เงาอดีต

1381 Words
ตอนที่ 5 สิงขรขับรถไปส่งเธอที่คฤหาสน์เทวาลัย เมื่อรถจอดสนิทหน้าคฤหาสน์ เกตุศิรินทร์ก็กล่าวขอบคุณสิงขรอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าไปด้านใน ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ก็เปิดออก พร้อมกับร่างระหงของสุริยาวดีที่ยืนสวยสง่าอยู่ตรงนั้น โคมไฟระย้าสาดส่องต้องใบหน้าสวยของเธอ ทำให้ดูโดดเด่นราวกับเจ้าหญิง “กลับซะดึกเชียว? ไปไหนกันมาล่ะ” สุริยาวดีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มงวด เกตุศิรินทร์หน้าซีดลงเล็กน้อย “เอ่อ คุณผู้หญิงคะ... คือว่า...นี่คุณสิงขรค่ะ” “กลับมาแล้วก็รีบขึ้นไปพักสิ” สุริยาวดีเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “สวัสดีครับคุณสุริยาวดี ผมร้อยตำรวจโทสิงขร ที่เคยมาขอพบคุณเมื่อสองวันก่อนครับ” สุริยาวดีมองเขานิ่ง ก่อนจะหันกลับไปตำหนิเกตุศิรินทร์อีกครั้ง “เข้าไปข้างในได้แล้วเกตุศิรินทร์ พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน” เกตุศิรินทร์ก้มหน้า “ขอโทษค่ะคุณผู้หญิง” ว่าแล้วเธอก็รีบเดินหายเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยท่าทางสำนึกผิด ก่อนจะแอบเหลือบมองสิงขรเล็กน้อย สุริยาวดีหันกลับมาเผชิญหน้ากับสิงขรอีกครั้ง รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าสวยของเธอ “คุณตำรวจจะเข้าไปข้างในก่อนไหมคะ?” สุริยาวดีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานลงอย่างผิดหูผิดตา สิงขรมองเธออย่างระมัดระวัง สังเกตทุกการเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงและแววตา แต่ในที่สุดก็พยักหน้าตอบรับคำเชิญนั้น เพราะโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดและสืบสวนเธออย่างลึกซึ้งกว่าเดิมนั้นมาถึงแล้ว เขาจึงไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้ “ขอบคุณครับ” สุริยาวดีผายมือเชิญให้สิงขรเดินตามเธอเข้าไปในคฤหาสน์ จากหน้าต่างห้องนอนของเกตุศิรินทร์แอบมองลงมา เห็นสุริยาวดีกำลังพูดคุยกับสิงขรอย่างสนิทสนม ใบหน้าสวยของเจ้านายมีรอยยิ้มที่เธอไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจของเกตุศิรินทร์อย่างช้า ๆ มันคือความหมั่นไส้เล็กๆ ที่เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไร ห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างหรูหรา สุริยาวดีนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม มองเขานิ่งด้วยแววตาหวานหยาดเยิ้ม “ขอบคุณครับคุณสุริยาวดี” สิงขรตอบรับคำเชิญ พลางทอดสายตามองสำรวจห้องทำงานของเธออย่างละเอียด ห้องนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณสีเข้ม ผนังประดับประดาด้วยภาพวาดลึกลับและวัตถุโบราณนานาชนิด แสงสลัวที่ลอดผ่านผ้าม่านหนาทึบยิ่งขับเน้นบรรยากาศวังเวงและน่าค้นหา สุริยาวดีนั่งอยู่บนเก้าอี้เท้าแขนที่ทำจากไม้แกะสลักอย่างประณีต ดวงตาคมกริบของเธอจับจ้องมาที่สิงขรอย่างพิจารณา ราวกับกำลังอ่านความคิดของเขา “คุณตำรวจมาที่นี่... ไม่ใช่แค่เรื่องคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นใช่ไหมคะ?” สุริยาวดีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่สิงขรจับต้องไม่ได้ สิงขรเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นครับ?” “ก็สายตาของคุณ... มันไม่ได้มองมาที่ฉันในฐานะผู้ต้องสงสัย หรือพยาน” สุริยาวดีแย้มรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่ได้ทำให้ดวงตาของเธอดูอ่อนโยนลง “มันเหมือนกับ... คุณกำลังมองหาบางสิ่งที่คุ้นเคย... ที่นี่” คำพูดของสุริยาวดีทำให้สิงขรชะงัก ความรู้สึกประหลาดที่เขามีต่อคฤหาสน์แห่งนี้ตั้งแต่แรกเห็นมันคืออะไรกันแน่? มันไม่ใช่แค่ความสนใจในสถานที่เก่าแก่ แต่มันลึกซึ้งกว่านั้น ราวกับมีสายใยบางอย่างที่เชื่อมโยงเขากับที่นี่ “ผมรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับที่นี่” สิงขรยอมรับความรู้สึกนั้นอย่างตรงไปตรงมา “เดจาวู... งั้นหรือคะ?” สุริยาวดีทวนคำนั้นช้าๆ “ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น” สิงขรตอบ “แล้วคุณสุริยาวดีล่ะครับ... รู้สึกคุ้นเคยกับผมบ้างไหม?” ดวงตาคมกริบของสุริยาวดีจ้องมองสิงขรอย่างลึกซึ้ง ราวกับกำลังพิจารณาบางสิ่งบางอย่างในส่วนลึกของจิตใจเขา “อย่างที่ฉันบอกไปเมื่อครู่... ฉันรู้สึกเหมือนเคยรู้จักคุณมาก่อน...เมื่อนานมาแล้ว” “คุณหมายถึง...?” สิงขรถามด้วยความสงสัย ใครกันที่สุริยาวดีเคยรู้จัก และทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเขา? “ในอดีตชาติ... ฉันเคยรักชายคนหนึ่ง ใบหน้าของคุณ... คล้ายเขามาก” สุริยาวดีกล่าวเสียงแผ่วเบา ราวกับกำลังพูดถึงความทรงจำอันแสนไกล สิงขรนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยเชื่อเรื่องชาติภพอย่างจริงจัง แต่คำพูดของสุริยาวดีกลับทำให้เขารู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกวูบโหวงในใจเมื่อแรกสบตาเธอ หรือความรู้สึกคุ้นเคยกับคฤหาสน์หลังนี้... มันอาจจะมีความหมายมากกว่าที่เขาคิด “คุณเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอครับ?” สิงขรถามด้วยความสงสัย “เมื่อคุณมีชีวิตอยู่มานานพอ... คุณจะเริ่มเชื่อในสิ่งที่คนอื่นมองว่าเหลือเชื่อค่ะ” สุริยาวดีตอบด้วยรอยยิ้มลึกลับ “แล้วคุณล่ะคะ... รู้สึกถึงอะไรบ้างไหม?” สิงขรเงียบไปครู่หนึ่ง พยายามทบทวนความรู้สึกของตัวเอง เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรถึงความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้น เขารู้สึกราวกับมีบางสิ่งที่เชื่อมโยงเขากับสุริยาวดีและคฤหาสน์แห่งนี้ แต่เขาไม่สามารถระบุได้ว่ามันคืออะไร “ผมไม่แน่ใจ” สิงขรตอบอย่างตรงไปตรงมา “แต่ผมรู้สึกว่า... มีบางอย่างที่เชื่อมโยงผมกับที่นี่” สุริยาวดีพยักหน้าช้าๆ ดวงตาของเธอเป็นประกายเล็กน้อย “บางที... มันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้” ความเงียบปกคลุมห้องอีกครั้ง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตนเอง บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความลึกลับ “กลับมาที่เรื่องคดีฆาตกรรมนะครับ” สิงขรเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบนั้น เขาต้องการกลับเข้าสู่ประเด็นหลักของการมาที่นี่ “คุณรู้จักนายธนา เหยื่อรายล่าสุดใช่ไหมครับ?” สุริยาวดีนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันเคยเจอเขาที่งานเลี้ยงที่นี่ค่ะ เขาเป็นแขกคนหนึ่ง” “คุณได้คุยกับเขาเป็นการส่วนตัวบ้างไหมครับ?” “คุยกันบ้างเล็กน้อยตามมารยาท” “คุณพอจะจำรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับการสนทนานั้นได้ไหมครับ?” สิงขรจ้องมองใบหน้าของเธออย่างคาดหวัง สุริยาวดีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่มากนักค่ะ เป็นเพียงบทสนทนาทั่วไป” สิงขรรู้สึกว่าสุริยาวดีกำลังปกปิดบางอย่าง น้ำเสียงและท่าทีของเธอดูไม่เป็นธรรมชาติ “คุณเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเขาใช่ไหมครับ?” สิงขรถามตรงประเด็น สุริยาวดีสบตากับเขานิ่ง “ฉันไม่แน่ใจค่ะ ในงานเลี้ยงมีคนมากมาย” สิงขรรู้สึกว่าการพูดคุยกับสุริยาวดีในตอนนี้คงไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เขาจึงเปลี่ยนประเด็น “ผมสนใจศิลาจารึกโบราณที่คุณเก็บรักษาไว้” สิงขรเอ่ยขึ้น “คุณพอจะทราบประวัติความเป็นมาของมันไหมครับ?” ดวงตาของสุริยาวดีเป็นประกายวูบหนึ่ง “มันเป็นของสะสมเก่าแก่ค่ะ ฉันได้มันมานานแล้ว” “คุณพอจะทราบไหมครับว่าตัวอักษรที่สลักอยู่บนนั้นมีความหมายว่าอย่างไร?” สุริยาวดีส่ายหน้า “ฉันไม่ทราบค่ะ” สิงขรรู้สึกว่าสุริยาวดีไม่ต้องการให้ข้อมูลเกี่ยวกับศิลาจารึกแผ่นนั้น “ขอบคุณนะครับ ที่สละเวลา ผมคงรบกวนเวลาคุณเท่านี้” สิงขรลุกขึ้นยืน “หากผมต้องการข้อมูลเพิ่มเติม จะขออนุญาตติดต่อมาอีกครั้งนะครับ” “ด้วยความยินดีค่ะคุณตำรวจ” สุริยาวดีเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธออีกครั้ง “หวังว่าคุณจะคลี่คลายคดีนี้ได้ในเร็ววัน” สิงขรพยักหน้าให้เธอ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องรับแขก ความรู้สึกประหลาดเกี่ยวกับสุริยาวดีและคฤหาสน์แห่งนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา สุริยาวดีมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา “ฉันจะรอ... รอวันที่คุณจำฉันได้...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD