บทที่ 2
สายขิม
สายขิมถูกพามายังห้องพักบนชั้นสามของคลับสุดหรู เธอมองไปรอบๆ บีบมือตัวเองแน่น หกเดือนที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ พ่อเสียชีวิตจากอาการป่วยเรื้อรัง จากนั้นก็มีบุคคลมาแสดงตัวเป็นเจ้าหนี้นับสิบคน หนี้สินหลายล้านที่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรทำให้แทบล้มทั้งยืน ซ้ำร้ายรัชนีซึ่งเป็นแม่เลี้ยงก็กลายเป็นคนละคน
เธอถูกสั่งกักบริเวณ ถูกยึดโทรศัพท์ และห้ามติดต่อใครเด็ดขาด พยายามถามเหตุผลก็ไม่ได้คำตอบ จนตัดสินใจติดต่อเพื่อนสนิทแต่รัชนีก็จับได้เสียก่อน เหตุนี้จึงทำให้ถูกขังในห้องเก็บของ หนึ่งสัปดาห์ที่ถูกทรมานโดยการให้กินข้าวเพียงมื้อเดียวต่อวันสิ้นสุด เมื่อรัชนียอมพูดคุยและกลับมาทำดีเหมือนเดิม พาเธอออกนอกบ้านแต่ไม่บ่อยนัก ด้วยความไม่มีใครให้พึ่งพิง และอยากพิสูจน์ความจริงบางอย่าง สายขิมจึงยอมทำตามคำสั่งเป็นอย่างดีเสมอมา
ทว่าชีวิตไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด รัชนียัดเหยียดความอดสูให้เธออีกครั้ง โดยการพาไปแนะนำกับเจ้าหนี้เพื่อขัดดอก แต่ยังไม่มีใครรับข้อเสนอ เพราะอยากได้เป็นตัวเงินมากกว่า กระทั่งชายสูงวัยดูภูมิฐานปรากฏตัว พร้อมสัญญาเงินกู้สามล้านบาท เธอจึงตกเป็นของขัดดอกอย่างจำยอม ไม่กล้าโวยวายหรือขอความช่วยเหลือจากใคร ได้แต่ยอมรับชะตากรรมด้วยหัวใจแตกสลาย ความสิ้นหวังและห่อเหี่ยวกับชีวิตทำให้ผู้หญิงอ่อนแอเช่นเธอรู้สึกว่างเปล่า
ร่างบอบบางทรุดนั่งลงบนเตียงหนานุ่มขาวสะอาด ตากลมโตพร่าเลือนด้วยน้ำสีใส ริมฝีปากสั่นระริก หน้าอกสั่นสะท้านจากแรงสะอื้น ฝ่ามือกำกันไว้แน่น เล็บจิกเนื้อแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ชีวิตที่เคยสดใสกลับหมองหม่น ตอนนี้ก็มืดมนจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า พี่สาวที่คิดว่าพึ่งพาได้ก็เงียบหาย ไม่รู้ความเคลื่อนไหวหรือความเป็นไปของชีวิต พยายามสอบถามจากรัชนี ก็ได้คำตอบว่าอีกฝ่ายเรียนหนักไม่อยากให้รบกวน สายขิมจึงกลายเป็นบุคคลไร้ญาติขาดมิตรโดยสิ้นเชิง
เพราะไม่มีโทรศัพท์และไม่สามารถออกจากบ้านโดยลำพัง ทำให้เธอขาดการติดต่อกับมิราเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย จึงเหลือแม่เลี้ยงที่ประเคนความอัปยศให้เพียงคนเดียวที่รู้จัก หากเข้มแข็งกว่านี้คงไม่ตกเป็นเบี้ยล่าง หากพยายามสู้มากกว่านี้ คงไม่อยู่ในสภาพที่รอให้คนแปลกหน้าเป็นผู้ชี้ชะตาชีวิต
แม้บุคคลที่เพิ่งสนทนาด้วยไม่กี่คำจะห่างไกลจากคำว่าเจ้าหนี้หื่นกาม แต่ก็ยังหวั่นใจกับความนิ่งและสุขุมของเขา สายตาคมกริบเจือรอยยิ้มมุมปาก ทำให้รู้สึกขนลุกและหวาดกลัว ถึงครั้งแรกที่ได้สบตากันเธอจะขวยเขินกับความหล่อเหลาของเขา แต่เมื่อได้มองใกล้ๆ รังสีความน่าเกรงขามและความลุ่มลึก กลับทำให้ไม่อยากอยู่ใกล้สักวินาที
เสียงเปิดประตูดึงหญิงสาวออกจากภวังค์ ร่างสูงในชุดสูทตัวเดิมเดินมาหยุดกลางห้อง ดวงตาที่มีน้ำสีใสคลอเบ้ามองอย่างตื่นตระหนก ทั้งคู่สบตากันอยู่ชั่วอึดใจ และเป็นสายขิมที่ก้มหน้าหลบ พลางใช้มือปาดน้ำตาที่กลิ้งลงมาบนแก้มลวกๆ
“ไม่เต็มใจ?” เป็นคำถามครั้งที่สองจากเขา
“.............”
เมื่อคู่สนทนานั่งก้มหน้านิ่งทาวน์ก็เข้าประชิด ใช้นิ้วเชยคางมนดันขึ้นสูง ส่งผลให้ริมฝีปากสีระเรื่อเผยอ ดวงตากลมโตไหวระริกด้วยความหวาดกลัว สายขิมไม่กล้าผลักไสหรือขยับตัว ในยามที่ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมา กลิ่นน้ำหอมของเขาทำให้ใจเต้นแรง เหงื่อซึมข้างขมับแม้เครื่องปรับอากาศจะทำงาน
“ไม่ได้เป็นใบ้ ทำไมถามแล้วไม่ตอบ”
“คือ..” ริมฝีปากบางขยับพูดแล้วหยุดชะงัก เมื่อทาวน์โน้มใบหน้าเข้าใกล้จนเกือบชิด ลมหายใจปนกลิ่นบุหรี่ทำให้สายขิมย่นจมูกทันที
“เป็นอะไร?”
“เหม็นกลิ่นบุหรี่ค่ะ”
เวร!
ทาวน์สบถในใจก่อนถอยห่าง รู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่สายขิมทำท่ารังเกียจความใกล้ชิดเมื่อครู่ มีแต่คนอยากเข้าหาและเรียกร้องความสนิทชิดเชื้อจากเขา แต่ผู้หญิงขัดดอกกลับทำเหมือนอยากหนีให้ไกล คนไม่เคยถูกปฏิเสธจึงมีใบหน้าดุดัน ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงจ้องเขม็งไปยังร่างบอบบางที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง
“คุณแม่เป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด ฉันอยากให้คุณเห็นใจ เอ่อ..ฉันถูกบังคับให้ทำค่ะ”
“ฟังเรื่องแนวนี้มาจนเบื่อ เธอไม่ใช่คนแรกที่ถูกส่งมาขัดดอก ฉะนั้นไม่ต้องเล่าปัญหาชีวิตมันน่ารำคาญ”
คำพูดแสนเย็นชาของผู้ชายหน้าหล่อราวเทพบุตรทำเอาสายขิมสะอึก กะพริบตาไล่ความหดหู่ใจ คิดหาทางออกแต่มืดแปดด้าน คนในกรอบที่มีคนคอยชี้นำมาตลอดชีวิต ไม่สามารถรับมือกับความอันตรายเช่นนี้ได้ ที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตแค่บ้านกับโรงเรียน โตขึ้นก็เป็นมหาวิทยาลัย มีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว เพราะรัชนีไม่อนุญาตให้ไปมาหาสู่ใครนอกจากมิรา ส่วนเพื่อนร่วมคลาสที่เหลือก็รู้จักแค่ผิวเผิน ไม่มีช่องทางติดต่อใดๆ สายขิมจึงเป็นคนอายุยี่สิบสอง ที่ไม่เคยใช้ชีวิตในโลกภายนอกที่แสนโสมมสักครั้ง
“ฉัน..” พูดได้แค่นั้นก็หยุดแล้วปิดปากทำตาโต เมื่อร่างสูงเริ่มถอดเสื้อสูทตัวนอกโยนไปยังโซฟามุมห้อง ปลดเนกไทก่อนยัดลงในกระเป๋ากางเกง นิ้วเรียวยาวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกสามเม็ด เผยให้เห็นแผงอกที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อรำไร
สายขิมกลืนน้ำลายลงคอพร้อมส่ายหน้า ขณะคนตัวโตย่างสามขุมเข้าหา เธอกระถดตัวขยับไปด้านหลัง ความหวาดกลัวน้ำตาคลอหน่วย
ทาวน์คลานเข้าหาร่างในชุดเดรสยาวสีขาวที่นั่งหลังชนหัวเตียง สายตาคมกริบจ้องไปยังคนหน้าซีดไม่วางตา เขาใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกยิ้มมุมปากราวกับชอบใจที่เห็นเหยื่อไม่มีทางสู้ มือหนาจับข้อเท้าเล็กลากทีเดียวสายขิมก็ไถลไปอยู่ใต้ร่างกำยำ
“ว้าย..อ่ะ!”
หญิงสาวร้องเพราะตกใจสุดขีด ขณะอีกคนยิ้มเย็นใช้ร่างกดทับไม่ให้ดิ้นหนี ความแนบชิดและสัมผัสจากผู้ชายครั้งแรก ส่งผลให้คนไม่เคยหายใจติดขัด มองหนุ่มหล่ออย่างตื่นกลัว
“เคยโดนเอามาบ้างยัง”
คำถามตรงไปตรงมาทำให้แก้มเนียนใสแดงระเรื่อ อย่าว่าแต่มีเพศสัมพันธ์เลย คนรักสายขิมก็ไม่เคยมี ความรู้สึกระหว่างหนุ่มสาวเป็นเช่นไรก็ไม่เคยรู้จัก ชีวิตมีแค่พ่อ แม่เลี้ยง และพี่สาวเท่านั้น
“มะ..ไม่เคยค่ะ” ตอบเสียงสั่น ตากลมโตสั่นไหวราวกับลูกกวางน้อยถูกรังแก เป็นการกระตุ้นอารมณ์ของเสือร้ายได้เป็นอย่างดี
“เชื่อได้ใช่มั้ย?”
“ขิม เอ่อ ฉันไม่เคยค่ะ”
คำตอบทำให้ทาวน์ส่ายหน้าคล้ายขบขัน มุขนี้เจอบ่อยมาก บอกไม่เคยพอเอาเข้าจริงก็โกหก ผู้หญิงพวกนี้พูดเพื่อให้เขาลดดอกเบี้ยหรือไม่ก็เพิ่มค่าตัวให้
“สตอรี่เดิมเป๊ะๆ โคตรเบื่อ เคยก็บอกว่าเคย มีประสบการณ์ก็ยิ่งเอามันส์ ฉันชอบ”
“ขิมพูดความจริงนะคะ ขิมไม่ได้โกหก” ด้วยความลืมตัวเธอจึงเผลอพูดตามความเคยชิน จนคนบนร่างเอียงคอแล้วยกยิ้มพอใจ
“แทนตัวเองด้วยชื่อกับฉันเวลาพูด”
“คะ?”
“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ”
“เอ่อ..คือ..” คนสงสัยนอนนิ่งไม่กล้าขยับตัว เมื่อใบหน้าของทาวน์อยู่ห่างไม่ถึงคืบ ลมหายใจกลิ่นบุหรี่เป่ารดผิวแก้ม ถึงอยากเบือนหน้าหนีแต่สายตาดุดันทำให้ไม่กล้า
หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อมองความไร้ที่ติของเขา เธอหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ก็ทึ่งในความหล่อเหลาที่ไม่เคยพบเจอ สาวน้อยผู้ด้อยประสบการณ์จึงแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาดอย่างลืมตัว ทาวน์คิดว่าเธอคงไม่ต่างจากคนอื่น ที่หลงใหลรูปลักษณ์ภายนอก ยอมพลีกายให้เขา จนบางครั้งรู้สึกสะอิดสะเอียน
“อย่ามองฉันเหมือนอยากกลืนกินแบบนี้สิ ไหนบอกว่าไม่เคย แต่สายตาของเธอมันไม่ตรงกับคำพูดเลยนะ”
“ขิมไม่ อื้อ..”