“วันนี้คุณอยู่เวรหรือเปล่าครับ”
วินธัยถามขึ้นตอนที่นั่งกินข้าวกลางวันกับวีรภัทร แพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนที่เป็นอาจารย์หมอต่างแผนกแว่บหนึ่งแล้วบอกว่า
“วันนี้ฉันไม่ได้อยู่เวร”
“งั้นคืนนี้เราไปป่วนหมอเท็นกันดีไหมครับ”
วินธัยกล่าวถึงสหทรรศเพื่อนสนิทในกลุ่มที่เป็นกุมารแพทย์อยู่โรงพยาบาลเอกชน และเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล
“เอาดิ” วีรภัทรตอบก่อนที่เขาจะตักข้าวเข้าปาก
“ว่าก็ว่าเถอะ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่าในกลุ่มของเราน่ะหมอเท็นจะเป็นคนแรกที่แต่งงาน เพราะตอนเรียนน่ะหมอเท็นไม่ได้สนใจใครเลย แถมยังขี้รำคาญด้วย โดยเฉพาะรำคาญสาวๆ ที่มาตามจีบน่ะ หมอเท็นมองทีเดียวก็พากันถอยหมดแล้ว”
“ก็มีหมอเจลไง ที่กว่าจะถอยได้ก็ตอนที่หมอเท็นกำลังจะแต่งงานแล้ว”
วีรภัทรกล่าวถึงเพื่อนร่วมรุ่นตอนเรียนแพทย์ เจลกาหรือหมอเจลคือคนที่ชอบสหทรรศมาตั้งแต่สมัยเรียน แม้เพื่อนของเขาจะปฏิเสธความปรารถนาดีที่อีกฝ่ายมอบให้ แต่เป็นเพราะก่อนหน้านั้นสหทรรศไม่มีใคร เจลกาจึงคิดว่าตนยังพอมีหวัง แต่ความหวังของเจลกาต้องพังลงเมื่อสหทรรศคบหากับภวิกาพยาบาลที่โรงพยาบาลวรกุลอินเตอร์เนชันนอลซึ่งเป็นโรงพยาบาลของบิดาสหทรรศและแต่งงานกันในที่สุด
“อ่าใช่ คงจะมีแต่หมอเจลนั่นแหละครับที่อดทนรอนานขนาดนั้น ตั้งแต่สมัยที่เราเรียนแพทย์แล้วนี่ แถมผลสรุปของการรอในครั้งนั้นก็คือความผิดหวังซะงั้น”
“ถ้าเป็นนายนายจะไม่รองั้นเหรอ”
“ไม่รู้สิ ผมยังไม่เคยรู้สึกชอบใคร เลยไม่รู้ว่าจะสามารถรอใครได้หรือเปล่า”
“ฮึ” วีรภัทรยกยิ้มมุมปากก่อนจะวกกลับเข้ามาที่เรื่องเดิม “ถ้านายคิดว่าคนที่แต่งงานคนแรกไม่น่าจะเป็นหมอเท็น แล้วในกลุ่มเรานายคิดว่าจะเป็นใคร”
“ผมคงไม่คิดว่าเป็นตัวเองหรอกนะ ก็ต้องเป็นคุณน่ะสิ”
“อ้าว ทำไมเป็นฉัน”
“ก็เพราะว่าคุณหญิงแม่ของคุณอยากอุ้มหลานตั้งแต่คุณยังไม่ได้เรียนต่อเฉพาะทางแล้วนี่ จนตอนนี้คุณเป็นอาจารย์หมอแล้วนะ และคุณเองก็เลี่ยงมาตลอด”
“แต่ตอนนี้กำลังจะเลี่ยงไม่ได้แล้ว”
“คุณแม่จะให้คุณไปดูตัวอีกงั้นเหรอ”
“ใช่ นัดศุกร์นี้ เซ็งชะมัด” อดไม่ได้จะถอนหายใจ อาหารรสชาติถูกปากก่อนหน้านี้ฝืดคอขึ้นมาฉับพลัน “เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ เอาเป็นว่านายวางแผนมาเลยดีกว่าว่าเย็นนี้เราจะป่วนหมอเท็นยังไงดี”
“ป่วนหมอเท็นไม่ยากหรอกครับ แค่แซวน้องแยมนิดหน่อยหมอเท็นก็เสียอาการแล้วครับ” วินธัยกล่าวถึงภวิกาภรรยาของสหทรรศ
“นายนี่มันร้ายจริงๆ หมอวิน”
วินธัยขยับแว่นสายตาที่สวมใส่เอาไว้ก่อนจะบอกว่า “คุณจะบอกว่าคุณไม่ร้ายเลยงั้นเหรอ ผมยังจำได้นะที่คุณมอมเหล้าน้องแยมเพื่อจะแกล้งหมอเท็นน่ะ”
“เออๆ พอละไม่ต้องรื้อฟื้น แค่นึกถึงสายตาของหมอเท็นตอนนั้นน่ะนะ ฉันยังขนลุกไม่หาย”
วีรภัทรกลั้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตักข้าวเข้าปากไปอีกคำ ในขณะที่ดวงตาคู่คมเหลือบมองนาฬิกาของร้านแล้วพบว่าอีกสิบนาทีจะเป็นเวลาบ่ายโมงครึ่ง แพทย์หนุ่มหันไปบอกวินธัย
“รีบกินดีกว่าเดี๋ยวฉันต้องไปออกโอพีดี*”
“แล้วพายน์เวรอะไรต่อล่ะ”
กันตาถามตอนที่พวกเธอก้าวเข้าลิฟต์หลังจากที่ผลัดเปลี่ยนเวรเรียบร้อยแล้ว ชยุดาเอื้อมมือไปกดหมายเลขชั้นหนึ่ง ในขณะที่ภัคร์พิมลหันไปตอบคำถามของกันตา
“เวรเช้าพรุ่งนี้เลยค่ะ”
“แบบนี้ก็ได้พักเกินสิบชั่วโมงเลยนะ ปกติเห็นควบเวรตลอด” ชยุดาว่า
ปกติเวรของภัคร์พิมลนั้นส่วนใหญ่แล้วจะได้พักแค่แปดชั่วโมง แต่เอาเข้าจริงๆ บางครั้งงานก็ล่วงเลยเวลา จะมีเวลาพักผ่อนจริงๆ ก็ราวๆ ห้าถึงหกชั่วโมงก่อนจะต้องขึ้นเวรต่อไปเท่านั้น
“ได้พักแค่นี้ก็ถือว่าดีมากๆ แล้วค่ะ พี่ตาพี่ดาก็เห็นปกติพายน์ต่อเวรตลอด ไม่เช้าต่อบ่ายก็เช้าต่อดึก ถ้าวันไหนเวรเช้าต่อเช้านี่ถือว่าสวรรค์สุดๆ ละ”
“เย็นนี้พี่ก็ว่างนะ ขึ้นเวรอีกทีเวรบ่ายพรุ่งนี้เลย ตี้หมูกระทะกันไหม”
“ได้เลยค่ะ” ภัคร์พิมลยิ้มกว้าง “พี่ตาไปด้วยกันไหมค่ะ”
“วันนี้ขอบายจ้ะพี่เวรดึก”
“โอเคค่ะ”
ภัคร์พิมลบอกได้เพียงแค่นั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก กันตาโบกมือลาไปก่อน ส่วนภัคร์พิมลก้าวออกมาจากลิฟต์พร้อมกับชยุดา ทั้งคู่เดินมาตามโถงทางเดินของโรงพยาบาลเรื่อยๆ จนกระทั่งแยกกันตรงอาคารจอดรถ ชยุดาเดินขึ้นไปบนอาคาร ส่วนภัคร์พิมลนั้นเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งซึ่งเป็นหอพักพยาบาล
“นึกไงชวนมากินหมูกระทะ”
สหทรรศถามขึ้นตอนที่คีบเนื้อย่างใส่จานให้ภวิกา ภรรยาสาวที่เพิ่งจะแต่งงานกันได้ราวๆ สี่เดือน วีรภัทรกับวินธัยที่นั่งตรงข้ามทั้งคู่หันมามองหน้ากันก่อนจะเป็นวีรภัทรที่ให้คำตอบ
“จู่ๆ ก็อยากกินขึ้นมา ไม่ได้หรือไง”
“นั่นน่ะสิ พวกผมก็แค่อยากเจอคุณบ้าง ไม่ได้หรือไงครับ”
“เฮอะ” สหทรรศแค่นเสียง “ฉันว่านะไม่นายก็นาย คนใดคนหนึ่งต้องมีแผนอะไรแน่” สหทรรศชี้ตะเกียบไปทางวีรภัทรก่อนจะเบนไปทางวินธัยในตอนหลัง ซึ่งทั้งคู่ต่างส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน “หรือไม่ก็นายทั้งคู่รวมหัวกัน”
ภวิกาภรรยาของสหทรรศได้แต่อมยิ้มกับสถานการณ์ตรงหน้า เธอค่อนข้างคุ้นเคยกับกลุ่มเพื่อนของสามีเป็นอย่างดี เห็นชอบแกล้งกันอยู่บ่อยๆ และคนที่ถูกแกล้งบ่อยสุดก็คือสามีของเธอนี่แหละ
วีรภัทรกับวินธัยต่างหัวเราะกับท่าทางที่จ้องมองมาอย่างเขม็งของสหทรรศ ก่อนจะเป็นวินธัยที่พูดขึ้นว่า
“คุณคิดมากไปหรือเปล่าครับหมอเท็น พวกผมจะไปมีแผนอะไร ไม่มี๊”
“นายเสียงสูงเกินไปนะหมอวิน” สหทรรศว่าอย่างจับผิด วินธัยแสร้งทำหน้าเลิกลั่ก ส่วนวีรภัทรกับภวิกากำลังกลั้นขำ “หรือคิดจะมอมเหล้าเมียฉันอีก บอกเลยนะว่าห้ามเด็ดขาด”
“ว้าจบกัน”
วินธัยแสร้งถอนหายใจอย่างแสนเสียดาย วีรภัทรกำลังหัวเราะอย่างชอบใจ ส่วนภวิกานั้นหน้าแดงซ่านเพราะความขวยเขินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะรู้ดีว่าเวลาตัวเองเมานั้นน่ะเพี้ยนแค่ไหนจากคำบอกของคนเป็นสามี เธอจำได้ไม่ลืม ครั้งก่อนเธอถูกวีรภัทรกับวินธัยคะยั้นคะยอให้ดื่ม เพราะดื่มไม่เก่งจึงเมาง่าย เท่านั้นละ หายนะบังเกิดขึ้นทันที ยิ่งคิดก็ยิ่งอับอาย
“แยมอยากกินผลไม้ค่ะ เดี๋ยวแยมมานะคะ”
ภวิกาบอกแล้วลุกออกจากโต๊ะไปทันที สหทรรศมองวีรภัทรกับวินธัยอย่างคาดโทษก่อนจะลุกตามภวิกาไป ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองหัวเราะจนอย่างชอบใจ ระหว่างนั้นภัคร์พิมลกับชยุดาก็เข้ามาในร้านพอดี
“มากี่คนครับ”
“สองค่ะ”
ชยุดาเป็นคนให้คำตอบ พนักงานในร้านจึงเดินนำมาที่โต๊ะว่างซึ่งเป็นโต๊ะที่ติดกับโต๊ะของวีรภัทร ภัคร์พิมลนั่งหันหลังจึงไม่ทันเห็นวีรภัทร แต่ชยุดาที่นั่งฝั่งตรงข้ามเห็นเต็มตา
“อุ๊ย อาจารย์หมอวีรภัทรก็มาร้านเดียวกันกับเราด้วยนะ เรียกว่าพรหมลิขิตได้หรือเปล่านะ แต่น่าเสียดายที่อาจารย์หมอวินธัยก็มาด้วย”
ชยุดาหัวเราะคิกคัก แต่เพราะชื่อของวีรภัทรทำให้ภัคร์พิมลเอี้ยวตัวไปมองเป็นจังหวะที่วีรภัทรมองมาพอดี ภัคร์พิมลจึงรีบหันกลับมา พยายามควบคุมไม่ให้สีหน้ามีพิรุธ
_______________________________
*โอพีดี (OPD) Out patient department คือ แผนกผู้ป่วยนอก