ตอนที่ 6-3 ได้แล้วก็จบ

1074 Words
หลังจากทานข้าวจนอิ่มแล้ว พริบพราวจึงตั้งใจไปห้องครัวที่อยู่ด้านหลังเพื่อเติมน้ำแข็งใส่แก้วเก็บอุณหภูมิที่พร่องไปกว่าครึ่งแล้ว เมื่อเดินเข้ามาจึงเจอกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เธอไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่เขาชื่อพี่ช้าง กำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่เธอแวบเดียวก็จำได้ทันที ว่ามันคือข้าวผัดปลาทูที่เธอเป็นคนตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือเมื่อวานนี้ หญิงสาวยืนอึ้งอยู่นานจนอีกฝ่ายที่เพิ่งรับรู้ถึงการถูกจ้องมอง จึงเงยหน้าขึ้น คิ้วหนาเลิกสูงด้วยความแปลกใจ “อ้าวน้องพราว” “ค่ะ...อะ...เอ่อ พี่ช้างทานข้าวอยู่เหรอคะ ดูน่าทานจัง” “อืม ทานด้วยกันไหม อร่อยนะ แต่ติดเค็มไปนิดพี่เพิ่งบีบมะนาวกับใส่พริกขี้หนูเพิ่ม อร่อยเลย ลองไหม” “เอ่อ ไม่ค่ะ....ไม่เป็นไร พราวทานมาอิ่มแล้วค่ะ ว่าแต่พี่ช้างซื้อมาจากไหนเหรอคะ” ถามไปอย่างนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก แต่ก็อยากได้ยินว่าเขาได้อาหารที่เธอทำมาจากไหน “อ๋อนี่เหรอ พี่ไม่ได้ซื้อมาหรอก พี่คิณณ์เขาไม่กินเลยยกมาให้พี่กินน่ะ ตอนแรกเห็นพี่เขาจะทิ้งแต่พี่เห็นแล้วมันก็น่าเสียดายก็เลยขอเขามากินน่ะ” “ทิ้งเหรอคะ!” หญิงสาวทวนคำนั้นน้ำเสียงแหบพร่า หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกถึงความบีบอัดแน่น คล้ายกับมีใครมาบีบเค้นหัวใจเธอในเวลาเดียว เมื่อได้ยินว่าอาหารที่เธอตั้งใจทำสุดฝีมือเป็นครั้งแรก แต่เขากลับจะทิ้งมันและยกให้กับคนอื่นอย่างง่ายดายโดยไม่เห็นค่า ช้างที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารมีสีหน้าแปลกใจทันทีเมื่อเห็นหยาดน้ำเอ่อคลอในดวงตาคู่สวยของน้องฝึกงาน “เป็นอะไรหรือเปล่าน้องพราว ตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้” “อ๋อปะ...เปล่าๆค่ะ สงสัยอะไรเข้าตา งั้นพราวขอตัวก่อนนะคะพี่ช้าง” ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อย ละล่ำละลักตอบก่อนจะรีบหันหน้าหนีปาดน้ำตาทิ้งแล้ววิ่งออกจากห้องครัวไปทันทีจนเดินไปชนกับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังเดินมาพอดี “อุ้ย...ขอโทษค่ะ พราวไม่ทันมอง...พะ...พี่คิณณ์” เรียกชื่อเขาเสียงเบา สีหน้าตระหนกตกใจเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายเวลานี้ “อ้าวน้องพราว เป็นอะไร ทำไมตาแดงแบบนั้นล่ะ” พอร์ชที่เหลือบสายตามองใบหน้าของหญิงสาวที่เดินมาชนเพื่อนเขาจนเซเอ่ยทักด้วยความแปลกใจ และนั่นทำให้ภาคิณต้องหันมาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายถึงเห็นว่านัยน์ตาของเธอแดงก่ำ แวววาวไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง “เป็นอะไรพราว ใครทำอะไร ทำไมร้องไห้” ถามเสียงเข้ม ในขณะที่พริบพราวที่ได้จ้องมองหน้าเขานิ่ง ความเสียใจความโกรธอัดแน่นจนไม่มีถ้อยคำจะพูดกับเขาเวลานี้ คำตัดพ้อที่อยากจะต่อว่าก็เหมือนกับถูกสะกดเอาอยู่ภายใน เหลือบสายตาหนีหันไปมองหน้าใครอีกคนแทน “ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เมื่อกี้เข้าห้องครัวแล้วพริกกระเด็นใส่ตาก็เลยแสบ เดี๋ยวพราวขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ” “อ๋อจ้ะ งั้นรีบไปห้องน้ำเถอะ น่าจะแสบน่าดูน้ำตาไหลขนาดนั้น” พอร์ชตอบอย่างเข้าใจและไม่ได้คิดอะไร ก่อนที่เธอจะเลี่ยงหลบเดินผ่านเขาไปโดยไม่คิดจะพูดหรือมองหน้าเขาสักนิด ในขณะที่ภาคิณ พอร์ช และเอิร์ธ มองตามแผ่นหลังร่างเล็ก ก่อนจะพากันเดินเข้าไปยังห้องลิฟวิ่งรูม ภายหลังจากสั่งอาหารข้างนอกมาทานแล้ว จึงพากันออกไปสูบบุหรี่ด้านนอก และเดินกลับมานั่งพักย่อยอาหาร คุยเล่นกันในห้องนี้เพราะเดี๋ยวช่วงบ่ายจะต้องมีประชุมงานด้วยกันเกี่ยวกับงานโฆษณาตัวใหม่ที่จะมีการถ่ายทำวันศุกร์นี้ “ไงมึง ไอ้คิณณ์ ไปทำไรน้องพราวหรือเปล่า ทำไมเขาไม่มองหน้ามึงเลย” พอร์ชอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครในห้องนอกจากพวกเขา เอ่ยขึ้น “มึง...อย่าบอกนะว่า...” เอิร์ธที่กำลังสงสัยเหมือนกันจึงเอ่ยขึ้น ทำหน้าคล้ายกับจับผิด “เห้ย อย่าเสือกน่า เรื่องของกู” น้ำเสียงคล้ายรำคาญ สีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะใจยังคิดถึงใครอีกคนที่เขาเพิ่งเจอเมื่อครู่ นัยน์ตาแดงก่ำที่จ้องมองเขาคล้ายกับตัดพ้อ คำต่อว่าที่สื่อออกจากแววตาคู่นั้นยังติดอยู่ในความรู้สึกของเขา มันคอยก่อกวนความคิดเขาอยู่ไม่น้อย เพื่อนก็ดันมาถามด้วยคำถามที่ปั่นประสาทเขาเพิ่มขึ้นไปอีก ยิ่งทวีความหงุดหงิดมากขึ้น “มึงจะทำไร คิดดีๆนะ น้องพราวเป็นน้องฝึกงาน มึงไม่ควรไปยุ่ง” “อย่าบอกนะว่ายุ่งไปแล้ว” เอิร์ธเหล่สายตามองเพื่อนอีกครั้งสีหน้าจับผิดไม่ไว้ใจ อาการนิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธทำให้เพื่อนสนิทที่คบหากันมานาน นึกรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำตอบ แค่เห็นแววตาประกอบสีหน้าท่าทางไม่ยี่หระของอีกฝ่าย “หึ กูนึกแล้วเชียว ตั้งแต่วันนั้นที่ร้านเหล้าแล้ว แม่งจ้องน้องเขาแทบจะกินไปทั้งตัว” พอร์ชว่าพลางส่ายหัวไปมา คล้ายเอือมระอา “มึงนี่แม่งไม่เว้นเลยว่ะ ฉวยจังหวะที่น้องเขาปลื้มมึงไปหลอกแดกอีกแล้ว คนนี้จะกี่วันล่ะ หรือว่าพอแล้ว” “ได้แล้วก็จบไหมวะ พวกมึงจะไรนักหนา” “เห้ย!!!” ทั้งสองประสานเสียงแทบจะพร้อมกัน ทำตาโตคล้ายกับตกใจสุดขีดกับอะไรบางอย่าง อ้าปากค้าง นิ่งอึ้ง แต่คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดไม่ทันสังเกตเห็น ยังคงพูดต่อด้วยอารมณ์โมโหที่มากขึ้น “ได้แล้วก็จบ อย่าดราม่าได้ไหมวะ น่ารำคาญ!!” ภาคิณเห็นหน้าตาท่าทางของเพื่อนได้แต่หงุดหงิดโมโห ทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ต้องชะงักค้างไปทันทีเมื่อได้สบตากับผู้หญิงตรงหน้าที่ยืนจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้วไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD