“ฉันขอขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหมคะ”
“เรื่องมาก! เธอจะให้แขกมานั่งรอเธอคนเดียวรึไง”
แม่สามีหาเรื่องต่อว่าเธอทันที ขณะที่ไอศูรย์เพียงแค่ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า
“ให้เด็กไปหยิบผ้ามาเช็ดตัว แล้วมานั่งกินข้าวซะ”
ขวัญรักหมดข้ออ้างจะหลีกหนี ทำได้เพียงรับผ้าขนหนูผืนใหญ่เช็ดหน้าและผมหมาดๆ แล้วห่มคลุมตัวเดินเข้าไปนั่งตามคำสั่งของเขา ชะงักนิดหนึ่งเมื่อพื้นที่ข้างๆ เขาถูกเนตรกมลและแม่ของเขาจับจองหมดแล้ว เหลือเพียงที่ว่างข้างตัวสองสาวต่างวัย ไม่รู้ว่าควรจะนั่งข้างใครดี แต่สุดท้ายเธอก็เลือกนั่งข้างเนตรกมล
หย่อนก้นยังไม่ทันร้อน ก็ถูกแม่สามีใช้งาน
“ขวัญรัก! เธอเป็นเจ้าของบ้านควรดูแลแขก ไปช่วยแม่ครัวยกกับข้าวออกมาเสิร์ฟสิ”
เธอปรายตามองคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ เขาดูสบายและเฉยชาไม่สนใจ จึงได้แต่พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในครัว ยกสำรับมาตั้งเรียงราย ชามสุดท้ายเป็นแกงจืดปลาหมึกยัดไส้ที่ร้อนจัดจนควันขึ้นหอมฉุย
“น่าทานจังเลยค่ะ”
เนตรกมลพูดเสียงร่าเริง ตักปลาหมึกยัดไส้ตัวโตเข้าปากอย่างอร่อย แต่เคี้ยวไปเพียงไม่กี่คำหล่อนก็ยกมือกุมหน้าอก หายใจหอบหนักๆ ใบหน้าสวยเฉี่ยวบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอันเกิดจากแน่นหน้าอกอย่างเฉียบพลัน
ขวัญรักที่อยู่ใกล้ๆ ตกใจ ดูเหมือนเป็นอาการของคนที่แพ้อาหารอย่างเฉียบพลัน เธอรีบลุกจะเข้าไปช่วย แต่ไอศูรย์ปฏิกิริยาไวกว่าเข้ามาประคองเนตรกมลทันควัน เขาผลักเธอออกไปอย่างแรง มือไปโดนกับชามแกงจืดเข้า น้ำร้อนจัดจึงกระฉอกมาลวกแขนของเธอเข้าเต็มๆ
หญิงสาวยกมือกุมแขนที่ปวดแสบปวดร้อน ไม่กล้าส่งเสียงร้อง มองเขาอุ้มเนตรกมลสาวเท้าออกไปด้วยความรีบร้อน แววตามีแต่ความกังวลห่วงหาผู้หญิงในอ้อมแขน ไม่มีเธออยู่เลยแม้แต่เศษเสี้ยว
เธอยืนโง่ๆ อยู่ตรงนั้น มือสั่นระริก ความเจ็บปวดแทรกซึมแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ซ้ำใบหน้าก็ได้รับความเจ็บปวดไม่แพ้กัน เพราะฤทธิ์ฝ่ามือที่ตบลงมาเต็มเหนี่ยว ทำเอาเธอมึนจนตาพร่าเห็นแสงระยิบไปชั่วขณะ
“แกตั้งใจทำร้ายหนูเนตรใช่ไหม!?”
