บทที่ 1
ผู้ชายในอุดมคติ
“ไงค้า คุณแม่ลูกอ่อนกับว่าที่คุณแม่ลูกแฝด” เสียงทักทายแสนร่าเริงเกินเบอร์ เรียกให้คุณแม่และว่าที่คุณแม่ยังสาวทั้งสองคนหันมามอง พร้อมเจ้าของเสียงที่รีบหอบหิ้วของพะรุงพะรังเดินเข้าไปหา ดาวิกาวางของทั้งหมดไว้บนโซฟาหนังสีดำ แล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้นพรม ปรบมือแปะ ๆ เรียกหลานน้อยให้เข้ามาหา “น้องปริมขา มาหาพี่ดิวเร็ว วันนี้พี่ดิวมีของเล่นมาฝากด้วยน้า มาเร็ว”
คำที่เรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่ดิว’ ทำให้คุณแม่และว่าที่คุณแม่ทั้งสองคนเบ้ปากพร้อมกันด้วยความหมั่นไส้ กะจะไม่ยอมให้ตัวเองแก่เลยหรือไงกัน
“สวัสดีค่ะคุณป้าเร็วลูก”
ดาวิกาถลึงตาใส่เพื่อนสนิทอย่างกานต์พิชชาทันที เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าจะเป็นพี่สาว ก็ยังจะยัดเยียดความเป็นป้าให้อยู่ได้
“ปะ...ปา” ปวริศาพยายามส่งเสียงเรียกตามที่ผู้เป็นแม่บอก
“พี่ค่ะลูก เรียกพี่ดิวนะคะ” คนไม่ยอมแก่ว่าพร้อมอุ้มหนูน้อยวัยหนึ่งขวบขึ้นมานั่งบนตัก แล้วหอมแก้มยุ้ย ๆ ของหลานสาวอย่างมันเขี้ยว
“ปี้” คนตัวเล็กส่งเสียงออกมาอีกครั้ง เรียกเสียงหัวเราะจากคนอุ้มได้เลยอย่างดี ก่อนจะก้มลงไปฟัดแก้มนุ่ม ๆ อีกครั้งจนหนำใจ
“แล้วสองแฝดเมื่อไหร่จะออกมา อยากเล่นด้วย” ดาวิกาหันไปถามว่าที่คุณแม่ลูกแฝดอย่างจิราวดีที่นั่งบนโซฟาข้าง ๆ กานต์พิชชา
“เดี๋ยว ๆ ฉันเพิ่งท้องได้สี่เดือนเอง แกจะรีบไปไหน” จิราวดีส่ายหน้าพลางยิ้มอ่อนใจ เธอเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่กี่เดือน เพิ่งตรวจและรู้ว่าได้ลูกแฝดสมใจสามีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง “เอาไว้คลอดออกมาฉันจะให้แกเล่นสมใจเลย ห้ามบ่นว่าเหนื่อยเด็ดขาด”
“มาเลย ฉันพร้อมมาก” คนว่างงานบอก ทุกวันนี้นอกจากเล่นกับแมวกับแวะเวียนมาหาเพื่อนที่บ้าน ดาวิกาก็ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว คนอื่น ๆ อาจจะมองว่าดีแล้วที่ไม่ต้องทำอะไร เธอก็ไม่เถียงหรอกว่ามันดี หากแต่มันน่าเบื่อมาก
“มีเองเลยสิ ชีวิตจะได้ไม่ว่าง” กานต์พิชชาเสนอ
ดาวิกาหันขวับไปมองทันที “ขอถามหน่อย ก่อนพูดออกมานี่ผ่านกระบวนคิดหรือยัง”
คุณแม่ลูกอ่อนและว่าที่คุณแม่หัวเราะขึ้นเสียงดัง ปวริศากำลังแทะถุงขนมหันไปมองด้วยสีหน้างง ๆ ดาวิกาจึงก้มลงพูดกับหลาน “ไม่ต้องไปสนใจลูก สองคนนี้สติไม่ดี”
“จี”
“ใช่ค่ะ สติไม่ดีเลยเนอะ” ว่าจบก็กดจมูกลงแก้วนุ่มด้วยความมันเขี้ยวอีกครั้ง งื้อ อยากเอากลับไปเล่นที่บ้านจัง
“แกสอนอะไรลูกฉันเนี่ย เดี๋ยวคุณพ่อเขาก็มาว่าฉันหรอก” กานต์พิชชาโวยขึ้น เพราะสามีเธอหวงและทะนุถนอมลูกสาวมาก ถ้าลูกจำอะไรแปลก ๆ ไปพูดให้ได้ยิน ก็คงมิวายเป็นเธอที่ต้องตอบคำถามว่าลูกไปได้คำพวกนี้มาจากไหน
“คุณพี่ปรัชญ์ใจดีจะตาย ไม่กล้าว่าแกหรอก”
“เออแก ฉันนึกอะไรออกละ” อยู่ ๆ ว่าที่คุณแม่ลูกแฝดก็โพล่งขึ้นมาท่ามกลางสงครามขนาดย่อม ๆ
“นึกอะไรออกอะ” ดาวิกาถามพร้อมรอฟังอย่างตั้งใจ
“แกก็ให้พี่ปรัชญ์แนะนำเพื่อนเขาให้สักคนสิ แก๊งนั้นยังมีโสด ๆ อยู่นะ” จิราวดีเสนอหนทางหาแฟนให้เพื่อน อันที่จริงสามีเธอก็อยู่แก๊งเดียวกัน แต่รายนั้นคงไม่ว่างมาแนะนำใครให้ใครหรอก เพราะวัน ๆ นอกจากอยู่กับเธอแล้วก็อยู่แต่โรงพยาบาลกับคนไข้
“เออใช่ เหลือโสดตั้งสามคนแน่ะ” กานต์พิชชาพยักหน้าเห็นด้วย เพราะจากที่รู้จักเพื่อนสนิทของสามีแบบผ่าน ๆ แต่ละคนก็ดูไม่เลวเลย มีหน้าที่การงานที่มั่นคง หญิงสาวย่นคิ้วทำสีหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะลองเสนอออกไป “พี่วีร์ไหมล่ะ รวยนะ”
“ฉันว่าพี่ภีมก็โอเคนะ ถึงจะดูเจ้าชู้ไปหน่อย แต่ก็ใช้ได้เลย” จิราวดีเสนอขึ้นมาอีกคน
“ก็ดี แต่ฉันว่าอย่างไอ้ดิวน่าจะเหมาะกับพี่ชินมากกว่าไหม” ชื่อบุคคลล่าสุดที่กานต์พิชชาเสนอขึ้นมา ทำให้ดาวิกาใจเต้นตึกตัก ด้วยเตชินถือเป็นผู้ชายในอุดมคติของเธอเลยก็ว่าได้ หากก็อยู่ไกลเกินเอื้อม เพราะผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างขนาดนั้นคงไม่มีทางมาสนใจผู้หญิงบ้า ๆ บอ ๆ อย่างเธอ
“พวกแกหยุด! หยุดเลย หยุดเดี๋ยวนี้ หาผัวหรือหาซื้อผักในตลาดฮะ เสนอมาอย่างกับฉันจะเลือกได้อย่างนั้นแหละ” พูดอย่างกับว่าถ้าเธอเลือกไปแล้วอีกฝ่ายจะยอมตกเป็นของเธออย่างนั้นแหละ “ฉันไม่เอาสักคนอะ ฉันจะให้ไอ้วิวแนะนำนายแบบหล่อ ๆ ให้” ว่าจบก็หัวเราะคิก ทำเอาเพื่อนอีกสองคนต้องส่ายหน้าให้อย่างเหนื่อยใจ ด้วยรู้กันนายแบบที่ดาวิกาหมายตาไม่ใช่ชายแท้ ต่อให้วิลาสินีแนะนำให้หรือชงให้อย่างไรก็ไม่มีทางสมหวัง
“แล้วแต่แกเถอะ” จิราวดีเลิกสนใจคนเพ้อฝัน แล้วหยิบหนังสือคู่มือเลี้ยงเด็กแฝดขึ้นมาอ่าน ส่วนกานต์พิชชาก็ส่ายหน้าและเดินหนีไปชงนมให้ลูก เพราะใกล้จะถึงเวลานอนกลางวันของหนูน้อยแล้ว
ด้วยตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานของพนักงานหลาย ๆ บริษัท ทำให้ห้างสรรพสินค้ามีผู้คนหนาตามากกว่าเวลาปกติ ดาวิกาเดินเมียง ๆ มอง ๆ ร้านอาหารอยู่หลายร้าน ทว่ากลับไม่มีร้านไหนมีที่ว่างให้เธอเข้าไปนั่งเลย มิหนำซ้ำยังมีผู้คนยืนรอคิวอยู่หน้าร้านอย่างคับคั่ง ไม่รู้ว่าเธอคิดถูกหรือคิดผิดที่แวะมาห้างในเวลานี้ เฮ้อ
หญิงสาวประเมินความหิวของตัวเองแล้วพบว่ายังพอทนได้ จึงตัดสินใจไปเดินเลือกซื้อของก่อน รอให้ผู้คนบางตาลงกว่านี้ค่อยกลับมาใหม่
“สวัสดีค่ะคุณดาวิกา วันนี้ได้ดูรุ่นไหนมาเป็นพิเศษไหมคะ” พนักงานร้านกระเป๋าแบรนด์ดังเดินออกมาต้อนรับอย่างคนคุ้นเคย หญิงสาวถือได้ว่าเป็นลูกค้าประจำของสินค้าแบรนด์นี้เลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะออกคอลเลกชันใหม่มากี่รุ่นต่อกี่รุ่น เธอก็จะซื้อไปเก็บไว้ในครอบครองแทบจะทุกรุ่น
“ไม่ได้ดูรุ่นไหนมาเลยจ้ะ วันนี้ดิวตั้งใจมาเดินดูเฉย ๆ ไม่ได้หมายตารุ่นไหนเป็นพิเศษ” หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้พนักงานซึ่งสนิทกันในระดับหนึ่ง แล้วยู่ปากบ่นเซ็ง ๆ “ข้างนอกคนเยอะเนอะ”
“ค่ะ วันนี้มีศิลปินจากต่างประเทศมา เลยมีแฟนคลับมารอถ่ายรูปกันเยอะค่ะ”
ดาวิกาทำตาโต “จริงเหรอ นี่ดิวคิดว่าเป็นเพราะเวลาเลิกงานนะคะเนี่ย”
“ก็ส่วนหนึ่งด้วยค่ะ แต่ปกติคนจะไม่แน่นขนาดนี้ ที่แน่นก็เพราะคนมารอเจอศิลปินนั่นแหละค่ะ”
“หูย...ว่าแต่ใครมาอะคะ” เธอถามด้วยความสนใจ
“ไอดอลเกาหลีวง...มาอะค่ะ” ได้ยินชื่อวงที่พนักงานสาวบอก ดาวิกาก็ทำตาโตขึ้นอีก ด้วยเป็นวงที่เธอรู้จักและชื่นชอบอยู่เหมือนกัน หากก็ไม่ได้ติดตามอะไรมากนัก จึงไม่รู้ว่าศิลปินกลุ่มนั้นมีงานที่ประเทศไทย
“อยากเห็นจัง แต่เข้าไปตอนนี้คงไม่มีที่ให้ยืนแล้วล่ะเนอะ” หญิงสาวว่าอย่างเสียดาย พลางตัดใจไม่ไปดูดีกว่า เพราะเธอคงเบียดสู้แฟนคลับตัวยงไม่ได้ “เดี๋ยวดิวขอเดิน ๆ ดูของหน่อยนะคะ”
พนักงานยิ้มยินดี “ตามสบายเลยค่ะ สนใจตัวไหนเรียกได้เลยนะคะ”