บทที่ 3
“คนแพ้จ่าย”
“ได้”
จ้าวไป่เฟิงว่าและดิมิทิสเป็นคนขานรับ คืนนี้พวกเขาชวนกันไปดื่มที่เดอะเซนทอร์ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจแค่จะไปดื่มอย่างเดียวแน่นอน เพราะหลังจากดื่มแล้วพวกเขาก็จะจบทริปในคืนนี้ด้วยการผ่อนคลายกับสาวสวยในเดอะเซนทอร์ จริงๆ แล้วพวกเขาจะจ้างสาวสวยมาคอยดูแลที่คฤหาสน์ก็ได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในความคิดของเจ้าบ้านอย่างฟิโอดอร์ เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวทั้งนั้น การใช้บริการของเดอะเซนทอร์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับหนุ่มโสดอย่างพวกเขา
พวกเขาสวมเพียงกางเกงขายาวที่เหมาะกับการออกกำลังกายส่วนเรือนกายท่อนบนนั้นต่างเปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนสวยงามอย่างคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่คนที่ดูร่างบอบบางกว่าคนอื่นหน่อยก็คงเป็นจ้าวไป่เฟิง เพราะเขาเป็นคนเอเชียขนานแท้เพียงคนเดียว แต่ความสูงของพวกเขาไล่เลี่ยกัน ส่วนฟิโอดอร์ถึงแม้จะมีสายเลือดชาวไทยครึ่งหนึ่งไหลเวียนอยู่ในตัว แต่หน้าตาและรูปร่างของเขาก็ออกแนวชาวตะวันตกเต็มขั้น ด้วยความที่ต่างเป็นผู้นำของตระกูลพวกเขาจึงมีรอยสักงดงามและบ่งบอกถึงความน่าเกรงขามอยู่บนแผ่นหลัง ฟิโอดอร์มีรอยสักรูปเสือโคร่งไซบีเรียน จ้าวไป่เฟิงสักรูปมังกร ดิมิทิสสักรูปมันติคอร์หรือสิงโตมีปีกซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานของกรีกโบราณ และคนสุดท้ายราฟาเอลมีรอยสักรูปพญาอินทรีอยู่บนแผ่นหลัง
เหล่ามาเฟียหนุ่มเลือกต่อสู้กันด้วยศิลปะการต่อสู้แบบคราฟมากา* โรงยิมในคฤหาสน์หรูหราโอ่อ่าของฟิโอดอร์ถูกรายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดจำนวนหลายสิบคน ซึ่งเป็นคนของฟิโอดอร์เองและคนที่เพื่อนๆ ของเขาพามา พื้นที่การต่อสู้ของพวกเขาถูกจำกัดอยู่ในเบาะนวมที่ขนาดกว้างพอๆ กับเวทีมวย กติกาง่ายๆ ก็คือใครหลุดออกนอกอาณาเขตคนนั้นก็คือผู้แพ้
*คราฟมากา (อังกฤษ: Krav Maga แปลว่า "การต่อสู้แบบปะทะ") เป็นศิลปะการต่อสู้จากอิสราเอล คิดค้นโดยอีมี ลิกเตนเฟลด์ (Imi Lichtenfeld) ชาวฮังการี-อิสราเอล เพื่อป้องกันตัวจากกลุ่มฟาสซิสต์ในเชโกสโลวาเกียช่วงทศวรรษ 1930 และต่อมานำมาใช้ฝึกในกองทัพอิสราเอล คราฟมากาเป็นการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลายแขนง เช่น มวย, มวยปล้ำ, มวยไทย, ยิวยิตสู, ไอกิโดและยูโด รวมถึงการฝึกการต่อสู้ในสถานการณ์จริง โดยจะเน้นการป้องกันตัวที่มีประสิทธิภาพ และการโจมตีกลับที่รุนแรง
มาเฟียหนุ่มทั้งสี่หนุ่มต่างยืนอยู่คนละทิศยกมือขึ้นตั้งการ์ดในท่าทางเตรียมพร้อม แววตาคมดุดันไม่ต่างกันต่างกวาดสายตามองคู่ต่อส้ซึ่งก็คือเหล่าเพื่อนสนิทของตัวเอง มุมปากต่างโค้งขึ้นเมื่อมองอีกฝ่ายอย่างประเมิน ก่อนที่เจ้าบ้านอย่างฟิโอดอร์จะพูดขึ้นว่า
“โจมตีตามร่างกายได้หมดยกเว้นใบหน้า”
“และยกเว้นเจ้าโลกเอาไว้ด้วยนะเดี๋ยวคืนนี้ใช้การไม่ได้ ห้ามเลยนะ ห้ามเด็ดขาด”
ดิมิทิสว่าอย่างติดตลก พาเอาคนอื่นๆ ต้องหัวเราะออกมา เวลาเดียวที่จะเห็นพวกเขาหัวเราะและมีรอยยิ้มอยู่บ่อยครั้งแบบนี้ได้ก็คือเวลาที่พวกเขารวมตัวกัน หากเป็นในเวลาอื่นจะเห็นเพียงแค่ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมดุดันเท่านั้น ช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันจึงถือว่าเป็นเวลาที่ผ่อนคลายมากที่สุดของพวกเขาเลยก็ว่าได้
“อย่ามัวแต่พล่ามน่าดิมหรือว่านายกำลังกลัว” จ้าวไป่เฟิงแกล้งเย้า
“เสี่ยวเฟิงนายดูถูกกันเกินไปแล้ว ตำแหน่งผู้นำตระกูลมาเฟียกรีซไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรอกนะเผื่อนายไม่รู้”
“พูดมากน่าดิม เริ่มซะทีเถอะ”
ราฟาเอลยกยิ้มพลางยักคิ้วอย่างท้าทาย ขณะที่ฟิโอดอร์กับจ้าวไป่เฟิงกระตุกยิ้มมุมปาก ดิมิทิสทำท่าฮึดฮัดแต่สุดท้ายก็พูดออดมาว่า
“ใครแน่ก็เข้ามา” คำท้าทายของดิมิทิสสิ้นสุดลงตรงนั้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงโวยวายเมื่อเพื่อนต่างเดินย่างสามขุมเข้ามาหาตนเอง “เฮ้ย ไม่เหมือนที่ตกลงกันเอาไว้นี่ พวกเราต้องจัดการเฟเดียไม่ใช่เหรอ”
“สัจจะไม่มีในหมู่มาเฟียว่ะดิม” ราฟาเอลเป็นคนพูดในขณะที่ฟิโอดอร์กับจ้าวไป่เฟิงกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจ
“ไอ้พวกเลว เลวทั้งหมด”
ดิมิทิสด่าทอแต่เหมือนว่าคำผรุสวาทของมาเฟียกรีซไม่ได้สะทกสะท้านต่อคนอื่นๆ เพราะเพื่อนของเขาต่างพากันขยับเท้าเข้ามาไล่ต้อนจนกระทั่งส้นเท้าของดิมิทิสเกือบจะหลุดออกจากอาณาเขตที่พวกเขากำหนดเอาไว้
“ไอ้พวกบ้า เลิกแกล้งฉันสักที”
“ฮาๆ”
ฟิโอดอร์ จ้าวไป่เฟิงและราฟาเอลต่างระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ทั้งหมดจะค่อยๆ ขยับเท้าถอยออกมาเพื่อให้ดิมิทิสได้มีโอกาสหายใจหายคอได้อย่างสะดวก
“ชิท”
พอเพื่อนถอยออกไปแล้วดิมิทิสก็สบถออกมาอีกหนึ่งคำ แตในกลุ่มของพวกเขาต่างไม่มีใครถือสา มีเพียงเสียงหัวเราะร่วนเท่านั้น และยังคงดังขึ้นเป็นระยะแม้กระทั่งตอนที่พวกเขาต่อสู้กัน ฟิโอดอร์เข้าคู่กับจ้าวไป่เฟิง ดิมิทิสเข้าคู่กับราฟาเอล
“เสี่ยวเฟิงบอกตามตรงนะฉันไม่อยากรังแกนายเลยว่ะ”
ฟิโอดอร์เลิกคิ้วพลางพูดท้าทายคู่ต่อสู้หน้าสวยอย่างจ้าวไป่เฟิง หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีหวาดหวั่นแต่อย่างใด ซ้ำยังโต้ตอบกลับด้วยใบหน้ายียวน
“ก็แค่มาเฟียรัสเซียคนหนึ่งมันจะสักเท่าไรกันเชียว”
“ฮึ”
ฟิโอดอร์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนที่พวกเขาจะเริ่มต่อสู้กัน ฝีมือของพวกเขาสู้สีกันและแทบเดาไม่ออกเลยว่างานนี้ใครจะเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำ
ฟากดิมิทิสและราฟาเอลทั้งคู่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด พวกเขาจ้องหน้ากัน หากแต่ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความขบขัน แม้ยามที่ราฟาเอลออกหมัดใส่ ดิมิทิสก็เอี้ยวตัวหลบได้ พอดิมิทิสสวนกลับไปราฟาเอลก็หลบได้เช่นกัน
“มาเฟียกรีซมีฝีมือแค่นี้เองเหรอ ช่างน่าขันเสียจริง”
ราฟาเอลเอ่ยอย่างท้าทาย ดิมิทิสยกยิ้มบางๆ ก่อนจะโต้ตอบกลับไปว่า
“มาเฟียฝรั่งเศสอย่างนายก็คงเก่งแต่ปากนั่นแหละ”
“ฮึ”
ราฟาเอลกระตุกยิ้มมุมปากจากนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าใส่กัน และแน่นอนว่าฝีมือของพวกเขาต่างก็สูสีกัน ผ่านไปราวชั่วโมงเศษก็หาคนแพ้ไม่ได้ พวกเขาเลยทิ้งตัวลงนอนบนสังเวียนต่อสู้เสียอย่างนั้น
“ดิม นายหมดแรงก่อนและนายเป็นคนพักก่อนเพราะงั้นนายแพ้”
“อ้าว เดี๋ยวนะ” คำบอกของจ้าวไป่เฟิงทำให้ดิมิทิสต้องร้องอุทานอย่างงุนงงพอตั้งสติได้ก็โอดครวญ “พวกนายโกงกันนี่หว่า”
“โกงตรงไหน ต่อให้สู้กันข้ามวันก็หาคนแพ้ไม่ได้อยู่ดี ใครเหนื่อยก่อนจะต้องเป็นคนแพ้ไปก็ถูกแล้วนี่”
ฟิโอดอร์ว่าในขณะที่จ้าวไป่เฟิงกับราฟาเอลต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา เว้นเสียแต่ผู้แพ้อย่างดิมิทิสที่กำลังหน้ามุ่ยพลางแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์
“เฮอะ ทำไมต้องเป็นฉันทุกทีเลยวะ”
ไม่ใช่เพราะกังวลเรื่องเงินในกระเป๋า เพราะไม่ว่าจะแพงสักแค่ไหนมาเฟียกรีซอย่างดิมิทิสก็จ่ายได้สบายๆ ไม่มีปัญหา แต่มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีต่างหาก ดูเหมือนว่าเพื่อนของเขาจะพยายามให้เขาเป็นลูสเซอร์ไปเสียทุกครั้ง
แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็แย่งกันจ่ายนั่นแหละ สุดท้ายก็จบลงด้วยอเมริกันแชร์
“ถามจริง พวกนายเกลียดอะไรฉันเปล่าวะ”
“ใช่”
“ก็พอสมควร”
“นี่นายเพิ่งจะรู้เหรอ ฉันคิดว่านายรู้นานแล้วซะอีก”
ฟิโอดอร์เป็นคนเปิดก่อน จากนั้นก็ตามด้วยจ้าวไป่เฟิงและราฟาเอล ดิมิทิสถึงกับบดกรามแน่นคล้ายกำลังเดือดดาล แต่อีกสามคนที่เหลือก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ขุ่นเคืองกับคำตอบของพวกเขาอย่างจริงจังนักหรอก
“ไอ้เพื่อนเลว พวกนายมันเลว เลวด้วยกันทั้งหมด”
ร้องโวยวายแล้วลุกขึ้นไล่เตะเพื่อนอย่างบ้าคลั่ง ฟิโอดอร์ จ้าวไป่เฟิงและราฟาเอลต่างวิ่งหนีไปคนละทิศละทางในขณะที่พวกเขาต่างมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าและเสียงหัวเราะก็ดังให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง มีเพียงแค่ดิมิทิสเท่านั้นที่มีสีหน้าเกรี้ยวกราด
แต่สุดท้ายใบหน้าของมาเฟียกรีซก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พวกเขาชอบแบบนี้ ชอบเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ชอบเวลาที่ไม่ต้องแบกอะไรเอาไว้บ่นบ่า
ชอบเวลาที่ได้อยู่กับเหล่าเพื่อนสนิท แม้จะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม