ตอนที่ 4-1 หรือจะให้พี่ป้อน

1341 Words
ตอนที่ 4 หรือจะให้พี่ป้อน พริบพราวเดินกลับขึ้นมา เข้าห้องนอนอย่างคนใจลอย ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจประหวั่นคิดถึงแต่สัมผัสที่เร้าร้อนที่เขามอบให้ โดยไม่ทันได้ตั้งตัว สมองความคิดสองด้านต่อสู้กันอย่างหนัก ใจหนึ่งก็อยากผลักไส แต่อีกใจก็อยากให้เขาสัมผัสมากขึ้น ความต้องการกับความถูกต้องตีกันยุ่งในความคิด เสียงโทรศัพท์ที่แผดดังขึ้นพลอยทำให้ร่างเล็กถึงกับสะดุ้งตัวโยน รีบคว้ามารับสาย ใจยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวด้วยซ้ำ เพราะยังประหวั่นคิดถึงรอยสัมผัสจากเขาอยู่ไม่หาย “ฮัลโหล...ค่ะ” “ทำไรเอ่ย...อย่าบอกนะว่าคิดถึงพี่อยู่” “บ้า...เปล่าสักหน่อย” แสร้งปฏิเสธเสียงสั่น ทั้งๆที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขินตัวบิดจนล้มเกลี้ยงไปนอนบนเตียง “หึหึ อาบน้ำหรือยังคะ” “ยังค่ะ กำลังจะไปอาบ พี่ล่ะใกล้ถึงบ้านหรือยังคะ” “หึ ขออาบด้วยคนสิ” “ก็มาสิ กล้าปะล่ะ ถ้าไม่อยากโดนพ่อพราวตีหัวแตกก็มา” “หึหึ กลัวคนแถวนี้จะได้ร้องไห้มากกว่า” บทสนทนาคุยหยอกล้อไปมา กว่าจะได้วางสายก็เกือบรุ่งเช้า พริบพราวถึงได้ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าล้มตัวเข้านอนอย่างมีความสุข เกือบสองสัปดาห์แล้วที่รุ่นพี่หนุ่มที่เธอแอบชอบตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่งมาคอยตามรับตามส่งถึงบ้าน โดยที่ไม่มีคนรอบข้างคนไหนของเธอสักคนล่วงรู้ แม้กระทั่งเพื่อนสนิท อาจจะเพราะต่างคนต่างยุ่งเรื่องการฝึกงาน จนไม่มีเวลาได้พูดคุยกัน แม้กระทั่งพี่อ้อมพี่เลี้ยงในการฝึกงานของเธอก็ไม่รู้เช่นกัน แม้กระทั่งวันนี้วันที่พี่อ้อมให้เธอและปั้นแป้งไปออกกองถ่ายโฆษณาด้วยกัน พริบพราวได้ขึ้นรถตู้คันเดียวกันกับพี่พอร์ช พี่ต้นและพี่ยุทธ โลเคชั่นหลักวันนี้เป็นห้องชุดในคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง ทีมงานบางส่วนมาเซตฉากกันตั้งแต่เช้า ส่วนทีมของพริบพราวมาถึงในช่วงแปดโมง ร่างเล็กได้รับคำสั่งให้คอยช่วยพี่ยิ้มทำหน้าที่ประสานงาน โดยให้เธอคอยดูนักแสดงที่มาเข้าฉาก ร่างเล็กวิ่งวุ่นช่วยพี่ยิ้มประสานงานตลอดช่วงเช้าจนถึงเวลาที่นักแสดงหลักเดินทางมาถึง เธอจึงได้รับมอบหมายให้ไปคอยรอรับและพามาที่ห้องแต่งตัวซึ่งเตรียมไว้สำหรับนักแสดง “พราว” เสียงทุ้มคุ้นหู ทำให้หญิงสาวที่กำลังง่วนอยู่กับกระดานรายชื่อคนที่วันนี้ต้องช่วยประสานขึ้นมามองร่างสูงโปร่งหน้าตาดี ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ที่ยืนยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว “อ้าวพี่ไคกิ พราวนึกว่าใคร เห็นชื่อก็ไม่คิดว่าจะเป็นพี่” ร่างเล็กยิ้มด้วยความดีใจ ปนประหลาดใจเล็กน้อยที่คนรู้จักของเธอซึ่งเป็นเพื่อนสนิทพี่ชายเคเซีย คือนักแสดงนายแบบที่เธอจะต้องมาดูแลวันนี้ “นั่งรอนานไหม” “ไม่นานค่ะ พราวเพิ่งลงมานั่งรอไม่ถึงสิบนาที แล้วนี่พี่ไคกิมาคนเดียวเหรอคะ ไม่มีคนติดตามมาด้วยเหรอ” “ไม่หรอก พี่ไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้น พี่แค่มาช่วยถ่ายงานให้เฉยๆไม่ต้องมีคนมาตามหรอก” “งั้นจะขึ้นไปแต่งตัวข้างบนเลยไหมคะ หรือว่าต้องรออะไรอีกไหม” “ไปซื้อกาแฟด้วยกันก่อนสิ พี่ยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า” “ได้ค่ะ งั้นเราไปร้านกาแฟตรงโน้นไหมคะ” เธอชี้ไปที่คาเฟ่เล็กๆที่ไม่อยู่ไกลนัก เห็นการตกแต่งร้านแล้วดูน่าสนใจดี “เอาสิ ซื้อเผื่อทีมงานด้วยล่ะกัน” ชายหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะพากันเดินไปที่ร้านกาแฟ ซึ่งมีทีมงานบางส่วนนั่งกันอยู่ในร้าน “อ้าวพราว” “อุ้ยพี่อ้อม...พอดีพี่ไคกิเขาจะซื้อกาแฟน่ะค่ะ พราวเลยพามาซื้อ” เธอรีบอธิบายเพราะกลัวว่าจะโดนคิดว่าแอบหนีงาน มานั่งอู้ดื่มกาแฟแถวนี้ “อ๋อออออ.....พี่ก็นึกว่า...” พี่อ้อมลากเสียงตอบรับ พลางมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จับผิด “นึกว่าอะไรคะพี่อ้อม” “นึกว่าแฟนหนูน่ะสิ” พี่อ้อมหันมากระซิบบอกเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน ในขณะที่นายแบบหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังยืนสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ “โหพี่อ้อม!! ของเทพเลยนะนั่น พราวต้องมีแต้มบุญขนาดไหนก่อนถึงจะได้เขามาเชยชม” “ถ้าอย่างแกต้องใช้แต้มบุญ พี่ต้องใช้ไรล่ะเนี่ยชีวิตมีแต่เศษกรรม ผัวสักคนยังไม่เคยผ่านท้อง” เมื่อได้ยินคำเปรียบเปรยของรุ่นพี่ตนเอง ถึงกับหัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบใจ “อันนี้ของพราว พี่สั่งชาเขียวให้ ชอบหรือเปล่า” “อุ้ยขอบคุณค่ะพี่ไคกิ เราจะขึ้นไปข้างบนเลยไหมคะ” “เอาสิ แต่พี่สั่งเครื่องดื่มเลี้ยงทีมงานไว้แล้ว เดี๋ยวเขาคงเอาขึ้นไปส่ง” “งั้นไปเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่ๆทีมแต่งหน้ารอแย่” พริบพราวส่งยิ้มพร้อมกับหยิบแก้วชาเขียวที่เพิ่งรับมายกขึ้นดื่ม ก่อนจะพากันเดินออกจากร้านไปด้วยกัน โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าหมายและอยู่ในหัวข้อสนทนาของทุกคนในตอนนี้ เมื่อมีคนแอบถ่ายรูปนายแบบหนุ่มไฮโซลูกครึ่งชื่อดัง กับน้องฝึกงานลงในกลุ่มไลน์ของคนในออฟฟิต พร้อมกับข้อความที่พิมพ์กันสนุกสนาน ในทำนองแนวเดียวกันคืออกหัก เพราะคิดว่ารุ่นน้องสาวสวยหุ่นดีที่เป็นที่หมายปองของคนทั้งบริษัทจะมีหนุ่มหล่อควงอยู่แล้ว ภาคิณมองข้อความดังกล่าว ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยแต่ข้างในนั้นกลับร้อนรุ่มหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก คิ้วหน้าขมวดมุ่น แววตาแข็งกร้าวโกรธจัด ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงกับโต๊ะเต็มแรงจนหกกระจายเต็มโต๊ะ “อุ้ยพี่คิณณ์! วางเบาๆสิคะ แจนเปื้อนหมดแล้ว” หญิงสาวหน้างอกระเง้ากระงอดใส่ “พี่ขอโทษนะ พี่หงุดหงิดไปหน่อย” เสียงเข้มบอกเสียงอ่อน พยายามบังคับน้ำเสียงตัวเองไม่ให้ดูหงุดหงิดจนเกินไป “หงุดหงิดเรื่องอื่น แล้วทำไมมาลงกับแจนละคะ” เสียงเล็กบ่นกระปอดกระแปดว่าด้วยความไม่พอใจ “อืมพี่ขอโทษ” ชายหนุ่มบอกเสียงแข็งใจนึกหงุดหงิดคนตรงหน้าเล็กน้อย กอปรกับไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ถอนหายใจเสียงดัง พยายามสงบสติอารมณ์ที่คุกรุ่นภายในโดยไม่รู้สาเหตุ “กลับเลยไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ถามเสียงห้วนจัด “อะไรกัน แต่เราเพิ่งออกมาด้วยกันเองนะคะพี่คิณณ์ แจนยังไม่ได้ดูหนัง เดินช้อปปิ้งเลย” เสียงหวานแผดขึ้นด้วยความไม่พอใจ ไหนจะหงุดหงิดที่เสื้อผ้าราคาแพงเปื้อนคราบกาแฟ แล้วชายหนุ่มที่ตนควงมาด้วยยังจะมาเทกลางคันรีบกลับเสียอีก “พี่มีธุระ ไว้วันหลังเราค่อยมาดูหนังด้วยกันก็ได้” เสียงเข้มเริ่มชักสีหน้าด้วยไม่พอใจ “ว่าไงจะกลับเลยไหม ถ้ายังไม่กลับ พี่จะแยกตัวไปทำธุระก่อนแล้วเดี๋ยวพี่มารับ” “ได้ไงล่ะคะ พาแจนมาคาเฟ่ มาทานข้าวด้วยก็ต้องไปส่งก่อนสิ จะให้แจนเดินเที่ยวคนเดียวได้ไง” “ถ้างั้นก็กลับ” หญิงสาวเม้มปากแน่นมองหน้าชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดหน้าเชิดหันไปอีกทาง แม้ใจจะหงุดหงิดขุ่นเคืองขนาดไหน แต่ก็ไม่มีทางเลี่ยงอื่น นอกจากยอมทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD