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยล้า โดยมีเธอนอนหนุนแขน และกอดแอบอิง....
»——————•♛•——————«
เช้าวันต่อมา...
ปวดแขนสัสๆ
นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเขา นายแพทย์หนุ่มหันไปมองนาฬิกาข้างเตียงตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า เขานอนไปสามชั่วโมงแต่เหมือนไม่ได้นอน เพราะทุกครั้งที่ใบชาขยับคนที่เคยนอนคนเดียวมาตลอดจะสะดุ้งตื่นไปด้วย
แล้วตอนนี้ก็อย่างที่เห็น เลือดไม่ได้วิ่งไปที่แขนเขานานกี่ชั่วโมงแล้วก็ไม่รู้ แถมใบชายังนอนหนุนแขนอยู่และตะแคงตัวหันมากอดเขาทั้งตัว ราวกับสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
เขาไม่ทน
หรือกูไม่ทนนั่นแหละ
ปรินซ์ใช้มืออีกข้างดันหัวเธอออกไปเต็มกำลัง แล้วรีบดึงแขนออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทุบไล่ตั้งแต่ต้นแขนไปถึงข้อมือให้เลือดไหลเวียน หันไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จอยู่บนแท่นชาร์จ ลุกขึ้นจากเตียงใส่รองเท้าสลีปเปอร์ เดินสาวเท้ายาวๆหนีออกไป
ช่างหัวคนในห้อง เขาต้องไปโทรหาพี่สาวตัวเองด่วน
(ฮัลโหล)
“ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
(กำลังนั่งรถขึ้นดอย มีอะไรรีบๆพูดเลยแถวนี้สัญญาณไม่ค่อยมี)
มือใหญ่ยกขึ้นนวดขมับตัวเอง เขาเดินไปเดินมาหน้าห้องนอนหลายรอบ
(มีอะไร เรื่องผู้หญิงคนนั้นเหรอ ฟื้นยังอ่ะ?)
“ฟื้นแล้ว เธอกลับเมื่อไหร่?”
(น่าจะอีกสามอาทิตย์ ฟื้นแล้วเป็นไงบ้าง ฮัลโหลๆ ได้ยินไหม ฮัลโหลลลล)
“ฟื้นแล้วก็บ้า”
(ฮะ ไม่ได้ยินเลย แค่นี้ก่อนนะปรินซ์มีสัญญาณจะโทรกลับ)
‘ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด’
สายถูกตัดไป หัวเสียอยู่แล้วตอนนี้ระเบิดปรมาณู เขากำลังใช้ความคิดในหัวว่าจะทำยังไงให้ใบชาอยู่ที่นี่ได้โดยที่ไม่วุ่นวายกับเขา และเข้าไปยุ่งกับพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นห้องนอน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเขาได้ประสาทกินแน่
คนสมองตีกลับอย่างเธออันดับแรกคงต้องสอน
รู้จักรักนวลสงวนตัวซะมั่ง
อย่าโชว์นม
อย่าวุ่นวายยามวิกาล
วันนี้เขาจะจับเข่าคุยจริงจังแจกแจงเป็นข้อๆ
พอสรุปได้นายแพทย์หนุ่มก็เปิดประตูห้องเข้าไป ยิ่งเห็นใบชายังนอนอยู่อย่างสบายยิ่งนึกหงุดหงิด เขาเดินไปยืนข้างๆเตียงฝั่งเธอทันที และกดตามอง
“ตื่น”
“...”
“ตื่นได้แล้ว”
“...”
“ใบชา”
“...”
“ใบชา!”
เรื่องที่จะพูดกับเธอลืมหมดสิ้น เขารีบนั่งลงบนเตียงแล้วใช้มือกดชีพจรที่ลำคอขาว สิ่งแรกที่ชวนตกใจคือตัวเธอแอบเย็น มันเลยทำให้เขาหวาดหวั่นคว้าข้อมือเธอขึ้นมาอีก และทาบนิ้วกลางกับนิ้วชี้ลง
แต่แล้วก็ถอนหายใจโล่ง
ใบชายังอยู่ แต่แค่หลับเหมือนตายเท่านั้น จนกระทั่งเธอเปิดตาตื่นขึ้นมา ข้อมือที่หมอปรินซ์จับอยู่ก็ถูกชักกลับ เธอยกแขนบิดขี้เกียจซ้ายขวาบนเตียงอย่างสบายใจ
หมอปรินซ์จึงยืนขึ้น กลับมาแปลงร่างเป็นยักษ์ใหม่อีกครั้ง
“หาว~ มีอะไรเหรอคะคุณหมอ”
ใบชาถามขึ้นมางุนงง
“ยังจะถามอีก?”
“คะ?”
“เธอสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่รู้ตัวรึไง” คนตัวเล็กลุกขึ้นนั่งหัวฟู แล้วชี้นิ้วกลับมาที่ตัวเอง
“ใบชาเนี่ยนะคะ ใบชาทำอะไรคะ”
เขาขี้เกียจอธิบายสิ่งที่เธอทำที่นี่เพราะมันไม่ใช่ที่ที่เธอควรอยู่ จึงดึงแขนเล็กลุกขึ้นจากเตียงสุดหวงของตัวเอง ลากออกมาจากห้องลงบันไดไปชั้นหนึ่ง แรงดึงของเขาทำให้ใบชาตัวแทบปลิว ถามตลอดทางว่าเขาจะพาไปไหน
จนมาถึงโซฟา สองมือใหญ่ก็จับไหล่กดให้เธอนั่งลง
“ฟังและจำไว้ ถ้าอยากอยู่ที่นี่ต่อ อย่าดื้อไปนอนห้องฉันอีก”
“ใบชาไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ แต่รู้จักที่นี่ รู้จักคุณหมอคนเดียว”
เขาชะงักไปเล็กน้อย เพราะมันจริง บางครั้งความโมโหและหงุดหงิดก็ทำให้ลืมคิดว่าตัวเขาเป็นคนปลุกเธอจากความตาย นอกจากคนอื่นๆคิดว่าเธอไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว โลกนี้เธอยังไม่ควรไว้ใจใครนอกจากเขา
หมอปรินซ์นั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม กดอารมณ์ที่หงุดหงิดไว้ให้ลึกที่สุด และจ้องหน้าเธอ
“เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะฉันไม่ชอบให้ใครมานอนข้างๆ”
“ค่ะ...” เหมือนเธอจะตั้งใจฟังปัญหาของเขา
“วันนี้ฉันจะสอนเธอเรื่องการวางตัว เตรียมสมองช้าๆของเธอเรียนรู้ด้วยล่ะ”
ใบชาพยักหน้า ถึงสายตานายแพทย์หนุ่มตรงหน้าจะนิ่งเรียบไร้ความอ่อนโยน แต่ก็ไว้ใจเชื่อใจเขาที่สุด
“ก่อนสอนกินข้าวก่อนได้ไหมคะ ใบชาหิว”
เธอลูบท้องตัวเองให้เขาดู สายตานิ่งๆเลยพานกดลงมองตามไปด้วย ทว่ามันไม่ได้ลดต่ำไปถึงมือที่ลูบท้องอยู่เลย หยุดอยู่ที่หน้าอกที่เด้งขึ้นมาตามการขยับแขนของเธอ
ขัดตาจริงๆ ยิ่งพี่สาวเขาไม่อยู่แบบนี้หน้าที่นั้นก็ต้องเป็นเขาอยู่แล้ว
ซื้อบราและชั้นในด้านล่าง ผ้าอนามัย อะไรอีกล่ะที่ผู้หญิงต้องใช้
“เธอใส่บราไซซ์อะไร-_-^” ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นคำถามที่น่าอายที่สุด!
“บรา... อ๋อ”
“หยุด อย่าเปิด” ใบชายอมปล่อยเสื้อลง จากนั้นส่ายหน้าช้าๆ
“ก็ใบชาไม่รู้ว่าไซซ์คืออะไร คุณหมอทำเลยค่ะ”
ให้เขาทำอะไรล่ะ?!
“ไซซ์คือขนาด-_-!”
“งั้นคุณหมอวัดให้หน่อยค่ะ ขนาดใบชาก็ไม่รู้”
หมอปรินซ์กลอกตามองบน ที่ว่าไม่รู้สึกอะไร อีกไม่นานต้องรู้สึกแน่ๆ เขาก็เป็นผู้ชายไม่ใช่ก้อนหินมีอารมณ์มีความรู้สึก แข็งขึ้นมาคนซวยจะเป็นเธอนั่นแหละ
แต่เรื่องบรา... ตัวเขาไม่สันทัดเรื่องนี้เห็นทีต้องแอบพาไปห้างของครอบครัวให้พนักงานจัดการให้ จะสีไหน ทรงไหนก็ให้ผู้หญิงช่วยกันเลือกเอง
“ฉันจะพาไปซื้อ รวมถึงเสื้อผ้าด้วย แต่สัญญากับฉันว่าจะไม่เดินเพ่นพ่าน เพราะคนอื่นเข้าใจว่าเธอตายหมดแล้ว”
“ค่ะ คุณหมอก็อย่าทิ้งใบชาแล้วกัน”
“...”
“อะไรก็ได้ ให้ทำอะไรจะทำ แต่อย่าทิ้งใบชาอยู่คนเดียวนะคะ เรื่องนี้ใบชาไม่ยอม”
“...”
เขานั่งเงียบมองหน้าดื้อๆของเธอ กำลังสังเกตนิสัยลึกๆอยู่ว่าเป็นคนแบบไหน ปากที่แอบคว่ำเล็กน้อยเวลาพูดว่าไม่ยอม เธอเอาแต่ใจพอตัว
“สัญญาด้วยค่ะ อย่าเงียบ”
ชัดเจน
“สัญญาอะไร เธอชักจะมากไปแล้วนะ”
“คุณหมอก็มากไปค่ะ คุณหมอก็ให้ใบชาสัญญา” เขามองหน้าทันที
“นี่เธอ!”
กลัวที่ไหน ใบชารีบลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งกับเขา หมอปรินซ์ขยับออกห่างก็ขยับมาใกล้ แถมสอดมือควงแขนซบแก้มที่ไหล่ออดอ้อน
“สัญญาก่อนค่ะ...”
“...”
“คุณหมอ...”
“อืม สัญญา”
ทำไมชีวิตเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้...
ยัยตัวแสบ