แม่ทัพหนุ่มครางและย่นคิ้ว เห็นได้ชัดว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาขมวดเกร็ง กล้ามหน้าท้องนูนขึ้นเป็นลอนแน่นขณะกำลังเสือกไสเจ้ามังกรตัวใหญ่ผ่านเข้าไปในกลีบกระสันของสาวใช้แสนงาม ร่างของผิงอันเป็นสีชมพูเข้มจัด ตัดกับผิวสีน้ำผึ้งเข้มเพราะกรำแดดของแม่ทัพใหญ่ที่กำลังเสือกหัวเจ้ามังกรร้ายเข้าไปจนสุดลำตัวของมัน
“อี๊ย...ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้ ผิงอัน...เจ้าคงเจ็บมากสินะ ดูซิ...ทั้งบิดตัวทั้งครางอย่างนั้น ท่าแม่ทัพช่างใจร้ายนัก นางจะเจ็บมากหรือเปล่าก็ไม่รู้...อ๊าย!”
บทที่ 5
หยู่เยียนร้องกับตัวเองเบา ๆ ก็ภาพที่นางเห็นตอนนี้คือเพื่อนสาวใช้กำลังส่ายสะบัดหน้าไปมาและสูดปากร่ำร้องเหมือนเจ็บปวดหนักหนา
“อ๊า...ท่านแม่ทัพ...ชะ...ช่วยข้าด้วย...ซี๊ดดดด...อ๊าส์”
“ข้าช่วยเจ้าแน่...ฮึบ!...นี่แน่ะ!...อูยยย...ซี๊ดดดด...ช่างคับแน่นดีเหลือเกิน...อ่าส์...ข้ารู้สึกดีเหลือเกิน...ซี๊ดดดด...อ่าส์”
หลีเหว่ยร้องออกมาแล้วกระแทกลำตัวของเจ้ามังกรตาเดียวอันร้ายกาจเข้าไปในซอกขาของผิงอันอย่างรุนแรงจนร่างของนางสั่นคลอน
“อ๊อย...ซี๊ดดด...อ๊อย...ท่านแม่ทัพ...ซี๊ดดดด...อูยยยย...อ่าส์...อ๊าส์!”
“โอยยย...คับเหลือเกิน ข้าทนไม่ไหวแล้วผิงอัน...โอยยย...อ่าส์...ซี๊ดดดด...ข้าทนไม่ไหวแล้ว...อ่าส์”
แม่ทัพหลีเหว่ยร้องลั่นตอนที่กำลังกระแทกสะโพกเข้าหาสาวใช้อย่างหน่วงหนัก หยู่เยียนเองก็อยู่ไม่เป็นสุข นางร้อนรุ่มไปหมดในกาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใดถึงได้เป็นเช่นนั้น ใจหนึ่งระทึกอย่างเหลือเกินหากอีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าหวาดเสียว สาวชาวบ้านอย่างนางไม่เคยเห็นหญิงชายเสพสังวาสกันด้วยท่าอันรุนแรงขนาดนี้ทำให้แทบไม่กล้ามอง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกินทำให้หยู่เยียนแทบไม่ละสายตาไปจากคนทั้งสอง สักครู่นางเห็นแม่ทัพเกร็งร่างทั้งร่างและหอบหายใจถี่ดัง
“ผิงอัน...ซี๊ดดด...ข้าจะปลดปล่อยแล้ว...ซี๊ดดดด”
“โอ๊ยยย...ท่านแม่ทัพเจ้าขา...รอผิงอันด้วยเจ้าค่ะ...โอ๊ยยยย”
นางร้องลั่นพร้อม ๆ กับหลีเหว่ย พร้อมกันนั้นทั้งสองก็เกร็งร่างพร้อมกัน หลีเหว่ยรีบชักเจ้ามังกรตาเดียวออกมาแล้วปล่อยให้มันพ่นพิษลงบนหน้าท้องของสาวใช้ หยู่เยียนจ้องมองด้วยคาวมระทึกใจเพราะนางไม่เคยเห็นพิษร้ายของเจ้ามังกรตาเดียว มันเป็นน้ำขาวข้นพุ่งกระฉูดออกมาจากหัวบานร่าขณะลำเอ็นใหญ่โอฬารของแม่ทัพหนุ่มนั้นพองบวมเต็มที่ จากนั้นหลีเหว่ยก็แทบหมดเรี่ยวแรง เขาซบหน้าลงกับอกของผิงอันที่นอนหายใจหอบระรัวเช่นกัน
หลังจากพายุแห่งความสุขของทั้งสองผ่านไปแล้วนั้น หยู่เยียนก็รู้สึกว่านางคงจะแอบดูอยู่ตรงนั้นนานไม่ได้ จึงรีบถอยฉากกลับไปที่ห้องพัก ตลอดทางที่เดินไปก็ใจเต้นตึกตักกระทั่งเดินเกือบชนพ่อบ้านหวางที่เดินสวนทางมาตรงประตูทางเข้าห้องครัว
“อ้าว...หยู่เยียน...นี่เจ้ามาจากที่ใดกัน ท่าทางลุกลี้ลุกลนซะเหลือเกินนะเจ้า หน้าตาตื่นเหมือนไปเจอสิ่งใดมา”
พ่อบ้านหวางทักนางแล้วจ้องหน้าสาวใช้คนใหม่ที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก หยู่เยียนรีบตอบกลับไปว่า
“อ่า...เอ้อ...มะ...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะท่านพ่อบ้าน ข้าเพิ่งมาจากสวนดอกไม้ แม่บ้านบอกให้ข้าไปเก็บดอกไม้ที่สวนด้านโน้นเจ้าค่ะ”
“เก็บดอกไม้...แล้วไหนเล่าดอกไม้ที่เจ้าเก็บมา ข้ามิเห็นอะไรติดมือเจ้ามาเลย”
พ่อบ้านหวางทักเช่นนั้นทำให้หยู่เยียนนึกขึ้นได้ นางก้มมองมือตัวเองแล้วทำหน้าตกใจ
“อุ๊ย! แย่ละ...นี่ข้าช่างขี้หลงขี้ลืมอะไรอย่างนี้ มิรู้เลยว่าเดินกลับมาโดยมิได้เอาตะกร้าดอกไม้มาด้วย”
ไม่ได้เก็บเลยนั่นล่ะไม่ว่า...หยู่เยียนนึกในใจขณะแก้ต่างไปน้ำขุ่นๆ พ่อบ้านหวางถอนใจแล้วพูดว่า
“เจ้าอย่าเป็นคนขี้หลงขี้ลืมซี มาอยู่ที่นี่มิใช่บ้านนอกหรือไร่นาที่เจ้าเคยอยู่ ต้องปรับตัวให้คอยกระตือรือร้นตลอดเวลา มิเช่นนั้นแล้วจะทำการสำเร็จได้อย่างไร เอ้า...เช่นนั้นแล้วเจ้าจะยืนอยู่ตรงนี้ทำไม รีบกลับไปเอาตะกร้าดอกไม้กลับมาซะซี”
“เอ้อ...เจ้าค่ะ...เจ้าค่ะ”
นางรับคำก่อนพ่อบ้านจะเดินจากไป แต่หยู่เยียนกลับนึกได้อีกอย่างหนึ่งว่า นางลืมตะกร้าไว้ที่หลังพุ่มไม้ในหอเหมยฟ้า แย่แล้ว...ทีนี้จะทำเช่นไรดี นึก ๆ แล้วหันซ้ายหันขวาอย่างกระวนกระวาย ตอนนี้นางคงกลับไปเอาตะกร้าหวายกลับมายังมิได้ คงต้องหาทางกลับไปอีกในวันรุ่งขึ้นกระมัง แต่ตอนนี้นางต้องหาตะกร้าใบอื่นไปใช้พลางก่อน เมื่อนึกออกกำลังจะหันหลังกลับก็ชนเข้าอย่างจังกับใครคนหนึ่ง
“อุ๊ย!...ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ...อภัยให้ข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องขอโทษขอโพยข้าขนาดนั้นก็ได้”
เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นทำให้หยู่เยียนชะงักเพราะนางละล่ำละลักพูดโดยไม่ได้มองว่าคนที่นางชนเข้าอย่างจังนั้นเป็นใคร และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่และอยู่ในชุดของนายทหารอันสง่างามซึ่งนางไม่คุ้นหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย