"อุ๊ย"
"..."
เสียงอุทานของปั้นตังค์ที่ออกมาจากที่กั้นอาบน้ำแต่คนที่ยืนรอก็ไม่ได้ยืนอยู่ใกล้เหมือนที่ตัวเธอเคยยืนมองเขาเมื่อวาน ไม่รู้ว่าเป็นจังหวะนรกหรือสวรรค์ ไอ้ใจหนึ่งก็กลัวเขามาหาเรื่องแต่อีกใจก็แอบรู้สึกดีที่ได้เห็นใบหน้าหล่อประหนึ่งไอดอลในดวงใจใกล้ ๆ เสียงตกใจนั้นไม่ได้ดังมากไปกว่าที่มีเพียงตัวเธอเองจะได้ยิน เธอไม่รู้ว่าเขามายืนรอเธอเหมือนดั่งใจเธอคิดหรือไม่ แต่เห็นเขาเก็บบุหรี่ที่อยู่ในมือกลับเข้ากล่องทั้งที่ตอนแรกทำเหมือนจะจุดไฟแช็กสูบ เธอเลยแกล้งเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่ด้วยความขาสั้นกว่าคนตัวสูงก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ
"นี่"
"คะ"
"มีงานให้ทำ"
"ถึงขนาดต้องมาดักรอเพื่อจะใช้งานฉันเลยเนี้ยะนะรุ่นพี่?"
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้เหมือนกัน ส่วนที่พูดไปก็ไม่ได้มีงานจริง ๆ หรอกแต่นึกอะไรไม่ออกพูดออกไปก่อน ใครจะคิดว่าเธอจะอาบน้ำเร็วขนาดนี้ ร่างสูงกะว่าจะยืนสูบบุหรี่สักม้วนก่อนจะหาวิธีทำอะไรสักอย่างให้ตัวเองหายหงุดหงิด แต่อย่างว่าสกิลการเอาตัวรอดของเขามันขั้นเทพอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่มีอะไรซับซ้อนหรือยากเกินกว่าคนทั่วไปจะทำได้ แค่เขาไม่ใช่คนทั่วไปเลยทำได้โดยไม่แสดงอาการเลิ่กลั่กออกมาให้ใครได้เห็นก็เท่านั้นเอง
"ถามมากจริง...ตามมาเลยยัยเตี้ย"
"เดี๋ยวขอฉันเอาของไปเก็บก่อน"
.
.
"ทำไมนอนกับเพื่อนที่เป็นผู้ชาย?"
"ผู้ชาย?"
"ใช่"
"อ๋อ...วีว่า รุ่นพี่เอาตาไหนมองว่ามันเป็นผู้ชาย"
"..."
แม้ว่าเวลาแค่ไม่ถึง 48 ชั่วโมงแต่ด้วยความที่เธอกับเขาปะทะคารมกันบ่อย แถมตอนเถียงกันก็ยังจ้องหน้าจ้องตากันในระยะประชิด ทำให้ปั้นตังค์รู้ว่าทุกครั้งที่รุ่นพี่เบียงไม่พอใจจะมีอาการขมวดคิ้วพร้อมการจิ่ปากเบา ๆ ไม่ก็เดาะลิ้นแล้วเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอยู่ทีสองที เธอเห็นแบบนั้นเลยไม่พูดอะไรต่อแค่เดินย้ำกลับไปวางของที่เต็นท์นอนของเธอโดยมีเขาเดินตามมาห่าง ๆ
"ไหน...จะให้ทำอะไร"
"ร้อยเชือกรองเท้า"
"ห๊ะ"
"เอาไป"
สาวน้อยที่กำลังงงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน งานอย่างอื่นตั้งเยอะตั้งแยะไม่ให้ทำ ให้มาร้อยเชือกรองเท้าเนี้ยะนะ แถมเธอก็ต้องกลับไปที่โรงอาหารเพื่อช่วยเพื่อนเก็บหม้อเก็บถาดล้างให้เรียบร้อยก่อนที่เธอจะได้นั่งพักกินข้าวบ้าง เธอเลยตัดสินใจหยิบสนีกเกอร์แบรนด์ดังออกจากมือเขา แล้วหันหลังเดินกลับไปที่โรงอาหารทันที ทิ้งเจ้าของรองเท้ายืนมองด้วยสายตาที่ร้ายกาจ ขาสั้น ๆ เดินไปก็ถอนหายใจไปด้วยความเบื่อหน่ายบวกกับความหิว เธอเริ่มอารมณ์ไม่ดีแต่ไม่อยากยืนเถียงอะไรกับเขาให้คนอื่นสงสัย สนีกเกอร์ไซส์ 11 UKถูกวางกระแทกลงกับเก้าอี้ไม้เก่า ๆ ตัวนึงที่วางอยู่ข้าง ๆ โต๊ะจัดอาหาร
"เฮ้อ!!!"
"ตังค์เป็นอะไรแล้วนี่รองเท้าใคร?" เป็นมาดาที่แสนดีถามปั้นตังค์ด้วยน้ำเสียงหวานนุ่ม เมื่อเห็นเพื่อนของเธอมีสีหน้าไม่สู้ดีแถมยังทิ้งตัวลงพร้อมเสียงถอนหายใจ ถ้าเทียบกับการถอนเงินในบัญชีธนาคารก็น่าจะหลักหมื่นได้ ส่วนคนอื่น ๆ ก็เดินไปอาบน้ำกันก่อนปั้นตังค์จะเดินกลับมาไม่กี่นาที มาดาเลยอาสาอยู่เช็คความเรียบร้อยแล้วรอปั้นตังค์ด้วย กับข้าวและข้าวสวยถูกตักใส่จานแยกไว้แล้วเพราะพวกเธอเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้กิน
"รุ่นพี่เบียง"
"หืม"
"เดี๋ยวเล่าที่เดียวนะมาดาไปอาบน้ำเถอะ...ตังค์รอกินข้าวพร้อมกันตรงนี้นะ"
"โอเค ๆ ดื่มน้ำก่อนใจร่ม ๆ"
หลังจากเพื่อนรักเดินจากไปเพื่ออาบน้ำ สาวน้อยปั้นตังค์ก็หันกลับมานั่งมองรองเท้าคู่ใหญ่สักพัก อยากจะโกรธอยู่เหมือนกันที่ตอนนี้ตัวเองรู้สึกเหมือนคนรับใช้ส่วนตัวของรุ่นพี่ตัวเปิดไปแล้ว ถึงบ้านจะไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าแต่ก็เธอก็ไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้ แถมกับคนที่ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งเพื่อนหรือคนสนิทกัน ตอนแรกเธอคิดแล้วว่าเดี๋ยวจะคุยเรื่องรุ่นพี่กับเพื่อนช่วงพักรอบกองไฟ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วคุยมันตอนกินข้าวเนี้ยะละ เสียงรุ่นพี่ปีสองดึงความสนใจจากเธอออกจากความคิด
"น้องคะ"
"คะ"
"เพิ่งเข้ามาเรียนไม่ถึงเทอมริอาจจะเป็นหัวขโมยแล้วหรอ"
"อ่ะ...ขโมย ขโมยอะไร"
"นั่นรองเท้าของรุ่นพี่เบียงถ้าน้องไม่ขโมยมามันจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน"
"ฉันไม่ได้ขโมยมารุ่นพี่เป็นคนให้มาเอง"
"โกหก"
"หยุดนะห้ามเอาไป"
เสียงปั้นตังค์ห้ามให้รุ่นพี่ผู้หญิง 3 คนที่กำลังยืนรุ่มกล่าวหาว่าเธอเป็นขโมยไม่พอ ยังถือวิสาสะหยิบรองเท้าที่เธอต้องทำการร้อยเชือกรองเท้าใหม่ไป เพื่อนอีก 4 คนก็ยังไม่มีใครเดินกลับมา ระหว่างที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ร่างบางที่มือใครสักคนผลักจนตัวเซล้มลงก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้นดินอันขรุขระ มือเล็ก ๆ ที่ยันลงไปกับพื้อเพื่อประคองตัวตามสัญชาตญาณ เกิดแผลเล็ก ๆ ทันทีเธอพลิกฝ่ามือดูก็ยิ่งโมโห ก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นยืนต้นแขนของเธอสัมผัสกับอะไรบางอย่าง เป็นเขาเจ้าของรองเท้าตัวปัญหา เขาเอามือหนาจับเข้าที่ต้นแขนเพื่อพยุงตัวเธอขึ้นมา
"เจ็บตรงไหน?"
"มือ..."
"รอแป๊ปเดี๋ยวพาไปทำแผล"
"อืม"
ร่างสูงเอามือดันตัวเธอไปไว้ด้านหลังของเขาเล็กน้อย โดยมีรุ่นพี่เฮดว๊ากอีกสองคนยืนขนาบข้างเธอไว้ เริ่มมีนักศึกษาคนอื่นเดินเข้ามามุงดูเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มากเพราะกลัวเฮดว๊ากที่ยืนหน้าตึงอยู่ วีว่าเป็นคนแรกที่วิ่งกลับมาแล้วก็แหวกฝูงชนเข้ามาหาเธอ ปั้นตังค์ส่ายหน้าให้สัญญาณว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร ก่อนที่เสียงนิ่งเรียบแต่น่ากลัวของคนตรงหน้าเธอจะเอ่ยออกมา
"รองเท้าฉันทำไมไปอยู่ที่เธอ?"
"ก็ยัยเด็กปีหนึ่งมันขโมยมาโมเลยจะเอาไปคืนให้พี่เบียงแล้วมันไม่ยอมจะมาแย่งกลับไป"
"เธอเห็นว่าเขาขโมย?"
"มันไม่ขโมยมาแล้วรองเท้าของพี่จะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงคะ"
"มัน?"
"ใช่ค่ะ...มันนั่นละ"
"อย่ามาเรียกคนของฉันว่ามัน!!!"