[หิรัญ Talk]
“ชะตามันขาดแล้ว”
พ่อเดินเข้าสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ อย่างถอดใจ ผมไม่เคยเห็นครั้งไหนที่เขาแสดงสีหน้าแบบนี้มาก่อนเลย
“โดนหลายอย่าง ทั้งผีจะเอา ทั้งโดนของ”
“ของตีกลับใช่ไหม”
ผมพอจะดูออกอยู่บ้าง เพราะลักษณะการโดนของไม่น่าจะเป็นแบบนี้ คิดว่าคงโดนตีกลับ แถมอีกฝ่ายยังหมายจะเอาถึงตาย เพราะใช้ของแรงมาก
“อืม ของตีกลับ”
พ่อขยับขึ้นมาเปิดเปลือกตาคนที่กำลังนอนแน่นิ่งดู เพียงเท่านี้ก็สามารถรู้แจ้งได้ว่าอีกฝ่ายโดนอะไรมาบ้าง
“แกได้ช่วยมันทำของใส่ใครหรือเปล่า”
“เห็นผมเป็นคนยังไงฮะพ่อ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า”
เว้นเสียแต่ยัยเด็กนี่จะไปขอให้สำนักอื่นช่วยทำให้ มึงนี่พูดไม่ฟังจริง ๆ เลย บอกว่าอย่าทำ ๆ รีบฟื้นขึ้นมาเลยนะ กูจะได้ฟาดซ้ำ
“ตอนนี้กำลังมันอ่อนมาก แกช่วยเข้าไปดึงมันกลับมาแล้วกัน”
หลังจากที่ผมดึงวิญญาณนังชบากลับเข้าร่างได้ไม่ถึงห้านาที วิญญาณมันก็หลุดออกจากร่างไปอีกแล้ว เทียวเข้าเทียวออกอยู่แบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่งั้นร่างของมันจะกลายเป็นแค่ทางผ่าน
“งั้นพ่ออยู่เฝ้าก่อนแล้วกันนะ”
ผมต้องถอดจิตออกไปช่วยนังชบาก่อน เพราะตอนนี้ไม่เห็นวิญญาณของมันอีกแล้ว เลยต้องรบกวนให้พ่อนั่งเฝ้าธูปไว้ หากใกล้หมดก้านเมื่อไหร่ ผมต้องกลับเข้าร่างทันที ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นผมนี่แหละที่ตกที่นั่งลำบาก
พิธีกรรมเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมที่ฝึกมาอย่างชำนาญแทบไม่ต้องใช้เวลาให้เปลืองไปถึงนาทีก็สามารถถอดจิตออกมาจากร่างได้ ก่อนจะไปปรากฏตัวยังที่มืดและเต็มไปด้วยหมอกควัน ดูวังเวง และไม่น่าไว้ใจเลย
“ชบา”
ผมตะโกนเรียกพลางชะเง้อคอมองหา ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบบริเวณ และไปสะดุดตาเข้ากับดวงไฟเล็ก ๆ ที่คาดว่าเป็นดวงวิญญาณของยัยเด็กแสบนั่น
“ชบา...”
ขายาว ๆ ก้าวไปด้านหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยุดชะงักเพราะมีใครบางคนเดินเข้ามาขวาง เธอเป็นผู้หญิงผมยาวตกถึงกลางหลัง แววตาดุดันกว่าวิญญาณที่ผมเคยพบเจอ แต่กลับนิ่งเสียจนน่าแปลกใจ เธอไม่ใช่ผีตัวที่เข้าสิงชบาก่อนหน้านี้ แถมยังดูมีพลังมากยิ่งกว่าด้วย
“อย่ามาเสือกเรื่องของกู”
เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกก่อนจะปัดมือเพียงครั้งเดียว ลมแรง ๆ ก็พัดพาเอาเศษฝุ่นบนพื้นตลบขึ้นมาโจมตีผม แต่มีหรือที่ผมจะยอมให้นังผีชั่วช้าตนนี้ลงมืออยู่ฝ่ายเดียว รีบบริกรรมคาถาแล้วพัดเปลวไฟคืนกลับไปบ้าง
“กรี๊ดดด!!”
เสียงกรีดร้องดังสนั่นคับพื้นที่ เปิดโอกาสให้ผมได้เรียกดวงวิญญาณของนังชบาให้ลอยมาหยุดอยู่กลางฝ่ามือแล้วเตรียมจะพามันกลับเข้าร่าง แต่กลับถูกพลังของวิญญาณชั่วพุ่งเข้ากลางอกเต็มแรงจนเข่าทรุด
“มึงสิเอาลูกกูไปไส กูบ่ให้!” (มึงจะเอาลูกกูไปไหน กูไม่ให้)
สิ้นเสียงที่กริ้วโกรธ พายุก็เริ่มก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้า เหล่าวิญญาณทั้งหลายต่างถูกครอบคลุมเอาไว้อย่างน่าอัศจรรย์ โชคดีที่ผมถูกกระชากกลับมาโดยผู้เป็นพ่อ จึงรอดพ้นมาได้
“เฮือก แคก ๆ”
กลับเข้าสู่ร่างได้ผมก็สำลักออกมาอย่างหนัก รู้สึกเจ็บหน้าอกไปหมด ผีตนนี้ทำไมถึงแรงมากขนาดนี้กัน
“เป็นไงบ้าง”
พ่อรีบพยุงตัวผมไว้ด้วยสีหน้าเป็นห่วง คงเห็นว่าผมมีท่าทางแปลก ๆ จึงรีบดึงกลับคืนมา โชคดีมากที่เขาดึงกลับมาได้ทันเวลาพอดี
“เอากลับมาได้แล้ว พ่อไปผูกวิญญาณใส่ร่างไว้หน่อย”
พ่อไม่รีรอ รีบตรงไปทำการผูกวิญญาณเข้ากับร่างไม่ให้หลุดออกอีกทันที แต่วิธีนี้ได้ผลเพียงไม่นาน พวกเราคงต้องเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด
“เป็นจังได๋แนล่ะสิงห์” (เป็นยังไงบ้างสิงห์)
พ่อของชบาชะโงกหน้าเข้ามาส่องดูอย่างห่วง ๆ ถัดออกไปคือป้าหวาและบัวที่กำลังทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน
“เอากลับเข้ามาได้แล้ว รอแค่ให้มันฟื้น”
ทั้งหมดต่างถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาพร้อมกัน ก่อนจะเดินต้อย ๆ เข้ามานั่งอยู่ข้างลูกสาวที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าตัวเองก่อเรื่องเอาไว้หนักแค่ไหน นึกขึ้นมาทีไรก็โมโห รีบตื่นขึ้นมาสักที กูจะได้ด่าให้จำทางกลับบ้านไม่ได้
“ผีมาแต่ไสล่ะหิรัญ ผีเจ้าที่คือเก่าบ่” (ผีจากไหนเหรอหิรัญ ผีเจ้าที่เหมือนเดิมเหรอ)
“บ่ครับ ผีผู้หญิง ตอนเข้าไปเอิ้นวิญญาณกลับคืนมา มันบอกว่าอย่าเอาลูกกูไป” (ไม่ครับ ผีผู้หญิง ตอนเข้าไปเรียกวิญญาณกลับคืนมามันบอกว่าอย่าเอาลูกกูไป)
“ฮะ!”
ป้าหวาร้องลั่นพลันยกมือขึ้นมาทาบปิดปาก แววตาสั่นไหวยิ่งกว่าเดิมก่อนจะหันไปจ้องหน้าสามีราวกับรู้กันอยู่ในที
“ชะตามันขาด แม่เก่าเลยตามมาเจอ”
พ่อของผมสรุปเหตุการณ์ให้ฟังได้ในทันที ผมเองก็พอจะรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง เพราะช่วงอายุประมาณ 10 ขวบเห็นจะได้ พ่อผมเคยทำพิธีใหญ่ ตัดแม่ตัดลูกให้กับบ้านของลุงหมาย ตอนนั้นวุ่นวายมาก เพราะผีแม่เก่าไม่ยอม จะเอาลูกลุงหมายไปอยู่ท่าเดียว ผมก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ตอนนี้ ว่าเด็กคนนั้นที่พ่อไปช่วย คือนังชบา...
แส่หาเรื่องตายจริง ๆ เลย
“ฮืออ ชบาเอ๊ย เวรกรรมหยังของมึงน้อ” (ฮืออ ชบาเอ๊ย เวรกรรมอะไรของมึงนะ)
ป้าหวาปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น พลันยกมือขึ้นลูบหัวลูกสาวน้ำตาอาบสองข้างแก้ม บังเกิดภาพที่น่าสงสารอย่างจับใจ
“มีวิธีซอยมันบ่สิงห์” (มีวิธีช่วยมันไหมสิงห์)
ลุงหมายหันไปพูดกับพ่อ ก่อนจะไอออกมาอย่างหนัก ตอนนี้ลุงหมายแกป่วยจนโทรมลงไปมาก หากลูกมาถูกพรากไป ผมคาดว่าไม่นานแกได้ตรอมใจตามลูกสาวแน่
“เฮ้ออ คันสิให้ซอยอิหลีมันกะได้อยู่ แต่ว่า...” (เฮ้ออ ถ้าจะให้ช่วยจริง ๆ มันก็ได้นั่นแหละ แต่ว่า...)
พ่อพูดไม่ทันจบประโยคก็หันมาหาผมด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ผมไม่เคยคาดคิด
“ต้องให้ชบามันมาผูกแขนเป็นผัวเมียกับคนที่ดวงแข็ง เป็นไปได้กะอยากให้ผูกกับบักหิรัญ มันจังเบิ่งแยงกันได้” (ต้องให้ชบามันผูกแขนเป็นผัวเมียกับคนที่ดวงแข็ง ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ผูกกับไอ้หิรัญ มันจะได้ดูแลกัน)
“พ่อจะบ้าเหรอ!”
ผมโพล่งออกไปทันที เรื่องแบบนี้ไม่มีทางยอมแน่ ให้ตายยังไงผมจะไม่มีวันเอาเด็กที่สร้างแต่ปัญหาแบบนังชบามาเป็นเมียอย่างแน่นอน
“ผูกหลอกตาไปก่อน ค่อยหย่าตอนแม่เก่ารามือก็ได้”
“พ่อกับแม่อยู่กินกันจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะพิธีผูกแขนเอาดวงค้ำนี่ไม่ใช่หรือไง ไม่เอาหรอก ผมยังไม่อยากมีเมีย”
จริง ๆ ก็อยากพูดว่าไม่อยากมีเมียแบบนังชบานี่แหละ แต่เกรงใจพ่อกับแม่มันที่นั่งหัวโด่ สะอื้นไห้น้ำตานองหน้าอยู่ตรงนี้
จะหาว่าผมใจร้ายใจดำก็ได้ แต่ถ้าจะให้ผมฝืนใจเอามันเป็นเมีย ก็ไม่ต่างไปจากหาความฉิบหายจัญไรสู่ตัวเองเลย ปฏิเสธไม่ลงหรอกว่ามันสวยหยาดเยิ้มจนผู้ชายต่างมองตามคอแทบเคล็ด แต่สวยแต่รูป จูบไม่หอม ใครบอกว่าดอกฟ้า ผมนี่แหละจะคัดค้านเองว่ามันคือดอกตีนเป็ด