หมับ!
"ระวังหน่อยสิโมเน่ เดี๋ยวก็ได้ลงไปนอนกลิ้งตรงลานเกียร์หรอก" ชนัตถ์รีบคว้าข้อมือน้องสาวของเพื่อนสนิท ในนาทีที่เธอมัวแต่เดินตามหาพี่ชายจนสะดุดกับก้อนอิฐบนพื้น แถมชายกระโปรงพลีทยังพริ้วบาน ล่อสายตาบรรดารุ่นน้องตึกวิศวะบริเวณนั้น
สายตาคมคู่สีเทาเข้มบวกกับความสูงเกินร้อยแปดสิบเซ็นต์ ก้มมองรอยยิ้มเจื่อนโชว์เหล็กดัดฟันสีสดใส ที่เขาชอบคิดว่าเธอคือเด็กไม่รู้จักโตคนนึง ทั้งที่เธออยู่ปีหนึ่งและเขาเองก็อยู่ปีสุดท้ายของการศึกษาเทอมนี้
"เน่หาพี่มิลไม่เจอค่ะ ว่าจะมารอกลับบ้านด้วยสักหน่อย โทรไปก็ไม่รับสักที" น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยบอก ยู่เรียวปากบางย่นนึกหมั่นไส้พี่ชายตัวเองที่จู่จู่ดันติดต่อไม่ได้
"พี่ก็ยังไม่เห็นมันนะ หรือจะหนีไปดูท่าเรือแล้ว" ฝ่ามืออบอุ่นปล่อยออกจากข้อมือเล็ก
"อ้าว...พี่ชนัตถ์ก็ไม่รู้อีกคนเหรอ?"
"พี่มาช่วยอาจารย์ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ ว่าแต่เน่เจ็บหรือเปล่า เมื่อกี้คงจะสะดุดแรงอยู่นะ" เขาย่อตัวลงก้มสำรวจตามข้อเท้าของโมเน่ ในรองเท้าผ้าใบสีขาวมีคราบเปื้อนนิดหน่อย
"เน่ไม่เป็นไรเลย แต่ต้องขอบคุณพี่ชนัตถ์นะคะ เกือบได้นอนกลิ้งแล้ว" เธอรีบถอยห่างอย่างเกรงใจ
"ซุ่มซ่าม" มุมปากหยักสีเข้มกระตุกยิ้ม นึกขำที่เธอมีนิสัยอย่างนี้มาตลอดนับตั้งแต่รู้จัก ร่างสูงเลยลุกกลับมายืนตัวตรง
"ฟ้องพี่มิลซะดีมั้งคะ โดนเพื่อนพี่มิลว่าเนี้ย"
"หึ...เอางี้ดีกว่า พี่ลองโทรตามมันให้อีกรอบ" พูดจบเขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดต่อสายทันที แต่ในจังหวะนั้นเขาก็ใช้มืออีกข้าง ปัดปลายผมสลวยที่ปลิวสไวตามแรงลม ไม่ให้เข้าดวงตาคู่สวย
"....." ร่างบางปริยิ้มกว้างกับการกระทำอ่อนโยน เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายคงเห็นเธอเป็นน้องสาว แล้วเธอเองก็คิดว่าเขาคือพี่ชายคนนึง ในฐานะที่รู้จักตั้งแต่มิลตันพาไปบ้านสมัยเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ
"มันไม่รับสายจริงๆ ด้วย ติดงานของอยู่หรือเปล่าเน่"
"สงสัยเหมือนกันค่ะ พี่มิลค่อนข้างบ้างาน"
"งั้นพี่ต้องฟ้องมันกลับแล้วล่ะ เพราะเมื่อกี้เน่ว่ามันบ้างาน" หัวตาคมหรี่มองใบหน้าสดใส รู้สึกหมั่นเขี้ยวอยากจะหยิกแก้มผิวสีชมพู
"อิอิ...เน่ว่าเราหายกันดีกว่านะคะ เน่กลัวว่าพี่มิลจะปวดหัวมากกว่า"
"โอเคเลย แล้วนี่เน่จะกลับบ้านยังไง มีคนขับรถมารับหรือยัง?"
"วันนี้น่าจะต้องขึ้นรถกลับเองแล้วค่ะ ช่วงนี้คนขับรถยุ่งช่วยงานป๊าด้วย"
"เอางี้ไหมล่ะ เดี๋ยวพี่แวะไปส่งที่บ้าน แต่ขอสอนงานพวกมันอีกแป๊บนึงก่อนนะ" โครงหน้าคมเข้มเอียงไปทางรุ่นน้องกลุ่มหนึ่ง กำลังแบกถังเครื่องมือมาจัดแจงตรงใต้ต้นไม้ พยามส่งมือโบกทักทายโมเน่อยู่ไม่ไกล
"จะรบกวนพี่ชนัตถ์หรือเปล่าคะ?" ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลมองเข้านัยน์ตารุ่นพี่หนุ่ม ทำเธอทราบซึ้งน้ำใจเขาดี
"ไม่เป็นไรหรอก ไปหาที่นั่งรอก่อนเถอะ"
"ค่ะ" น้ำเสียงหวานบอก ก่อนจะเดินแยกตัวไปหาที่นั่งรอตรงซุ้มศาลาว่าง หยิบเอาสมุดเลคเชอร์จากเพื่อนสาวมาอ่านระหว่างรอเวลา
"งานยุ่งอีกแล้วล่ะมั้ง" ชนัตถ์พึมพำบอกตัวเอง มองโทรศัพท์ในมือไม่มีสักข้อความใดที่แฟนสาวส่งมา จนแทบจะคุ้นชินเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
"รีบๆ ทำกันได้ป่ะวะ กูอยากไปคุยกับน้องพี่มิลบ้าง" เสียงรุ่นน้องคนนึงดังขึ้น
"พวกมึงสนใจทำงานกันบ้างไหมว่ะ!" เขาเปลี่ยนโทนน้ำเสียงรวดเร็ว บอกกับรุ่นน้องในตึกคณะเรียนตึงท่าทีเข้มขึม ตอนเดินมาเข้าใต้ร่มไม้
"น้องสาวพี่มิลเหรอเฮีย น่ารักชะมัดเลย" ยิวรุ่นน้องพูดขึ้นอย่างสนิท
"มึงอยากโดนไอมิลกระทืบตายหรือไง" ชนัตถ์รีบเหลียวมองผ่านนัยน์ตาเยือกเย็น เขารู้ดีว่าเพื่อนรักหวงน้องสาวขนาดไหน แต่ทว่าพอมีแฟนก็เริ่มห่างกันบ้างเป็นธรรมดา
"แค่แซวดูเฉยๆ เอง เฮียจะดุเพื่อ?"
"หน้ามึงไม่เฉยนะไอยิว! เอามือมึงลงด้วยจะโบกทำห่าอะไร!" ข้อศอกแกร่งกระทุ้งใส่ต้นแขนรุ่นน้อง เพื่อเรียกสติหันมาจริงจังกับการเรียนภาคสนามต่อ
"ครับๆ "
"พี่ชนัตถ์ดุเป็นด้วยเหรอ..." น้ำเสียงหวานพึมพำบอก เธอเห็นทุกการกระทำของรุ่นพี่หนุ่ม ทั้งน่าเคารพและเป็นผู้ใหญ่ในเวลาเดียว มันต่างจากตอนที่เขาอยู่กับพี่ชายเธอสิ้นเชิง เหมือนคนละคนดูน่าตกตะลึง
.........................................