“ไม่รู้แหละ ถ้าพี่บัวไป ฉันก็ต้องไปด้วย นะ ๆ ๆ ๆ พี่บัว ให้ฉันไปด้วยเถอะนะ”
พูดพลางเขย่าแขนคนอายุไล่เรี่ยกัน พลันส่งสายตาเว้าวอนสุดชีวิต ไม่แม้แต่จะสนใจว่าตอนนี้พ่อกับแม่กำลังทำสีหน้าลำบากใจเพียงใด
“มึงสิไปเฮ็ดหยัง อยู่บ้านซักผ้านั่น” (มึงจะไปทำไม อยู่บ้านซักผ้าดีกว่า)
ผู้เป็นแม่เดินเข้ามากระชากแขน แต่มีหรือที่ฉันจะยอมคลายมือออกจากพี่บัวง่าย ๆ
“โอ๊ย! ประสาไปนำซือ ๆ มันสิเป็นหยัง ฮ่วย” (โอ๊ย แค่ไปด้วยเฉย ๆ มันจะเป็นอะไรฮะ)
ฉันโวยลั่นเป็นภาษาถิ่น ที่นาน ๆ ทีจะได้หลุดออกจากปาก เพราะไม่ค่อยถนัด
“เอ้า อีนี่! มึงคือเว่ายากแท้เดียวหนิ” (เอ้านังนี่ พูดไม่ฟังจริง ๆ)
“โอ๊ยย!”
คงเกิดจากความเหลืออดเต็มทน คนกระชากแขนของฉันอีกฝั่งถึงได้ยกมือขึ้นมาบิดต้นแขนจนฉันเผลอร้องลั่นด้วยความเจ็บ บิดเข้ามาได้ไงเนี่ย
“เอ่อ... คะ คุณปลัดคะ ให้ชบาไปด้วยได้หรือเปล่า”
ในที่สุดพี่บัวก็ตัดสินใจหันไปขอร้องคนที่ยืนอยู่ข้างกัน ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าลำบากใจอยู่
“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
ถึงจะบอกว่าไม่มีปัญหา แต่ก็ยังแอบทำหน้าเสียดาย เหอะ! คงหวังจะได้แอ้มพี่สาวฉันก่อนงานแต่งสิท่า ฝันไปเถอะ
“เฮ้ออ ขอโทษหลาย ๆ เด้อคุณปลัด จังได๋กะฝากมันแนเด้อ มันแฮงมึน” (ขอโทษมาก ๆ นะคะคุณปลัด ยังไงก็ฝากมันหน่อยนะ มันยิ่งดื้ออยู่)
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ น้องบัวก็เหมือนน้องผมนี่แหละ ผมจะดูแลให้ดีที่สุด”
แหวะ! บทพูดน้ำเน่า ฟังแล้วสะอิดสะเอียน เหมือนหลุดออกมาจากโรงลิเกเลย
เมื่อได้ข้อสรุปที่พอใจ ฉันก็ได้มานั่งเสนอหน้าอยู่บนรถกระบะสีดำ โดยที่พี่บัวนั่งอยู่ข้างคนขับ และฉันนั่งอยู่เบาะหลัง แต่กระนั้นก็พยายามยื่นหน้าออกไปขัดขวางคนด้านหน้าตลอด
“จะเที่ยงแล้ว แวะกินข้าวก่อนแล้วกันเนอะ อยากกินอะไรกัน”
“แล้วแต่คุณปลัดเลยค่ะ”
คนข้างกันตอบกลับอย่างเกรงใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายมารับไปเที่ยวและซื้อของในตัวเมือง
“เรียกแบบนี้อีกแล้วนะ บอกแล้วไงว่าต่อไปนี้ให้เรียกพี่วสัน”
“แหมม พูดแบบนี้มากี่คนแล้วคะท่านปลัด”
“ชบา”
พี่บัวรีบหันมาทำหน้าดุส่งให้ แต่ระดับอีชบาเหรอจะกลัว โดนฟาดจนไม้หักยังไม่เข็ดเลย
“แค่แซวเล่นเฉย ๆ น่า ปลัดเขาไม่ว่าอะไรหรอกเนอะ”
พูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้าส่งไปทางคนขับที่กำลังปั้นหน้าไม่ถูก
“ไม่เป็นไร น้องแค่แซวเล่นเอง”
เขาว่าด้วยท่าทางไม่ถือสาจริง ๆ ก่อนจะหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อ ระหว่างทาง ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรขึ้นมาก็จะมีฉันคอยขัดขวางอยู่ตลอด จนกระทั่งมาถึงร้านกินข้าว
“บัวขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ได้สิ”
“ชบาไปด้วยไหม”
ฉันส่ายหน้าระรัวแทนคำตอบ พี่บัวจึงได้เดินไปเข้าห้องน้ำคนเดียว บนโต๊ะอาหารจึงได้มีเพียงฉันกับปลัดเพียงสองคน
“อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ”
“ไหนดูซิ”
ฉันขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนนิ้วไปตามเมนูอาหาร จนลืมสังเกตไปว่าตอนนี้คนที่อยู่ข้าง ๆกำลังจ้องหน้าฉันอยู่ มารู้สึกตัวก็ตอนที่มือของเขาแตะสัมผัสที่เอวฉันเบา ๆ
“เลือกได้หรือยัง ปลาช่อนลุยสวนก็อร่อยนะ”
“มือ”
ฉันไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ตีเนียน รีบเอ่ยทักท้วงออกไปทันที เขาเองก็รีบชักมือออกอย่างรวดเร็ว
“โทษที พี่ไม่ได้ตั้งใจน่ะ”
“ชินเหรอคะ คงทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นบ่อย”
ฉันเหน็บแนมทันทีเมื่อมีโอกาส แต่สิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมา ดันเป็นสิ่งที่ฉันรับไม่ได้
“เหน็บแนมพี่บ่อยจังเลยนะ หึงพี่หรือเปล่า”
“หึง?”
ฉันทวนคำถามซ้ำ มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องหึงผู้ชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้แบบนี้
“ที่ตามมา ก็เพราะว่าอยากอยู่ใกล้พี่ไม่ใช่หรือไง”
“แล้ว... ถ้าตอบว่าใช่ พี่จะทำยังไงเหรอคะ”
แม้อารมณ์ที่ปะทุอยู่ด้านในอกแทบระเบิดออกมา แต่ฉันยังแสร้งทำเป็นไหลไปตามน้ำ เพราะอยากรู้ธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้
“เอาจริงพี่ก็ชอบเรานะ สวยไม่แพ้บัวเลย แต่ให้แต่งพร้อมกันสองคนลุงหมายคงไม่ยอมแน่ งั้นเอาแบบนี้ไหม... เราค่อยแอบมาหากันบ่อย ๆ ก็ได้”
“หึ”
มองไม่ผิดเลยจริง ๆ ว่าผู้ชายมักมากคนนี้ต้องไม่มีทางพอแน่ ฉันถึงได้คิดที่จะทำเสน่ห์ให้เขาหลงฉันหัวปักหัวปำไง เพราะไอ้คนประเภทนี้มันลื่นยิ่งกว่าปลาไหล ต้องให้ฉันรับมือ ไม่ควรไปแปดเปื้อนพี่สาวฉันสักนิด
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อ พี่บัวก็กลับเข้ามานั่งที่โต๊ะ บทสนทนาของฉันกับไอ้ปลัดมักมากถึงได้หยุดเพียงเท่านี้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะยอมหยุดง่าย ๆ ระหว่างกินข้าวยังแกล้งยกเท้าขึ้นมาเขี่ยขาฉัน ไหนจะแอบส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้เรื่อย ๆ หัวงูจริง ๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็มาเดินห้างเพื่อเลือกซื้อของ แต่ละอย่างดูหรูหราจนฉันตาเป็นประกาย ได้เสื้อสวย ๆ สักตัวสองตัวกลับบ้านก็คุ้มแล้ววันนี้
“บัวอยากได้อะไรเลือกเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวพี่จ่ายให้”
“โห! พี่บัว เสื้อตัวนี้สวยมาก”
พี่บัวยังไม่ทันตอบรับ ฉันก็ดึงแขนเธอเข้าไปยังร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นที่อยู่ถัดออกไปไม่ไกล
“ดูสิ ตัวนี้เข้ากับพี่บัวมากเลย”
“เข้าจริงด้วย”
ปลัดวสันเดินตามเข้ามาดู ใบหน้าแสดงความพึงพอใจในขณะที่ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางนิ่งสุขุม
“เอ่อ... ราคามันสูงไปไหม”
คนขี้เกรงใจทำหน้าเจื่อนกระซิบพูดกับฉันเสียงเบาในตอนที่เหลือบมองเห็นป้ายราคา 550 บาท เพราะปกติพวกเราไม่เคยซื้อเสื้อผ้าตามตลาดเลย
“ไม่สูงหรอก เสื้อผ้าในห้างก็แบบนี้แหละ”
“งั้นเอาตัวนี้เลยนะ”
ชายร่างสูงเอื้อมมือรับเสื้อที่อยู่ในมือพี่บัวส่งให้กับพนักงาน ก่อนจะหันมาเอาใจฉันบ้าง
“แล้วชบาล่ะ มีตัวที่อยากได้หรือเปล่า”
“มีค่ะ มีเป็นสิบตัวเลย พี่ปลัดจะจ่ายไหวเหรอคะ”
“ชบา... ไม่เอา”
พี่บัวรีบปรามเสียงกระซิบ คงเกรงใจอีกฝ่ายจะแย่ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเสนอเอง เราก็ต้องสนองสิ
“ไหวสิครับ พี่มีเงินมากพอที่จะเลี้ยงทั้งบัว... ทั้งชบาเลยนะ”
สายตาที่เต็มไปด้วยความมีพิรุธ ยิ่งมองเห็นยิ่งหมั่นไส้ คอยดูเถอะ นังชบาจะขูดให้หมดตัวเลย
“พี่ปลัดน่ารักจัง งั้นชบาไม่เกรงใจแล้วนะ”
พูดจบก็หันไปหยิบเสื้อบนราวขึ้นมาคล้องแขน นับไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากี่ตัว รู้แค่เพียงว่ามันเยอะมาก เยอะกว่าเสื้อผ้าทั้งหมดที่มีอยู่บ้านอีก
“หยิบมาซะเยอะเชียว แล้วสรุปเอาตัวไหนเหรอชบา”
“ก็เอาหมดนี่แหละพี่บัว”
“ฮะ! ไม่ได้”
พี่บัวรีบส่ายหน้าระรัว ทำหน้าลำบากใจ ฉันจึงรีบเถียงออกไปทันที
“ทำไมจะไม่ได้ ไม่ต้องเกรงใจพี่ปลัดหรอกน่า เขาจ่ายไหว เนอะ”
“เอ่อ... แค่นี้เอง สบายมาก”
ทั้งที่ใบหน้ากำลังเจื่อนความกังวล แต่เขายังกล้าฝืนยิ้มออกมาได้อีก อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะทนฉันได้สักกี่น้ำ
“พี่คะ เอาหมดนี่เลย”
ฉันไม่รีรอให้เขาเปลี่ยนใจ รีบยกผ้าทั้งหมดขึ้นวางบนเคาน์เตอร์ จากนั้นก็ลากแขนพี่บัวออกไปร้านอื่น
“ตามมานะพี่ปลัด เดี๋ยวไปดูกระเป๋าร้านนั้นก่อน”
พี่บัวไม่มีโอกาสแม้แต่จะคัดค้าน ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเท่านั้น
“บัว ไปแกล้งคุณปลัดเขาทำไม แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”
“ก็ไอ้พี่ปลัดนั่นมันมาเต๊าะฉันเองนี่ พี่รู้ไหม มันยังบอกฉันอีกนะว่าจะให้ฉันไปเป็นเมียน้อยมันน่ะ”
“จริงเหรอ... งั้นชบาต้องอย่าเข้าใกล้เขาอีกนะรู้ไหม มันอันตราย”
“พี่นั่นแหละอย่าเข้าใกล้มัน ปล่อยให้ฉันสั่งสอนเอง”
“เฮ้ออ”
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาซ้ำ ๆ อย่างปลงตก ก่อนจะขอตัวเดินกลับไปที่ร้านขายเสื้อผ้าร้านเดิมเพื่อช่วยปลัดหิ้วของ
“บอกว่าอย่าเข้าใกล้มัน ยังไม่ฟังกันอีก พี่บัวนี่แหละดื้อ”
ฉันกอดอกทำหน้าบึ้งตึง อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่าง แต่ในขณะที่กำลังก้าวขาออกไปช่วยถือของ ฉันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินบทสนทนาของแม่ค้าขายกระเป๋าที่ดังแว่วมากระทบหูด้วยความบังเอิญ
“วันนี้ขายดีเชียวนะเจ๊”
“ก็ตั้งแต่ได้ของดีจากพ่อหมอผานมานี่แหละ ยอดแตกทุกวันเลย”
“เหรอ พ่อหมอผานที่อยู่บ้านประแดงใช่ไหม”
“ใช่ ๆ ของเขาแรงจริง ๆ นะ”
บ้านประแดงเหรอ ก็อยู่ถัดจากหมู่บ้านฉันเองนี่ เพิ่งรู้ว่ามีพ่อหมอฝีมือดีด้วย นึกว่าแถวนี้มีแต่พ่อหมอหิรัญเสียอีก
งั้นดีล่ะ ถ้าพ่อหมอหิรัญไม่ยอมช่วย ฉันก็จะไม่ง้อ ในเมื่อยังมีทางเลือกอื่นให้ฉันอยู่...