แก้วมุกดาชะงักไป ตกใจที่เขาชวนแต่งงานด้วยท่าทีซื่อๆ เหมือนชวนคนมาร่วมหุ้นลงทุนอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าดวงตาแน่วแน่ที่จ้องอย่างไม่กะพริบกลับทำหัวใจเธอรู้สึกหวั่นไหวชอบกล
“น้องมุกดาแต่งงานกับพี่เถอะนะครับ แค่แต่งงานไม่มีอะไรยาก อาจจะง่ายกว่าที่เราชอบเรียนหนังสือเสียด้วยซ้ำ”
“เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ คุณพันแสงถึงขั้นยอมแลกกับอิสรภาพเลยเหรอคะ” ความมุ่งมั่นของเขาออกจะน่ากลัวไปสักนิดสำหรับเธอ
“เรียกพี่ซัน”
“การแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตนะคะ”
“แล้วมีอะไรในชีวิตที่เป็นเรื่องเล็กบ้างล่ะครับ น้องมุกดาควรแต่งงานกับพี่นะ”
“เพราะอะไรเหรอคะคุณพันแสง”
“บอกว่าให้เรียกพี่ซัน”
“จะเรียกก็ต่อเมื่ออยากเรียกค่ะ” และตอนนี้เธอหมั่นไส้เขาเกินกว่าจะกัดปากเรียกพี่ซันได้ “บอกเหตุผลมาหน่อยสิคะคุณพันแสงว่าทำไมฉันถึงควรแต่งงานกับคุณ”
พันแสงแหงนมองต้นจามจุรีเหนือศีรษะที่แผ่ร่มเงาในรัศมีสองเมตร แสงอาทิตย์ทอประกายผ่านช่องว่างของกิ่งก้าน เห็นแล้วก็พลอยนึกถึงชื่อของตัวเอง ทั้งซันและพันแสงต่างมีความหมายว่าดวงตะวัน
“ดวงอาทิตย์ให้ชีวิตกับทุกสรรพสิ่งบนโลก และพันแสงก็มีนับหมื่นนับพันแสงที่มอบทุกอย่างให้กับแก้วมุกดาได้”
“มีทุกอย่างยกเว้นความรัก” จะเรียกว่าหลงตัวเองได้ไหมนะที่กล้าเปรียบตนเองเป็นดั่งดวงตะวัน
คนตัวสูงสะอึก หล่อนเชือดนิ่มๆ แต่รู้สึกราวกับโดนลิ่มไม้ทิ่มกลางใจ
“คุณชอบมุกเหรอคะ”
เป็นอีกครั้งที่เธอยิงคำถามได้เข้าเป้า ดวงตากลมโตจ้องเป๋งในขณะที่เขาอึกอักเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า
“เจอกันแค่สองครั้งจะเป็นความรักได้ยังไง บางทีความรักก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตแต่งงานยืนยาวนะ มันคือการมีความสามารถพอจะเลี้ยงดูอีกฝ่ายให้สุขสบาย และคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญนั่นก็คือความซื่อสัตย์”
“แล้วคุณพันแสงมีเหรอคะ”
“มีสิครับ เป็นหนึ่งในคุณสมบัติเด่นของพี่เลย ที่สำคัญพี่เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นไม่มาเปลี่ยนใจเอาปุบปับหรอก”
แก้วมุกดาค้อนใส่หนึ่งวง อย่านึกว่าไม่รู้ว่าเขาแอบค่อนแคะเธออยู่
“เป็นอันว่าตกลงนะ”
“ตกลงอะไรคะ”
“ตกลงแต่งงานกับพี่”
“ได้พูดตอนไหน หรือพยักหน้าสักนิดหรือยัง คุณนี่ตีมึนใช้ได้เลยนะ”
แก้วมุกดาทำเขายิ้มขำ และรอยยิ้มนั้นก็เป็นดั่งสายลมเอื่อยฉิวพัดปลิวมาเปลี่ยนอารมณ์ที่กรุ่นด้วยไอร้อนของเธอให้เย็นลง
หากมองอย่างไม่อคติเกินไป เขาก็ดูเป็นคนที่น่าทำความรู้จักอยู่เหมือนกัน
“อยากแต่งให้ได้เลยใช่ไหมคะ”
“ครับ อยากแต่ง” พันแสงก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ต่อต้านค้านหัวชนฝา ทว่าพอได้เจอเธอเพียงครั้งเดียวก็เปลี่ยนความตั้งใจของเขาไปหมดสิ้น สำหรับพันแสงแก้วมุกดามีเสน่ห์ มีความน่าสนใจที่ชวนทำความรู้จัก คนที่ทำให้เขาสนใจเพียงแค่เห็นผ่านตาในครั้งแรกย่อมไม่ธรรมดา
“มุกจะแต่งงานกับคุณก็ได้ค่ะ แต่มีเงื่อนไข”
“อะไรครับ” พันแสงขยับเข้าใกล้คนตัวเล็กอย่างสนใจ ในที่สุดเธอก็ยอมเขาแล้ว
“หลังแต่งงานมุกจะไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศทันที”
“ทันทีเลยเหรอ? แล้วสามีของน้องล่ะครับ”
“ก็เรื่องของเขาสิคะ ยังไงเราก็แต่งกันด้วยผลประโยชน์ไม่มีความรักมาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ยังไงฉันก็แต่งกับคุณพันแสงแค่ในนาม”
“แค่ในนาม หมายความว่า?”
“อย่าทำเหมือนไม่เข้าใจภาษาไทยสิคะ ก็แปลว่าเราจะไม่มีสัมพันธ์ทางร่างกายเหมือนสามีภรรยาทั่วไป”
“แล้วเราจะมีลูกได้ยังไงครับ”
“แล้วใครบอกว่าจะมี”
“แล้วใครบอกว่าจะไม่มี” จากปลายเท้าสองคู่ที่ห่างเพียงหนึ่งฟุต พันแสงก็ย่นระยะให้ใกล้ชิดเข้าไปอีกจนคนตัวเล็กเขยิบถอย “ตามระเบียบแล้วพอแต่งงานกันก็ต้องตามมาด้วยการมีลูก”
“ไม่มีใครเขียนระเบียบนั้นขึ้นมาสักหน่อย”
“เอาเป็นว่าพี่ไม่ยอมรับ แต่งงานแค่ในนามบ้าบออะไร” ช่างเพ้อเจ้อไร้สาระ มีใครที่ไหนแต่งงานกันแล้วไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกันบ้าง แต่ถึงมีก็ไม่ใช่พันแสงแล้วหนึ่งราย เรื่องอะไรเขาจะไม่นอนกับเมีย
“ดีค่ะ งั้นก็เชิญกลับบ้านกลับช่องไปได้เลยค่ะคุณพันแสง” แก้วมุกดาถอนหายใจ เผยยิ้มโล่งอกขณะหมุนตัวจะกลับเข้าบ้าน พันแสงคว้าหมับที่ข้อมือเล็กอย่างไม่ยอมให้ผละหนีในตอนนี้ ยิ่งเห็นเธอยิ้มกริ่มดั่งผู้ชนะเขาก็ยิ่งแพ้ไม่ได้
“ไอ้เรื่องเงื่อนไขนั่นค่อยว่ากันหลังแต่ง” ถ้าดื้อนักก็จับปล้ำเสียก็สิ้นเรื่อง แต่ก็ทำได้แค่คิด ขืนฝืนใจเธอขึ้นมาจริงคงโดนแจ้งความแน่ ท่าทางเอาเรื่องใช้ได้ ไม่อ่อนโยนเหมือนผิวนุ่มนิ่มของเธอเลย
“ว่ากันตอนนี้เลยไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร เอาเป็นว่ายังไงเราก็จะแต่งงานกัน ภรรยาของพี่จะชื่อแก้วมุกดา ส่วนสามีของน้องก็ชื่อพันแสง” มือหนาล้วงหยิบบางอย่างจากกระเป๋ากางเกง ที่เขาตามพ่อแม่เข้าบ้านมาทีหลังเพราะลืมของสำคัญไว้บนรถ
แหวนทองคำขาวประดับเพชรทรงหยดน้ำถูกดึงออกจากตลับ แก้วมุกดายังไม่หายตกใจกับประกายของเพชรที่สะท้อนกับแสงแดดวิบวับ พันแสงก็ดึงมือข้างซ้ายของเธอไปกุมพร้อมเลื่อนแหวนลงสู่นิ้วนาง ครั้นเธอจะชักหนี เขาก็ดึงเธอมาใกล้จนร่างเล็กแนบชิดอกแกร่ง
“ทะ... ทำอะไรคะ”
“อืม พอดีจริงด้วยแฮะ” พันแสงสุ่มเลือกจากการคาดคะเนล้วนๆ แหวนเพชรน้ำงามวงนี้เขาเพิ่งซื้อเมื่อเช้านี้ เข้าไปเลือกเองในร้านและไม่ผ่านการปรึกษาจากพ่อแม่ว่าเขาจะเอาแหวนตีตราเธอ
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง” ดวงหน้าสวยยังไม่คลายความตกใจ ส่วนคนตัวสูงก็ไม่คลายมือจากเธอเช่นกัน
“อ๋อ ก็คือให้พนักงานร้านเพชรลองสวมดู เพราะพี่ดูแล้วขนาดนิ้วเขาใกล้เคียงกับมุกดา”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ อยู่ๆ มายัดให้แบบนี้ได้ยังไง”
แก้วมุกดาดึงมือตัวเองจากเขาได้สำเร็จ เธอจะถอดแหวนแต่สองมือหนาก็กอบกุมไว้ไม่ให้กระทำการสำเร็จ แก้วมุกดาจะยื้อแย่งให้ชนะ แต่สายตาเหลือบไปเห็นมารดาที่นั่งวิลแชร์มองลงมาจากห้องนอน
คุณแม่น้ำเพชรยิ้มกว้าง แววตาโอบอุ้มด้วยความสุข นับตั้งแต่ท่านป่วยแก้วมุกดาก็ไม่ได้เห็นแววตาเปี่ยมพลังเช่นนี้นานแล้ว
ซึ่งถ้านั่นเป็นความสุขของแม่ แก้วมุกดาก็พร้อมประเคนให้
“แต่งก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“แต่เพชรนี่เล็กไปหน่อยนะ” ...ไม่เลย ไม่เล็กเลยนิด ออกจะใหญ่โตเกินไปเสียด้วยซ้ำ แก้วมุกดาก็แค่แกล้งพูดไปอย่างนั้น
“วงนี้ห้ากะรัต แล้วน้องมุกดาต้องการเท่าไหร่ครับ”
“ยี่สิบกะรัต ให้ได้ไหมล่ะคะ พอดีชอบอะไรที่มันใหญ่ๆ หรูๆ ชอบโชว์ความรวย ชอบผู้ชายสายเปย์ค่ะ”
“ได้ ยี่สิบกะรัต ถ้าซื้อให้ต้องใส่ตลอด ห้ามถอด ห้ามทำหาย”
“ค่ะ ของมีค่าขนาดนั้นจะรักษาไว้ยิ่งชีพเลย ว่าแต่คุณจะปล่อยได้หรือยังคะ” แก้วมุกดาเหล่ตาต่ำมองมือเขาที่ฉวยโอกาสกุมมือเธออยู่นาน พันแสงจึงยอมให้อิสระ
“แต่ในระหว่างนี้เราก็ใส่วงนี้ไปก่อนนะ ห้ามถอดเด็ดขาด”
“แต่ว่ามันจะหายนะคะ เย็นนี้ต้องไปงานอยู่ด้วย”
“งานอะไร”
“งานแฟนมีต”
“ดารา?”
“ค่ะ ดาราที่ชอบ”
“ใคร?” แล้วคนนั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
“ชื่อพี่ดนตร์ค่ะ เป็นนักร้องนักแสดงที่กำลังมาแรงเลย แต่คุณคงไม่รู้จักหรอก เข้าไปข้างในดีกว่า ผู้ใหญ่คงรอกันนานแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน” พันแสงรั้งไว้แล้วหยิบเครื่องประดับอีกชิ้นจากในกระเป๋ากางเกง เขาทิ้งตลับมันไว้บนรถเพราะเกะกะเกินกว่าจะถือมาให้เธอตกใจ พันแสงดึงมือเล็กเข้าหาตัวอีกครั้งแล้วสวมสร้อยมุกที่ร้อยสลับกับจี้ทองคำรูปดอกไม้และโลโก้แบรนด์หรูตัวอักษร LV
“อะไรอีกคะเนี่ย” จะเกินไปไหม วันเดียวก็ให้ของสองชิ้นเลย รู้แล้วว่ารวยแต่ไม่ต้องเปย์ขนาดนี้ก็ได้
“พอดีมันแถมมากับแหวนวงนี้น่ะ” ใช่เสียเมื่อไร ร้านเครื่องเพชรไม่มีโปรโมชันนี้หรอก อีกอย่างทั้งแหวนและสร้อยข้อมือเขาซื้อมาจากคนละร้าน
“ทำไมถึงซื้อสร้อยมุกมาให้คะ”
“ก็เข้ากับชื่อของน้องดีนี่ครับ”
“คุณพี่ซันคิดว่าชื่อฉันคืออัญมณีอย่างนั้นเหรอ”
“แล้วไม่ใช่?”
“ไม่ใช่ค่ะ แก้วมุกดาเป็นชื่อไม้ประดับค่ะ เป็นไม้ดอกที่หอมมาก นั่นไงคะต้นแก้วมุกดา” นิ้วเรียวชี้ไปทางพุ่มไม้สูงสองเมตร ซึ่งทั่วตัวบ้านหลังนี้ปลูกไว้กว่าห้าต้น “ตรงหัวนอนห้องของมุกก็ปลูกไว้หนึ่งต้นค่ะ พอลมโชยเข้ามาทางหน้าต่างก็ทำให้รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในร้านเบเกอรี่เลยล่ะค่ะ”
แก้วมุกดาคือต้นไม้นี่เอง เขาก็ไปตีความว่าชื่อเธอคืออัญมณี
“เห็นทีพี่คงต้องหามาปลูกสักต้นแล้ว ว่าแต่เอาโทรศัพท์ของเรามาหน่อยสิ”
“ทำไมคะ?”
“จะเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ต้องมีเบอร์ติดต่อกันหน่อยไหม”
แก้วมุกดามองฝ่ามือขาวที่แบขอ ถอนหายใจให้รู้ว่าไม่เต็มใจ กระนั้นก็ส่งโทรศัพท์ของตนให้ พันแสงเลยได้เห็นภาพหน้าจอที่เป็นรูปศิลปินชาย คาดว่าคงเป็นคนที่เธอจะไปร่วมงานในเย็นนี้
“ฉันชื่อเล่นว่ามุกนะคะ มุกเฉยๆ ไม่ใช่มุกดา”
“แล้ว?”
“ก็คุณเรียกฉันว่ามุกดา”
“ก็จะพิเศษอยู่คนเดียวไม่ได้เหรอ ไม่มีใครเรียกว่ามุกดาก็ดีแล้วนี่ ให้พี่เรียกคนเดียวก็พอ”
พันแสงพูดให้เจ้าหล่อนงงงันในความนัย ส่งสมาร์ตโฟนคืนแล้วสาวเท้ากลับเข้าบ้าน จะว่าไปก็น่าขำตนเองอยู่เหมือนกัน จากที่คัดค้านการแต่งงานหัวชนฝา ทว่าแรกพบสบตาเพียงครั้งเดียวก็ทำพันแสงวิ่งแจ้นไปซื้อแหวนเพชรและพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ แบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่ารักแรกพบ