ตอนที่ 6 ได้แล้วก็จบ
ช่วงเช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายเพราะลืมตั้งนาฬิกาปลุกทำให้ตื่นสายกว่าทุกวัน พริบพราวรีบอาบน้ำแต่งตัว เตรียมจะไปทำงานโดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดูข้อความคนที่เธอรอคอย เพราะทุกเช้าเขาจะโทรหรือส่งข้อความมาบอกกู๊ดมอร์นิ่งเธอแบบน่ารักๆเสมอ
คิ้วเรียงสวยขมวดมุ่นเล็กน้อย ที่ไม่เห็นข้อความของคนที่ควรเห็นแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร รีบสะพายออกจากบ้าน คาดหวังว่าจะเจอเขายืนพิงรถรอเหมือนอย่างเคย หรือไม่ก็นั่งติดเครื่องรอในรถซึ่งจะจอดเยื่องๆจากหน้าบ้านเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ที่บ้านเธอสงสัย แต่เมื่อไม่เจอ เธอก็กวาดตามองหาพลางก้าวเท้าเดิน คิดว่าเขาอาจจะจอดรถไกลจากที่เดิม แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งไม่เห็น จึงกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อจะถามเขา เพราะเขาเคยบอกเอาไว้ว่าจะมารับเธอไปทำงานด้วยช่วงเช้าและจะรับกลับบ้านด้วยทุกเย็น
‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ’
หื้อ พี่คิณณ์เป็นอะไรหรือเปล่า....ทำไมไม่รับโทรศัพท์
หญิงสาวรำพึงกับตัวเองในใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปเรียกรถที่หน้าปากซอยเพื่อไปทำงานแทน กว่าจะถึงก็สายไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ที่นี่ไม่มีใครว่าใครอยู่แล้ว ด้วยสไตล์การทำงานที่ค่อนข้างอิสระ ไม่มีการตอกบัตรเข้างานสามารถเข้าออกงานเวลาไหนก็ได้ เพราะต่างมีหน้าที่รับผิดชอบเนื้องานที่ต่างกัน แต่เธอเป็นเพียงน้องฝึกงานจะทำแบบรุ่นพี่ที่เป็นพนักงานประจำไม่ได้ ถึงจะไม่มีคนว่าแต่มันก็ดูไม่ดีอยู่ดี
พริบพราวพยายามสอดส่ายสายตามองหารถยนต์คันคุ้นตาว่าอาจจอดรถอยู่ที่ลาดจอดรถก็ไม่เห็น อดคิดถึงและเป็นห่วง กังวลไม่ได้ว่าเขาอาจจะไม่สบายหรือเป็นอะไรมากหรือเปล่าแต่ไม่มีใครรู้ ครั้นจะไปหาที่คอนโดเขาตอนนี้มันก็อยู่ในเวลางาน เธอจึงได้แต่ชะเง้อคอคอยมองไปยังหน้าประตูอยู่ตลอดเวลา จนถึงเวลาที่จะต้องไปเข้าประชุมสรุปงานเธอถึงได้ตัดใจเลิกที่จะคอยมองหาและหันกลับมามีสมาธิกับงานตรงหน้ามากกว่า
จนเวลาใกล้เที่ยง ที่ปกติแล้ว เขามักจะสั่งอาหารให้ไรเดอร์มารอส่งที่หน้าประตู แต่เมื่อถึงเวลากลับว่างเปล่า ไม่มีไรเดอร์จากไหนมายืนรอส่งอาหารเหมือนอย่างเคย ร่างเล็กพยายามเดินไปเดินมาชะเง้อมองหา จนแล้วจนรอดใกล้หมดเวลาพักเที่ยงก็ไม่เห็นวี่แวว
พริบพราวเก็บความผิดหวังไว้ในใจ ลึกๆแล้วรู้สึกวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูกที่วันนี้เขาเงียบหายไป ติดต่อยังไม่ได้ แอบร้อนรนเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะไม่สบายหรือเป็นอะไรแล้วไม่มีใครไปช่วยจะเป็นยังไง เธอหยุดความคิด ความกังวลไม่ได้จึงเดินไปหาพี่อ้อมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวยาว กำลังดูรูปคนที่มาแคสติ้งงานอยู่
“พี่อ้อมมีอะไรให้พราวช่วยไหมคะ”
“ว่างเหรอ”
“ค่ะ พราวว่าง”
“งั้นช่วยพี่แยกไฟล์ชายหญิงให้หน่อยล่ะกัน” เขายื่นโน๊ตบุ๊คตรงหน้ามาให้เธอรับไปสายตางานที่ตัวเองกำลังทำค้างไว้
“เอ่อ...พี่อ้อมคะ วันนี้ทำไมถึงไม่เห็นพวกพี่คิณณ์ พี่พอร์ชกับพี่เอิร์ทเลยคะ”
“อ๋อ ไอ้พอร์ชมันไปออกกองกับเอิร์ท ส่วนคิณณ์พี่เพิ่งวางสายกันมันเห็นว่าไปคุยงานกับลูกค้านะ ทำไมเหรอ พราวมีอะไรกับพวกมันหรือเปล่า”
“อะ...อ๋อเปล่าๆ เปล่าค่ะ ไม่มีค่ะพี่อ้อม แค่เห็นว่าวันนี้ไม่เจอหน้าพี่เขาทั้งสามคนเลย ว่าแต่เมื่อกี้พี่เพิ่งคุยกับพี่คิณณ์เหรอคะ”
“ใช่ มันโทรมาคุยเรื่องงานนี่ล่ะ วันนี้โทรมาตั้งแต่เช้า กวนประสาทชะมัด” ประโยคบอกเล่าธรรมดาแต่ทำให้พริบพราวถึงกับนิ่งเงียบไปทันที ไม่คิดว่าจะได้ยินในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงมาก่อน ตลอดทั้งวันเธอติดต่อเขาไม่ได้สักช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นข้อความไลน์ที่ยังไม่เปิดอ่าน โทรศัพท์ที่ไม่รับสายหรือบางครั้งโทรไปก็ปิดเครื่อง แต่กับพี่อ้อมเขาติดต่อกันตั้งแต่เช้ายันตอนนี้
แม้จะไม่มีสมาธิในการทำงานเท่าไหร่นัก แต่เธอก็พยายามทำจนเสร็จเรียบร้อย ในใจนั้นสั่นรัว รู้สึกวูบไหวอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกน้อยใจเขาได้มากขนาดนั้น ทั้งๆที่พยายามบอกกับตัวเองว่าเขาจะมีงานหรือมีธุระ ทำให้ยังไม่สะดวกที่ทักหา
แต่บางอย่างกลับโต้แย้งกันเองในความคิด กับความจริงที่ว่า ก่อนหน้านี้ต่อให้เขางานยุ่งแค่ไหน หรือทำอะไรอยู่ก็แล้วแต่ เขาก็จะทักมาหา มาบอก รวมถึงส่งรูปถ่ายให้เธอได้รับรู้ความเป็นไปของเขาเสมอ แม้เขาจะไม่ได้เข้ามาในออฟฟิศก็ตาม
“เป็นอะไรเนี่ยนั่งจ้องโทรศัพท์ทั้งวัน” ปั้นแป้งที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ หันมาถาม อดสงสัยไม่ได้ หลังสังเกตอาการเพื่อนที่วันนี้ดูไม่ค่อยมีสมาธิมาตั้งแต่เช้า คอยแต่จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ คนรอบข้างสนทนากันเรื่องไหนก็ดูเหมือนจะไม่มีสมาธิสนใจฟังเลยสักนิด
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“อือ แล้วจะกลับบ้านเลยไหม วันนี้พวกพี่อ้อมนัดกันไปกินส้มตำด้วยนะ ไปกันไหม”
“ไม่ดีกว่า วันนี้เพลียๆอยากกลับบ้านไปนอนมากกว่า แกไปกับพวกพี่เขาเถอะ” เธอหันมายิ้มให้เพื่อนแต่สีหน้ากลับไม่สดชื้นเท่าไหร่นัก เพราะใจจริงเธอนั้นอย่างจะไปหานาฬิริณทร์กับเคเซียมากกว่า คืนนี้ก็อาจจะไปนอนค้างด้วยกัน เธอไม่มีจิตใจที่จะไปปั้นยิ้มร่าเริงให้กับรุ่นพี่วันนี้ต่อแน่ๆ
เมื่อถึงเวลาเลิกงานเธอก็เก็บกระเป๋ารีบเดินออกไปขึ้นรถที่เรียกให้มารับทันทีโดยไม่คิดที่จะเหลียวมองหาใครอีกเลย ใจนั้นอยากจะรีบไปสงบสติอารมณ์ ทำตัวเองให้สดชื่นให้หายฟุ้งซ่านเสียก่อน แล้วค่อยคิดว่าที่เขาหายไปตลอดทั้งวันเป็นเพราะเหตุใด หรือเขาจะมีธุระ งานอาจจะยุ่ง ก็มีความเป็นไปได้ แม้ตอนนี้ อยากน้อยใจอยากงอนเขามากแค่ไหน แต่ก็พยายามบอกตัวเองไม่ให้งี่เง่า ไม่เอาแต่ใจ ให้มีเหตุผลมากกว่านี้