ข้อกล่าวหาถูกโยนมาใส่ตัวโดยที่ไม่รู้เรื่อง สีหน้าของชมโฉมบูดบึ้งแทบจะกินเลือดกินเนื้อเธอได้
“หนูเปล่านะคะคุณแม่”
ขวัญรักปฏิเสธ ยกมือกุมซีกหน้าที่บวมแดงขึ้นมาทันตา แสบร้อนไม่แพ้ท่อนแขนที่ถูกน้ำร้อนลวก แต่ชมโฉมไม่ฟัง ตั้งท่าชี้หน้าด่าเธอต่อว่า
“ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร ในเมื่อแกเป็นคนยกแกงจืดถ้วยนี้มา พอหนูเนตรกินปุ๊บก็ชักทันที”
“เรื่องนี้หนูไม่ทราบค่ะ หนูยกอาหารมาตามคำสั่งของคุณแม่เท่านั้น”
“นี่แกหาว่าฉันเป็นคนผิดงั้นหรือ...นังขวัญ!”
แม่สามีแผดเสียงลั่น กระทืบเท้าด้วยความโกรธเหมือนเจ้าเข้า ขณะที่ขวัญรักยังประคองสติได้ดี ตอบอย่างใจเย็น
“ไม่ใช่ค่ะ หนูแค่อธิบายตามความจริง”
“คอยดูเถอะ! ฉันจะให้ตาอิศย์เล่นงานแกให้หนักเลย”
ชมโฉมเถียงไม่ออก ได้แต่ขู่คาดโทษ แล้วปั้นปึ่งตามลูกชายออกไปยังโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงว่าที่ศรีสะใภ้ของนาง
ขวัญรักถอนใจหลังทุกอย่างเงียบสงบ เธอยืนกำมือข้างที่เจ็บแน่น กระทั่งน้าเอี้ยงเข้ามาประคองพาเธอไปล้างน้ำเย็นที่ห้องครัว เพราะทิ้งเวลานานเกินไปจึงเกิดแผลพุพองขึ้น แขนทั้งแขนแดงก่ำจนน่าเสียวไส้
“มานั่งตรงนี้ก่อนค่ะคุณผู้หญิง เดี๋ยวน้าไปเอายามาทาให้ จะได้ไม่เป็นแผลเป็น”
แม่บ้านเก่าแก่พาเธอมานั่งบนโซฟา หาผ้าสะอาดมาซับแขนและทายาให้อย่างเบามือ ความเย็นที่ซึมซาบตามชั้นผิวหนังช่วยลดอาการแสบร้อนลงได้บ้าง
“ขอบคุณนะคะน้าเอี้ยง”
ขวัญรักยิ้มให้แม่บ้านอย่างซึ้งใจ น้อยคนนักที่จะมีความห่วงใยให้แก่เธอ หากเทียบกับเนตรกมลที่ได้รับความรักจากทุกคนจนล้นเหลือ
“เดี๋ยวพันผ้าไว้สักหน่อยนะคะ อย่าให้โดนน้ำ ไม่อย่างนั้นจะยิ่งอักเสบ”
น้าเอี้ยงพูดไปพลาง พันผ้าพันแผลไปพลาง เธอรู้ว่าแม่บ้านใจดีพยายามทำให้เบามือที่สุดแล้ว แต่ก็ยังเจ็บจนเธอเผลอนิ่วหน้าอยู่ดี คงเพราะแผลที่ได้รับนั้นไม่น้อยเลย
“เรียบร้อยค่ะ น้าว่าคุณผู้หญิงรีบไปเช็ดตัวเช็ดผมให้แห้งเถอะค่ะ ตัวคุณเริ่มรุมๆ แล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
ขวัญรักยกมืออังหน้าผาก ตัวเธอร้อนจริงๆ สงสัยไข้จะกลับ ถึงจะกินยากันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว แต่เพราะตากฝน ซ้ำยังมานั่งในที่เย็นๆ อีกเป็นนานสองนาน คงไม่ช่วยอะไร
“ค่ะ”
เธอยิ้มบางๆ แต่น่ามอง แล้วเดินขึ้นห้องนอนของตัวเอง จัดการทำความสะอาดนั่งเป่าผมเก้ๆ กังๆ ไม่ถนัดเพราะเจ็บมือ กว่าจะแห้งสนิทหนังตาก็หนักอึ้งจนแทบลืมไม่ได้ เลยทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่มๆ ทั้งอย่างนั้น ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วเพราะพิษไข้ที่รุมเร้า