บทที่ 3 คนเลือดเย็นในสายตาเขา 1

822 Words
ขวัญรักลืมตาตื่นในช่วงสายของวันใหม่ รู้สึกปวดหัวและมึนๆ อยู่มาก แต่ร่างกายที่ร้อนผ่าวเมื่อคืนเหมือนจะเบาสบายขึ้นนิดหน่อย เธอเหลือกตามองขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นบนหน้าผาก จริงสิ... เมื่อคืนเธอไข้ขึ้นนี่นา คิดพลางยกมือหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กออก ยิ้มบางๆ ด้วยความซึ้งใจ คงเป็นน้าเอี้ยงแน่ที่คอยดูแลเธอ.. มีเพียงแม่บ้านสาวใหญ่คนนี้คนเดียวเท่านั้นละที่มักจะคอยถามไถ่เป็นห่วงเป็นใยเธอเสมอ สองปีที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ไม่มีใครเห็นเธอเป็นคุณผู้หญิงเลยสักคน ไม่มีคนเห็นหัว ซ้ำร้ายบางครั้งยังมองเธอด้วยสายตาดูถูกดูแคลนอีกต่างหาก คงเพราะเจ้านายของพวกเขาเกลียดเธอ แม้แต่คำว่า ‘คุณผู้หญิง’ เขายังสั่งไม่ให้คนในบ้านเรียกขานเธอ แล้วผู้หญิงที่โดนสามีเย็นชาแบบเธอจะมีเกียรติอะไรให้พวกเขาเคารพล่ะ หญิงสาวยิ้มขื่น ไม่ได้น้อยใจ เพราะความเจ็บปวดกลืนกินกัดกร่อนหัวใจเธอจนเหมือนจะด้านชาไปหมดแล้ว เธอสมเพชตัวเองมากกว่า โดนเขาทำขนาดนี้ แต่ก็ยังสู้ทนรักเขา รักลึกซึ้งไปถึงกระดูกดำ แอบมีความหวังเล็กๆ ว่าสักวันเขาจะนึกสงสารเห็นใจ หยิบยื่นความเมตตาเพียงเศษเสี้ยวให้เธอบ้าง เพ้อฝันจริงๆ ... ป่านนี้ไอศูรย์คงวิ่งวุ่นคอยดูแลเอาใส่ใจอยู่ข้างเตียงเนตรกมลไม่ห่าง ในสายตาของเขามีแค่หล่อน จะมีเวลาที่ไหนมานึกถึงเธอ แม้แต่เรื่องที่เธอถูกน้ำร้อนลวกหรือนอนซมเพราะพิษไข้ เขาก็คงไม่รู้ หรือถึงรู้ก็คงไม่สนใจหรอก เธอจะอยู่หรือตายล้วนไม่เคยอยู่ในสายตาเขา ขวัญรักทอดถอนใจ ราวกับจะปลดปล่อยความปวดร้าวแทรกออกมาพร้อมกับลมหายใจ เผื่อบางทีมันอาจจะทำให้เจ็บน้อยลง แค่สักนิดก็ยังดี ทั้งที่หัวใจเธอตายด้านไปแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังคงปวดอยู่ทุกครั้งที่โดนกระทบ ความเจ็บไม่เคยน้อยลงตามความชินชาเลย มีแต่จะมากขึ้นทุกที... ติ๊ง... ติ๊ง... เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอยันกายกึ่งนั่งกึ่งนอน เอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาเปิดดู ภาพภูเขาที่โอบล้อมไปด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้ มีหมอกลงจางๆ ยามเช้า กลางทุ่งเต็มไปด้วยสีม่วงของดอกลาเวนเดอร์ ช่างให้ความรู้สึกสวยงาม อบอุ่นและสดชื่นจนคลายความเศร้าหมอง ขวัญรักหัวเราะเบาๆ พุฒารู้ใจเธอชะมัด อุตส่าห์ส่งรูปชวนยิ้มมาให้เธอแต่เช้า เห็นแล้วทำให้รู้สึกสดใสมีกำลังใจขึ้นมากโข เขาคงไปตั้งแคมป์ที่ไหนสักแห่งสินะ แล้วก็รู้ว่าเธอเองก็ชอบท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบนี้เหมือนกัน เลยอัดวีดีโอส่งมาแบ่งปันให้กับคนคอเดียวกัน เธออารมณ์ดีขึ้นมาทันตา พิมพ์ข้อความตอบโต้กับเขาอย่างเพลิดเพลิน หลังคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระ เขาก็พิมพ์กลับมาหนึ่งประโยคที่ทำให้เธอชะงัก มาอยู่ด้วยกันมั้ย? ขวัญรักอึ้ง ไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร เธอชอบประเทศอเมริกาก็จริง ชอบในความเจริญรุ่งเรือง มีเทคโนโลยีก้าวหน้าในทุกด้าน แถมยังสนใจเกี่ยวกับสายงานที่เธอทำอยู่ หากไปแล้วจะช่วยพัฒนาศักยภาพของเธอให้สูงขึ้นมากกว่าตอนนี้ แต่เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย หลักๆ คงเพราะยังตัดใจจากผู้ชายเย็นชาไม่ได้... เธอนิ่งงันไปหลายอึดใจ แต่ไม่ตอบก็คงไม่ดีนัก หญิงสาวจึงพิมพ์ๆ ลบๆ หน้าตาคร่ำเคร่ง สรรหาคำพูดเข้าท่ามาแบ่งรับแบ่งสู้ อุตส่าห์คิดออกและพิมพ์ไปได้สองสามคำแล้วเชียว จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ถูกกระชากออกไปจากมือด้วยแรงที่ไม่เบาเลย เธอขมวดคิ้ว เงยหน้ามองคนไร้มารยาท เห็นไอศูรย์ยืนค้ำหัวอยู่ สีหน้ามืดครึ้มเย็นชาเข้าขั้นสุด “ยังมีแก่ใจมาระรื่นอยู่อีกเหรอ” เธอขมวดคิ้วหนักขึ้น เขาเป็นอะไรอีกล่ะ อยู่ดีๆ ก็มาประชดประชันเธอ “ไม่ทราบว่าฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจอีกเหรอคะ” “เธอไม่รู้สึกผิดเลยรึไง ที่ทำให้เนตรป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนั้น” ขวัญรักเลิกคิ้วไม่เข้าใจจริงๆ เนตรกมลแพ้อาหารเฉียบพลัน แล้วสำรับมื้อนั้นเธอก็ไม่ได้เป็นคนทำ เพียงแค่ยกมาเสิร์ฟ คนตักก็คือหล่อน คนกินก็คือหล่อน แล้วเธอมีความผิดอะไร? แต่ในสายตาของไอศูรย์ ที่เธอมีปฏิกิริยาเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้ยิ่งเหมือนเป็นการยั่วยุเขา ฝ่ามือหนาคว้าหมับเข้าที่ปลายคางเรียว บีบแน่นจนกรามเธอแทบจะหัก “คนอย่างเธอนี่มันไม่มีสำนึกจริงๆ มานี่!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD