“ไม่รู้สิคะ อาบน้ำเสร็จแล้วใช่ไหมคะ…เอ่อคือว่า พริมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย” พริมาตัดสินใจเอ่ยออกมาเพราะตอนนี้เธออยากจะคุยกับชายหนุ่ม ในเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว
“เรื่องอะไรเหรอครับ” คิมหันต์เอ่ยถามออกมาทั้งๆ ที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าพริมาจะพูดอะไรกับเขา มันคงไม่พ้นเรื่องคืนนั้นแน่นอน
“ก็เรื่องคืนนั้น คุณคงไม่ได้รับลูกค้าจนลืมไปหรอกนะคะ หรือจะบอกว่าจำพริมไม่ได้” พริมาจับจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา
“แล้วจะให้ผมรับผิดชอบหรือไง” คิมหันต์เอ่ยถามออกมาด้วยเสียงที่จริงจังพร้อมมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ไม่มีการรับผิดชอบใดๆ พริมแค่อยาก จะให้คุณเก็บเป็นความลับในทุกเรื่องเท่านั้น” พริมาเอ่ยปฏิเสธออกมาเพราะเธอไม่ได้อยากให้ชายหนุ่มรับผิดชอบเธอ แค่อยากให้เขารับปากว่าจะไม่เอาเรื่องของเธอไปพูดต่อเท่านั้น
“ความลับ แล้วเรื่องไหนบ้างที่อยากจะให้เก็บเป็นความ ลับ” คิมหันต์เอ่ยถามออกมาอย่างกวน ๆ แต่ใจของเขานั้นรู้สึกว่าเขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ก็เรื่อง…ทุกเรื่องที่คุณรู้ค่ะ” พริมานิ่งลงพร้อมมองใบหน้าของคิมหันต์อย่างตั้งคำถาม เพราะเธอลืมไปว่าชายหนุ่มยังรู้อีกว่าเธอเป็นเจ้าของนามปากกาขุนศึกซู่ซ่า
“ขอความชัดเจนในคำว่าทุกเรื่องได้ไหมครับ ตอนนี้มันก็ดึกมาแล้วด้วย” คิมหันต์เอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“เรื่องแรก คุณก็ช่วยเก็บเรื่องที่คุณกับฉันเปิดโรงแรมนอนด้วยกันได้ไหม”
“ได้สิ เพราะพูดไปมันก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่างถ้าพริมอยากให้พี่รับผิดชอบก็ได้นะครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” คิมหันต์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มออกมาทำให้คนที่ได้เห็นแบบนั้นนิ่งลงทันที
“แล้วมีอะไรอีกไหมครับ” คิมหันต์รู้ว่าหญิงสาวมีเรื่องที่ต้องการจพูดอีก เขาจึงได้เอ่ยถามอย่างเปิดประเด็นให้เธอ
“และอีกเรื่อง....นามปากกานั้น” พริมมาเอ่ยด้วยเสียงที่เบาเพราะความกังวลใจ
“ตกลงว่าเราเป็นเจ้าของจริง ๆ ใช่ไหม”
“อย่าบอกให้คนอื่นรู้ได้ไหมคะ” พริมาเอ่ยด้วยความกังวลใจ เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใครและเขามีนิสัยแบบไหน ถ้าเขาพูดเรื่องของเธอออกไปมันคงเป็นกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
“ได้ ไม่มีปัญหา แลกกับการไปกินข้าว เป็นเพื่อนพี่มื้อหนึ่ง” คิมหันต์เอ่ยอย่างเสนอข้อแลกเปลี่ยนทันที
“ได้ เอ่อ…พี่จะไปวันไหนคะ” พริมมาเอ่ยอย่างลังเลเธอไม่รู้ว่าควรเรียกคิมหันต์ว่าคุณหรือพี่ดี แต่เมื่อชายหนุ่มเอ่ยแทนตัวเองว่าพี่ พริมาก็เลือกที่จะเรียกชายหนุ่มตาม สรรพนามแทนตัวทันที
“พรุ่งนี้ตอนเย็นรอที่หน้าคอนโด เอาไลน์มาให้พี่ด้วย” คิมหันต์พูดก่อนหยิบโทรศัพท์ของร่างบางขึ้นมากดเบอร์ของเขาเข้าไปในเครื่องของเธอ
“เรื่องนามปากกา ที่จริงไม่เห็นว่าจะเป็นอะไรเลย เป็นนักเขียนก็ดีออก” คิมหันต์สงสัยเล็กน้อย
“พริมมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครรู้ค่ะ” พริมาคิด
ในใจ นิยายมีแต่เรื่องที่ลงติดเรตทั้งนั้นจึงสบายใจที่จะไม่เปิดเผยตัวตน
หลังจากคิมหันต์ออกมาจากห้องพักคอนโดของพริมา เจ้าของห้องก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องนอนทันที เธอคิดทบทวนในคำพูดของชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะได้ทิ้งตัวเองลงนอน
วันต่อมา
พริมาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหมือนปกติ และกลับมายังคอนโดเพื่อที่เตรียมตัวไปทานข้าวตามที่นัดกับคิมหันต์เอาไว้
โดยการไปในวันนี้เธอไม่ได้จะไปเพียงแค่ทานข้าวกับชายหนุ่มเท่านั้น เพราะเธออยากจะเสนอให้ชายหนุ่มมาช่วยเธอเรื่องงานเขียนที่เธอยังไม่รู้ว่าคิมหันต์จะทำได้หรือเปล่า
พริมาเดินลงมาจากห้องพักเมื่อคิมหันต์ได้ส่งข้อความไปให้กับเธอ
“มองพริมแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ” พริมาเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจตัวเองเลยสักนิดเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย
“ไม่มีอะไร ก็น่ารักดี” การแต่งตัวที่อยู่ในชุดเดรสสีครีมเรียบง่ายของเธอ และการผูกผมเป็นปมของเธอ ไร้ซึ่งแว่นหนามันทำให้เธอดูน่ารักต่างจากที่คิมหันต์ได้เจอให้ครั้งแรก
“จะยืนมองอีกนานไม่คะ หรือไม่ไปแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าคิมหันต์ยังนิ่งเหมือนเดิม
“ไปสิ เชิญครับ” คิมหันต์เอ่ยพร้อมเปิดประตูรถหรูให้ กับพริมา แม้เธอจะพยายามทำใจในตอนแรก แต่ก็อดประหม่าเหมือนเดิมไม่ได้
“เป็นโฮสต์ต้องรวยขนาดนี้เลยเหรอคะ” พริมาเอ่ยถามก่อนมองใบหน้าของอีกฝ่าย หลังจากรถขับมาได้สักพักแล้ว
“ไม่รู้นะ เพราะพี่ไม่ได้เป็น” คิมหันต์เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่เรียบนิ่ง
“หมายความว่ายังไงคะ ในเมื่อวันนั้น” พริมามองใบหน้าของคิมหันต์อย่างต้องการคำตอบ
“พี่หมายความอย่างที่พูด พี่ไม่ได้เป็นโฮสต์อย่างที่เราเข้าใจ และวันนั้นพี่ไม่อยากให้เราไปกับคนอื่น ก็เลยอาสา” คิมหันต์เอ่ยตอบด้วยใบหน้านิ่งเชย แต่มันทำให้คนที่ได้ยินแบบนั้นนิ่งลงทันที
“งั้นก็ดีเลยค่ะ พี่ก็ควรจะรับผิดชอบพริม” พริมาเอ่ยออกมาอย่างเจ้าเล่ห์เพราะยังไงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดอยู่แล้ว
“รับผิดชอบเหรอ”
“ใช่ค่ะ พริมจะให้พี่มาช่วยพริมลงทรีตเมนต์เขียนนิยายเรื่องที่พริมเขียนอยู่ และเรื่องอื่นๆ ค่ะ อยากให้จบเรื่องนี้ มันไปต่อไม่ได้ จะทิ้งก็ทำไม่ลง จะทักหาใครก็เขิน” พริมาเอ่ยด้วยเสียงนิ่งเรียบ และคำพูดของเธอทำให้คิมหันต์ที่ดีใจตอนแรก ยิ่งดีใจขึ้นทวีคูณแต่ต้องเก็บสีหน้าไม่แสดงออกไว้
“ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ” คิมหันต์ยินดีจะช่วยพริมาทำงานอย่างไม่คิดจะปฏิเสธ และมันจะทำให้ชายหนุ่มได้เข้าใกล้อีกฝ่ายด้วย
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยพริม”
“ว่าแต่เราจะให้พี่อยู่ในฐานะอะไรโฮสต์ หรือแฟนดี” คิมหันต์ได้เอ่ยหยอดร่างบางทันที
“ที่ปรึกษาดีกว่าค่ะ”
ตลอดการทานอาหารของทั้งสอง คิมหันต์เอาใจใส่ร่างบางตลอดเวลาไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย จนทำให้คนตัวเล็กที่ได้รับการกระทำของเขา อดรู้สึกดีไม่ได้ และจะว่าไปแล้วเธอไม่เคยทานอาหารกับชายหนุ่มสองต่อสองเลยเพราะโสดมาตลอดชีวิต
“วันนี้จะได้ลงงานอีกไหม” คิมหันต์ที่รออ่านงานของพริมาเอ่ยถาม เพราะเธอไม่ลงงานมาหลายวันแล้ว
“ยังไม่รู้ค่ะ เพราะพริมยังไม่มีทรีตเมนต์งานเลยค่ะ”
พริมาเอ่ยเสียงเศร้าลง เธอไม่ได้เขียนงานเลยช่วงนี้ด้วยที่เธอไม่มีไอเดียและคิดอะไรไม่ออกด้วย
“งั้น พี่ไปช่วยเขียนไหม” คิมหันต์เสนอตัวเองทันที เขาอยากจะอยู่ใกล้หญิงสาว
“อ๋อจริงสิ พี่คิมเรียนนิเทศน์นิคะ แถมเคยชนะรางวัลงานเขียนต่าง ๆ ของคณะด้วย” พริมาคิดไม่ผิดที่ให้ชายหนุ่มมาช่วยเธอเขียนทรีตเมนต์
“นั่นไง พริมอยู่มหาลัยเดียวกับพี่จริง ๆ ด้วย ไม่สืบมา
ว่างั้น” คิมหันต์รู้แต่แรกแล้วได้เอ่ยขึ้นเพราะพริมาปากแข็งและยังปฏิเสธเขาอีก
“ก็รู้มาบ้างค่ะ แต่พริมไม่รู้จักพี่ จะไปบอกได้ยังไงว่าเรียนที่เดียวกัน” พริมาเอ่ยอย่างเบี่ยงเบนความสนใจ
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาพริมที่ห้องนะ” คิมหันต์เอ่ยพร้อมยิ้มเล็กน้อย
ทั้งสองดูสนิทขึ้นมากกว่าเดิมไม่น้อย พร้อมทั้งพริมาที่เป็นคนเก็บตัวไม่พูดไม่จาก็พูดเยอะขึ้น และชวนอีกฝ่ายคุยเก่งมากกว่าเดิม
จนตอนนี้ทั้งสองสนิทกันอย่างไม่ทันตั้งตัว และพริมาก็ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างกายตอนนี้มีแผนจะจีบเธอ
ช่วงทุ่มกว่าๆ คิมหันต์มาเคาะประตูห้องพักของพริมาตามที่เขาพูดไว้
“ทำไมชอบเปิดประตูตอนกำลังอาบน้ำ” คิมหันต์เอ่ยพร้อมมองสำรวจคนตัวเล็กไปด้วย
“แล้วทำไมชอบมาไม่ดูเวลาแบบนี้ล่ะคะ” พริมาเอ่ยประชด ก่อนเดินเข้าไปภายในห้อนนอนทันที เธอทิ้งให้คิมหันต์ได้เดินเข้ามาพร้อมมองตามร่างบาง
พริมาเดินหายเขาไปได้เพียงไม่นานก็เดินออกมาพร้อมชุดนอนที่เป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้นแบบเมื่อวานนี้และเมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ค่อนข้างพอใจ
“เลิกมองได้แล้วค่ะ ไหนบอกว่าจะมาช่วยเขียนงาน
ไงคะ” พริมาเอ่ยออกมาก่อนทิ้งตัวเองลงนั่งที่โซฟา คิมหันต์ที่เห็นแบบนั้นก็เดินมานั่งลงข้างๆ เธอทันที
“ให้พี่เขียนต่องานที่เราเขียนค้างเอาไว้เลยนะ” คิมหันต์ทิ้งตัวเองลงนั่งข้างหญิงสาว ก่อนหยิบโน้ตบุ๊กที่พริมาหยิบมาด้วยมาไว้กับตัวเอง
“ใช่ค่ะ พริมอยากต่องานนั้นให้เสร็จ แล้วจะเริ่มเขียนงานใหม่ เข็ดแล้วไม่เขียนไปลงงานไปอีกแล้ว” พริมามองใบหน้าคมที่ตอนนี้ให้ความสนใจอยู่โน้ตบุ๊กอย่างไม่คิดสนใจอย่างอื่น
“ได้เลย งั้นรอพี่เขียนงานสักครู่นะ” คิมหันต์ลงมือเขียนงานให้พริมาทันที
ชายหนุ่มที่ดูขี้เล่นไม่จริงจังกับสิ่งใด แต่แปลกมากเมื่อ
อยู่หน้าคอมทำงานเขียน สีหน้าแววตาดูจริงจังน่ามองมากขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าที่หล่อเหลา สายตามุ่งมั่นสะกดพริมาให้หยุดเพ่งที่ใบน้าของเขาไม่ได้เลย
“จะขอรางวัลค่ามองแล้วนะครับคนสวยขา”