5 ยุ่ง

1391 Words
“พวกมึงทำเหี้ยอะไรกันอยู่” เสียงเข้มดังขึ้นจากด้านหน้าดังขึ้น ฉันต้องชะงักฝีเท้าทันที หัวใจเต้นแรงเพราะรู้ตั้งแต่แรกว่ามันคือเสียงของใคร ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วก็เห็นพี่ซันเดย์ ร่างสูงในชุดช็อปสีแดงยืนขวางอยู่ตรงหน้า ดวงตาคมเข้มของเขาจ้องพวกผู้ชายกลุ่มนั้นราวกับไม่พอใจมาก “พี่ซันเดย์” เสียงฉันแผ่วเบา แต่ความรู้สึกในอกกลับพลุ่งพล่านทั้งโล่งใจ ทั้งตื่นกลัว ทั้งดีใจอย่างบอกไม่ถูก ในใจฉันอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าเขาโครตเท่ ราวกับพระเอกละครหลังข่าวที่เข้ามาช่วยนางเอกจากพวกผู้ร้าย “สวัสดีครับพี่ซันเดย์ พวกผมแค่แซวน้องเค้าเล่นๆเฉยๆครับพี่ เห็นว่าน้องเขาน่ารักดี พวกผมไม่ได้ทำอะไรนะครับ” หนึ่งในนั้นรีบพูดแก้ตัว พร้อมยกมือเกาหัวแบบกล้าๆกลัวๆ แต่แววตาของพี่ซันเดย์กลับเย็นเฉียบ ไม่มีคำพูด ไม่มีรอยยิ้ม มีเพียงเสียงห้วนๆที่หลุดออกมาช้าๆ “ใส่หัวไป แล้วอย่าให้กูเห็นมายุ่งกับเธออีก” น้ำเสียงนั้นนิ่ง พร้อมตวัดสายตามองผู้ชายกลุ่มนั้นด้วยความน่ากลัว จนแม้แต่ฉันที่ยืนอยู่นิ่งๆก็ยังรู้สึกขนลุก ชายกลุ่มนั้นพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน “ครับพี่ พวกผมไม่คิดว่าพี่จะไม่พอใจขนาดนี้เลย ก็แค่แซวเล่นๆเองครับ” "........." แต่พี่ซันเดย์ไม่แม้แต่จะตอบ เขาแค่ยืนนิ่ง จ้องพวกนั้นด้วยสายตาคมดุราวกับเสือร้าย สายตาที่แทบไม่ต้องพูดอะไรก็รู้ว่าไม่พอใจ “ครับพี่ พวกผมไม่ยุ่งกับเธอแล้วครับ” พวกเขารีบถอยกลับไปนั่งที่เดิมแทบจะทันที ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะพูดเสียงเบา “พะ…พี่ซันเดย์ ขอบคุณนะคะ” -ซันเดย์- “ใครบอกให้เดินมาทางนี้คนเดียว” ผมเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงห้วนๆ และภาพที่เห็นตรงหน้า ร่างเล็กที่ยืนกอดกระเป๋าแน่น ดวงตาสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้ มันทำให้ใจผมชะงักไปทันที “หนู…เอ่อ…หนูไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ในมหาลัยด้วยค่ะ หนูก็เลยไม่รู้ว่าควรเดินทางไหน” เสียงของเธอสั่น เธอก้มหน้า น้ำตาคลอจนผมรู้ได้ทันทีว่าเธอกลัวจริงๆ ผมถอนหายใจเบาๆ อยากจะบ่นให้เธอก็กลัวว่าเธอจะร้องไห้ “อืม…ที่จริงมันก็เดินได้แหละ แต่พวกผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ค่อยผ่านทางนี้หรอก เพราะมันมักจะมาเจอไอ้พวกนี้คอยแซว คอยเดินตามกวนใจ ที่จริงมันก็ไม่กล้าทำอะไรหรอกแต่เลี่ยงได้ก็เลี่ยง คราวหน้าอ้อมไปหน้าตึกแพทย์แล้วกัน” พูดจบผมก็เบือนหน้าไปทางอื่น เพราะถ้าจ้องหน้านานกว่านี้ มีหวังได้หลุดคำปลอบออกไปแน่ “ค่ะพี่ซันเดย์” เธอตอบเสียงเบา พร้อมพยักหน้าเบาๆเหมือนเด็กถูกดุ แล้วก็กอดกระเป๋าแน่นกว่าเดิม “แล้วนี่กลับยังไง” “ขับรถกลับเองค่ะ” “งั้นเหรอ คราวหลังก็อย่าสร้างเรื่องเยอะนัก ฉันขี้เกียจคอยตอบคำถามแม่ ถามอยู่นั่นแหละน่ารำคาญชะมัด” “หนูไม่ได้สร้างเรื่องนะคะ หนูแค่เดินมาเฉยๆ พวกพี่เขาต่างหากที่เดินตามหนูมาเอง หนูไม่ได้บอกให้พี่เขาเดินตามมาด้วยซ้ำ” เธอรีบเงยหน้าขึ้นเถียงผมเป็นฉากๆ ก็เพราะแบบนี้ไงครับผมถึงรู้สึกว่า เธอแม่งโครตน่ารำคาญเลย ผมปรายตาใส่เธอ “ฉันหมายถึงเรื่องอื่นด้วย” เธอชะงักก่อนจะเบะปากเล็กๆ “หนูรู้ค่ะ ถ้าพี่หมายถึงเรื่องที่หนูทำให้พี่เดือดร้อนวันนี้ หนูก็ขอโทษแล้วกันค่ะ แต่หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ” เธอพูดพลางหน้ามุ่ย เหมือนเด็กที่ขอโทษไปงั้นๆโดยไม่ได้สำนึกผิดจริงๆ แล้วผมก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “อืมกลับไปได้แล้วไป” ผมพูดพลางก้าวขาเดินไปทางลานจอดรถ “พี่ซันเดย์กลับบ้านหรืออยู่คอนโดคะ” “ยุ่ง” “หนูแค่อยากรู้ หนูไม่ได้ยุ่งซักหน่อย” ผมหันขวับกลับไปมอง เธอก็ยังเดินตามหลังไม่ห่าง แถมทำหน้าทำตาใสซื่อเหมือนไม่รู้เลยว่าตัวเองก่อความรำคาญขนาดไหน “นั่นแหละเขาเรียกว่ายุ่ง” ผมพูดนิ่งๆแล้วผมก็เดินหนี แต่เธอก็ยังไม่วายที่จะเดินตามมาอีก “หนูแค่อยากรู้ว่าพี่ซันเดย์อยู่ที่คอนโดใช่ไหมคะ” เสียงใสๆนั่นยังดังตามหลังมาไม่หยุด ผมถอนหายใจยาวด้วยความเบื่อหน่าย เธอถามผมเพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นทุกที “แล้วเธอจะเดินตามมาถามฉันทำไม ทางมีตั้งเยอะแยะก็เดินไปสิ” คำพูดหลุดออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกว่าที่ผมตั้งใจไว้ ผมหันขวับกลับไปจ้อง และทันเห็นเธอชะงักนิ่งไปชั่ววินาที ดวงตาเรียวโตสั่นวูบ ก่อนจะหลบสายตาผมอย่างเงียบๆ ผมเม้มปากแน่นพลางหันหน้าหนี 'ให้ตายสิ' เสียงสบถในใจดังขึ้น ก่อนที่ผมจะสาวเท้ายาวตรงไปที่รถตัวเอง อย่างไม่ได้สนใจอะไรเธอมาก ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งพร้อมถอนหายใจออกมาแรงๆ จนรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่ค้างอยู่ในใจ ผ่านกระจกหน้ารถ ผมเห็นเธอค่อยๆเดินตรงไปที่รถของตัวเอง “ยัยจุ้นเอ๊ย...ชอบวุ่นวาย ชอบถาม ชอบกวนใจไม่เลิก แล้วเดี๋ยวพอฉันเสียงดังใส่นิดหน่อย ก็จะไปฟ้องแม่อีกแน่ๆ ทั้งที่ตัวต้นเรื่องมันก็เธอแท้ๆ เมื่อไรเธอจะเลิกวุ่นวายกับฉันซักที” เสียงผมหลุดพึมพำออกมาเบาๆ แต่ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่ผมก็ยังไม่ขับรถออกไปไหน ยังมองตามร่างเล็กของเธออย่างเงียบๆ ผมนั่งมองจนเธอขับรถออกไปจากลานจอด ท้ายรถของเธอหายลับตาผมถึงได้ออกรถตามเธอไป ครืก~ ครืก~ ครืก~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังขับรถ เสียงเรียกเข้าบนหน้าจอขึ้นชื่อทรอย ผมถอนหายใจยาวก่อนจะกดรับสาย “ว่าไงมึง” “มึงอยู่ไหนวะ” เสียงของไอ้ทรอยดังขึ้นอย่างหัวเสีย พร้อมความหงุดหงิดที่ผมแค่ได้ฟังกูรู้เลย “กูก็กำลังกลับบ้านไงวะ” “เอ้าไอ้เหี้ย เมื่อกี้มึงบอกจะไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอวะ แล้วมึงแม่งกลับบ้านไม่บอกพวกกูสักคำเนี่ยนะ” ผมเงียบคิดอยู่ครู่หนึ่ง กลอกตาไปมาก่อนจะตอบมันไป “เออกูลืมว่ะเพื่อน กูกลับแล้วเว้ย ขับรถออกมาจากมหาลัยแล้วด้วย” ผมลืมจริงๆ ผมเองก็งงว่าผมลืมได้ไง “เหี้ยอะไรของมึงวะ เมื่อกี้มึงบอกจะไปเข้าห้องน้ำเฉยๆแล้วแม่งก็หายไปเลย กูโทรไปอีกทีมึงก็บอกกลับบ้านแล้วเนี่ยนะ” ไอ้ทรอยมันบ่นให้ผม ผมรู้เลยว่ามันกำลังทำหน้างงกับผมอยู่แน่ๆ “เออกูรีบกูมีธุระด่วน แค่นี้เว้ย” "เฮ้ยดะ...เดี๋ยว" ตูด~ ตูด~ ตูด~ ผมรีบกดวางสายโดยไม่รอให้มันบ่นต่อ ที่จริงผมลืมไปด้วยซ้ำว่าผมกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมเดินไปเห็นว่ายัยจุ้นนั้นกำลังโดนแกล้ง ผมก็เลือกที่จะเดินไปหาเธอเลย แล้วจู่ๆผมก็ขับรถออกมาเฉยเลย ผมไม่รู้ว่าผมลืมเพื่อนไปได้ไง ไม่ใช่แค่ไอ้สองคนนั้นงงหรอกครับ ผมเองก็งงตัวเองเหมือนกัน “เหอะ…แม่งกกูลืมเพื่อนไปได้ไงวะเนี่ย” ผมสบถเบาๆกับตัวเอง แล้วผมก็มองไปที่ท้ายรถของเธอ แล้วผมก็เลือกที่จะขับให้ช้าลง เพื่อที่จะตามรถของยัยจุ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเส้นทางที่เธอต้องขับแยกออกไปอีกทาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD