ตอนที่ 10 สมุนไพรจากเมืองจีน

1962 Words
18.00 น. หญิงสาวกลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างสิ้นเรี่ยวแรง วันนี้ทั้งวัน ดารินขลุกอยู่แต่กับวาววา พยายามหาช่องทางพูดถึงความดีงามของตรีศูลให้อีกฝ่ายฟัง จนหลัง ๆ วาววาเริ่มรำคาญและพูดออกมาตรง ๆ ว่าถ้าดารินอยากมาหาอีก ก็จงอย่าพูดถึงผู้ชายคนนั้นให้ได้ยิน ดารินจุกจนพูดไม่ออก วันนี้เธอจึงกลับบ้านมาแบบไม่มีอะไรดี ๆ คืบหน้า มีแต่จะแย่ลงด้วยซ้ำ ร่างบางเดินห่อเหี่ยวเข้าไปในตัวคฤหาสน์ และจู่ ๆ ก็มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งมาหยุดตรงหน้าของเธอ “คุณดารินคะ ท่านเจ้าสัวกับคุณตรีศูลรออยู่ที่ห้องอาหารค่ะ” “รอรินเหรอคะ?” “ใช่ค่ะ” ดารินพยักหน้า ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางไปยังห้องอาหารทันที ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกจากสาวใช้ เธอมองเข้าไปเห็นโต๊ะอาหารขนาดใหญ่และเก้าอี้ที่นั่งไม่ต่ำกว่าสิบตัว ในขณะที่ตอนนี้มีคนนั่งอยู่เพียงสองคนเท่านั้น ท่านเจ้าสัวองอาจนั่งหัวโต๊ะ และถัดมาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่นั่งทำหน้าตึง บนโต๊ะมีอาหารมากมายตั้งรออยู่ ดารินเห็นแบบนั้นก็เดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับตรีศูล เธอและพระเอกนั่งตรงข้ามกัน โดยมีเจ้าสัวองอาจนั่งตรงกลางหัวโต๊ะ “ต่อจากนี้เราจะทานมื้อเย็นพร้อมกันนะ” “ครับคุณพ่อ” “ค...ค่ะ” ดารินตอบรับเช่นกันพลางมองหน้าคนตรงข้าม เธอก็เห็นนัยน์ตาดุดันที่จ้องมองมา เขาตอบรับบิดาตัวเองก็จริง ทว่าสีหน้ากลับบอกบุญไม่รับ ดารินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ลงคอ ก่อนจะทำการทานมื้อเย็นกันอย่างเงียบเชียบ วันนี้เธอใช้พลังงานเยอะจึงหิวมากเป็นพิเศษ ไม่ได้สนใจว่าตรีศูลจะมองมาด้วยสายตายังไง ดารินจัดการกินอาหารทุกอย่าง ก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองกินเร็วเกินไปแล้ว จึงค่อย ๆ เคี้ยวช้า ๆ ให้ละเอียดเพราะกลัวอาหารติดคอ ในขณะที่เจ้าสัวองอาจและตรีศูลกินอาหารอย่างเนิบนาบละเมียดละไม ค่อย ๆ หั่นเนื้อเข้าปากอย่างผู้รากมากดี ดารินเห็นแบบนั้นก็ยืดหลังให้นั่งตัวตรงมากขึ้น ก่อนจะกินให้ช้าลงตามพวกเขา อึดอัดเป็นบ้าเลย จู่ ๆ น้ำเสียงแหบของเจ้าสัวก็เอ่ยขึ้น “พ่อได้ฤกษ์แต่งงานให้เราทั้งคู่แล้วนะ” “แค่ก ๆๆ” ดารินรีบคว้าแก้วน้ำมาดื่มเมื่อได้ยินประโยคนั้น เธอดื่มน้ำอึก ๆ จนสาวใช้ต้องรีบมารินน้ำเพิ่มให้ ตรีศูลทีได้ยินก็ตกใจไม่ต่างกัน ทว่าเขาไม่สำลักอาหารเหมือนอย่างคนตรงหน้า ตรีศูลทำเพียงยกผ้าขึ้นมาเช็ดมุมปาก ก่อนจะหันมองบิดาตนเอง “เรารออีกหน่อยไม่ดีกว่าเหรอครับ?” “จะรออะไรอีก” “ผมกับดารินพึ่งจะคบกันได้ไม่นาน เราสองคนอยากเรียนรู้กันไปก่อน” “แต่ยังไงก็ต้องมีหลานให้พ่อไม่ใช่เหรอ แกสัญญากับพ่อเอาไว้แล้ว” “...” “สุดท้ายก็ต้องมีลูกด้วยกันอยู่ดี แต่งงานให้มันถูกต้องน่ะดีแล้ว ตระกูลเราจะได้ไม่ถูกคนนอกเขานินทาเอา” ดารินกัดฟันแน่น มองหน้าตรีศูลก่อนจะก้มหน้าลงมองจานอาหารตัวเอง เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาเหมือนกัน เขาเป็นลูกแท้ ๆ ยังขัดพ่อไม่ได้เลย แล้วเธอล่ะ ไม่โดนยิงหัวเอาเหรอ ดารินได้แต่นั่งเงียบ ๆ รู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที “วันที่สิบแปดกรกฎา เป็นวันดี” “...” “เราทั้งคู่เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกันนะ” ใบหน้าของเจ้าสัวองอาจดูมีชีวิตชีวาเมื่อได้พูดเรื่องนี้ ต่างจากเธอและพระเอกมาก ๆ ตอนนี้ตรีศูลทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าคนตายอย่างไรอย่างนั้น ส่วนเธอน่ะเหรอ ก็คงทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “นั่นเป็นชาสมุนไพรที่เพื่อนพ่อเอามาฝากจากเมืองจีน ลองดื่มดูสิ” เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สาวใช้เอาถ้วยน้ำชาหอม ๆ มาเสิรฟให้ท่านเจ้าสัว ตรีศูล และเธอ ตรีศูลและดารินไม่คิดอะไร ทั้งคู่ยกถ้วยน้ำชาดื่มจนหมดแก้ว เช่นเดียวกับท่านเจ้าสัวที่ดื่มเข้าไปเช่นกัน ทว่าน้ำชาในแก้วของเจ้าสัวไม่เหมือนกับของอีกสองคนเท่านั้นเอง 19.30 น. “แม่ง” เมื่อเสร็จจากมื้อค่ำ ทั้งสองก็ขึ้นห้องมาพร้อมกัน เมื่อประตูปิดลง ตรีศูลก็สบทออกมาทันที เขาปลดกระดุมข้อมือออกทั้งสองข้าง และปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนจนเห็นแผงอกกำยำ ดารินทำเป็นไม่มองอีกฝ่าย เดินไปนั่งลงบนโซฟาซึ่งเป็นที่นอนของตัวเอง และที่ตรีศูลสบทอย่างหงุดหงิดนั้นเพราะเรื่องที่พ่อของเขากำลังเตรียมงานแต่งงาน และเรื่องระหว่างเขาและวาววาก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน ตรีศูลตวัดสายตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนเขาจะเดินไปหยุดตรงหน้าเธอ “หน้าที่ของเธอทำไปถึงไหนแล้ว?” เขาเอ่ยถามเธอ ดารินขมวดคิ้วแน่น “รินกำลังทำอยู่ค่ะ แต่วาเกลียดคุณมาก” “ใช่ วาววาเกลียดฉันมาก และยิ่งเกลียดมากเข้าไปอีกก็เพราะเธอ!” เขาตวาดจนหญิงสาวสะดุ้ง ดารินนั่งก้มหน้ามองมือของตัวเอง “เพราะเธอจ้างคนไปปาก้อนหินใส่ร้านวาววา แล้วยังเขียนโน้ตบ้า ๆ นั่น มันก็ยิ่งทำให้วาววาเกลียดฉันไง” “แต่รินก็พยายามแก้ไขอยู่นะคะ ไม่ได้อยู่เฉย ๆ สักหน่อย คุณต่างหากที่อยู่เฉย คุณรักวาจริงหรือเปล่า” เธอเห็นเขาเอาแต่ทำงาน ไม่โผล่หน้าไปหาวาววาตั้งแต่วันนั้น มีแต่เธอที่เอาแต่คิดหาวิธีให้สองคนนี้รักกันจนสมองจะระเบิด ทว่ามาเฟียหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นก็กำมือแน่น ก่อนจะเดินไปกระชากข้อมือเล็กจนร่างของเธอปลิวมากระแทกกับตัวเขา สายตาน่ากลัวกดมองใบหน้านางร้าย “อย่ามาปากดีกับฉัน” “ม...ไม่ได้ปากดี รินพูดความจริง” “คนที่ทำเรื่องเลว ๆ อย่างเธอ ไม่มีสิทธิ์มาโทษคนอื่น” “...” “ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษตัวเธอเอง” พรึบ! ตรีศูลผลักดารินจนเธอล้มลงบนโซฟาอีกครั้ง หญิงสาวตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างเกลียดชัง รุนแรงและป่าเถื่อนเสียจริง เพราะเธอคือเธอ เขาถึงไม่เคยอ่อนโยนด้วยเลย ถ้ากับวาววาละก็นะ...ไม่อยากจะคิดว่าตรีศูลเวอร์ชั่นอ่อนโยนคลั่งรักจะเป็นยังไง ตอนจบทั้งสองครองรักกัน มันเป็นอะไรที่หวานหยดมาก ๆ ทว่าเธอยังแต่งไม่ถึงตอนนั้น เลยยังนึกภาพตรีศูลคลั่งรักไม่ออก ดารินมองขวางพระเอกที่เดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง ท่าทางของเขาดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนที่จะต้องแต่งงานกับเธอ แกล้งแต่งด้วยให้อกแตกตายไปเลยดีไหมนะ ไม่เอาดีกว่า เธออยากออกไปจากชีวิตของเขา เพราะงั้นเธอต้องทำให้สำเร็จ ดารินยกมือกุมศีรษะของตัวเอง อีกเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำที่งานแต่งงานจะเริ่ม และการให้วาววารักเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และถ้าเธอทำไม่ได้ เธอก็ต้องตายด้วยมือของอีกฝ่าย เขาฆ่านางร้าย...เป็นตอนจบที่ถูกกำหนดมาแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าถึงตอนนั้นจริง ๆ เนื้อเรื่องจะเป็นไปในทิศทางไหน แต่เธอจะต้องรักษาชีวิตของตัวเองให้ได้ จะไม่ยอมตายอีกเด็ดขาด “รินนึกออกแล้ว” เพราะเป็นนักเขียน สมองเลยทำงานค่อนข้างไว...ดารินโพล่งออกมาก่อนจะหันมองร่างสูง เธอก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอดเสื้อของตัวเองออก รูปร่างสมส่วนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ประจักษ์แก่สายตาเธอ ดารินหันหน้าหนีไปอีกทางทันที เธอกระพริบตาปริบ ๆ เพราะหุ่นของเขานั่นมัน... สุด ๆ ไปเลย เป็นไปตามที่เธอจินตนาการตอนบรรยายฉากเอนซีเอาไว้เปะ! “คุณถอดเสื้อทำไม” เสียงหวานเอ่ยออกมาทั้งที่ยังหันหน้าไปอีกทาง ตรีศูลที่ได้ยินแบบนั้นก็หายใจถี่รวน เพราะเขารู้สึกร้อนขึ้นมากะทันหัน เดินไปหยิบรีโมทแอร์มาลดอุณหภูมิให้เย็นขึ้น เม็ดเหงื่อพราวเกาะอยู่บนลำตัวของเขา "ฉันร้อน” จู่ ๆ เขาก็รู้สึกร้อน ดารินได้ยินแบบนั้นก็ยกมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเองเช่นกัน ใช่...เธอก็รู้สึกร้อนมาสักพัก แต่นึกว่าเป็นเพราะกลัวเขา เหงื่อก็เลยแตก แต่ไม่ใช่ เธอรู้สึกว่ามันร้อนจากข้างใน เหมือนกินทุเรียนเข้าไปสิบลูก หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ก่อนจะหันมองตรีศูลอีกครั้ง “ค...คุณ!” ร่างบางก็ต้องถอยหลังกรูดไปชิดโซฟาอีกฝั่ง เพราะจู่ ๆ ร่างสูงก็เข้ามาประชิดเธอตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ดวงตากลมสั่นไหวเลื่อนมองก้อนซิกแพ็คที่เรียงรายอย่างสวยงาม กล้ามแขนใหญ่เป็นมัด ๆ ไรขนที่สูงขึ้นมาเหนือขอบกางเกงทำให้หญิงสาวตาลุกวาว เธอค่อย ๆ เอามือไปแตะไรขนอ่อนตรงหน้าช้า ๆ ก่อนจะชักมือกลับมาเพราะไม่รู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองทำอะไรลงไป “ให้ตายเถอะ ฉ...ฉันเป็นอะไร” ดารินพึมพำกับตัวเอง เธอเก็บมือของตัวเองเอาไว้อย่าให้มันเพ่นพ่าน ตรีศูลที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งบนโซฟาก็หลุบสายตามองเรือนร่างขาวเนียน เขารีบหันหน้าหนีทันที พลางคิดในใจว่าตัวเองเป็นอะไร “ร...รินก็ร้อน ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ดารินลุกขึ้นจากโซฟา ทำท่าจะเดินผ่านคนตัวใหญ่ ทว่าลำแขนแกร่งของเขาก็คว้าเอวของเธอและกระชากเข้าไป จนใบหน้าของเขาห่างกันเพียงนิดเดียว “จำสมุนไพรที่พ่อฉันให้กินได้ไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยรอดไรฟัน เขาจ้องใบหน้าหวาน ส่วนดารินก็เงยหน้ามองเขาเช่นกัน เธอพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะเบิกตาโพลงเพราะเข้าใจในสิ่งที่ตรีศูลจะสื่อ “พ...พ่อของคุณ วางยาเราเหรอคะ!” มันคือสมุนไพรจีนที่ให้สรรพคุณช่วยให้ตื่นตัวในเรื่องอย่างว่า ช่วยให้คู่รักที่มีบุตรยากสำเร็จมาไม่รู้กี่คู่ต่อกี่คู่แล้ว ก็ในเมื่อเด็กทั้งสองบอกว่า ‘เป็นคนรักกัน’ และคนเป็นแฟนกัน ที่กำลังจะปั้มลูก ได้ดื่มสมุนไพรนี้เข้าไปก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ? เจ้าสัวไม่ได้คิดว่าตนเองวางยาลูกแต่อย่างใด ก็ในเมื่อลูกชายบอกว่าตนและดารินเป็นแฟนกัน แถมยังสัญญาว่าจะมีหลานให้เร็ว ๆ นี้ คนเป็นพ่อก็ต้องช่วยให้สำเร็จไว ๆ สิ...ถึงจะถูกต้อง แสบทั้งพ่อทั้งลูก ดารินคิดในใจพลางทำหน้าเหยเกเหมือนจะร้องไห้ออกมา “ปล่อยนะคะ เราจะไม่ทำเรื่องอย่างว่ากันเด็ดขาด!!” “รู้แล้วหน่า ฉันไม่คิดจะลดตัวไปเอาผู้หญิงร้ายกาจอย่างเธอหรอก” “แล้วมากอดรินทำไมคะ!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD