ตอนที่ 7-1ไม่มีอะไรจะให้

1300 Words
ตอนที่ 7ไม่มีอะไรจะให้ แววตาที่เธอจ้องมองเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ผิดหวัง หยาดน้ำตาแวววาวเอ่อคลอหน่วยตาคู่สวย ท่าทางสีหน้าบ่งบอกทุกอย่างว่ารู้สึกอย่างไรกับเขาในตอนนี้ และคงได้ยินทุกคำที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด ร่างสูงยืนนิ่งอึ้ง ตื่นตะลึงตกใจอยู่ไม่น้อย หัวใจของเขากระตุกวาบราวกับถูกกระชากหลุดออกจากร่าง ยิ่งได้สบตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำ ก้อนอะไรบางอย่างกลับทำให้เขาจุกแน่นจนพูดอะไรไม่ออก “เอ่อน้องพราว” พอร์ช เอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวเสียงเบา ใบหน้าหล่อของเขาแทบจะไร้สีเลือด ราวกับถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ “คะ...คือพี่อ้อมให้พราวมาตามพวกพี่ค่ะ แล้วก็มาเอาแฟ้มที่พี่เขาลืมไว้เมื่อเช้า” ร่างเล็กบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พยายามแล้วที่ควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น ไม่สบตาใครอีกคนที่จ้องเธอนิ่งค้างตาไม่กะพริบ ขณะเดินผ่านหน้าเขาไปหยิบแฟ้มที่ต้องการ วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าพี่เอิร์ธ ที่รีบหยิบมาส่งให้ทันที พลางกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ อดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ก่อนจะรีบก้มหน้าจะเดินออกไป แต่กลับถูกเขาคว้าแขนรั้งเอาไว้ “พราว” “คะพี่คิณณ์ มีอะไรหรือเปล่าคะพราวต้องรีบไปทำงานค่ะ”เธอหันมาถามเสียงสั่นพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมเอาไว้แต่กลับไม่เป็นผล เมื่อแววตาจ้องมองสบตาเขามีหยาดน้ำไหลรินเป็นทางอาบแก้มทั้งสองข้าง ทั้งๆที่พยายามฝืนยิ้มให้เขา ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่ก็ฝืนความเป็นจริงกับใจที่ปวดร้าวไม่ได้สักนิด “ปล่อยแขนพราวก่อนนะคะ” เธอบอกเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย แววตาแวววาวที่มีน้ำใสเอ่อคลอวาวโรจน์ขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดออกจนหลุด แล้วรีบเดินออกไปทันที โดยไม่สนใจหันกลับมามองเขาเลยสักนิด “เห้ย! ไอ้คิณณ์ยังไงวะ น้องเขาได้ยินที่เราคุยกันหมดแล้วเนี่ย!” เอิร์ธเป็นคนตั้งสติได้คนแรกหลังจากพริบพราวเดินหายออกไปจากห้องได้สักพักแล้ว “เพราะมึงแหละไอ้เหี้ยพอร์ช พูดขึ้นมาทำเหี้ยไร กูอยู่ของกูดีๆ มึงนี่แม่ง!” ภาคิณตวาดลั่น โกรธจัดจนลืมตัวกระชากคอตัวเชิ้ตของพอร์ช จนเขาตัวปลิวขึ้นตามแรง ต่างจ้องหน้ากัน กรามขบกันแน่นอย่างไม่มีใครยอมใคร “เห้ยพวกมึงหยุด!!!” เอิร์ธอดทนมองต่อไปไม่ไหว รีบลุกขึ้นมาห้าม พยายามแยกคนทั้งคู่ก่อนที่จะวางมวยกันจริงๆ “มึงเหี้ยเองไอ้คิณณ์! อย่ามาโทษกูแล้วตอนนี้มึงก็ได้น้องเขาแล้ว ก็น่าจะสมใจมึงแล้วนี่ มึงจะโกรธทำเหี้ยอะไร ในเมื่อมึงก็ไม่คิดจะเอาน้องเขาแล้ว” พอร์ชยังไม่วายแดกดัน จนภาคิณหันมาจ้องตาแข็งกร้าวทำท่าจะพุงเข้าใส่อีก ดีที่เอิร์ธคว้าตัวห้ามไว้ได้ทันก่อน “มึงหยุดทั้งคู่เลย ไอ้เหี้ย!! คนออกมาดูพวกมึงทั้งทะเลาะกันทั้งออฟฟิศแล้ว แหกตาดูมั่ง ผู้บริหารสองคนต่อยกันเพราะเรื่องผู้หญิง ไอ้ฉิบหาย!” เอิร์ธตวาดลั่นใส่คนทั้งคู่ด้วยความโมโห หลังจากที่เห็นว่าเริ่มมีคนมามุงดูพวกเขาทะเลาะกันด้วยสีหน้าตกใจระคนแปลกใจกันเต็มหน้าห้อง “มึงพูดแบบนี้ แปลว่ามึงก็สนใจพราวเหมือนกันใช่ไหมไอ้พอร์ช” ภาคิณไม่สนใจในสิ่งที่เอิร์ธด่าใส่ แต่กลับหันมาถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยแทน แววตาคาดคั้นเอาเรื่อง “เออ แล้วมึงจะทำไม ในเมื่อมึงจะไม่เอาน้องเขาแล้ว กูขอล่ะกัน แล้วมึงอย่าเสือกมายุ่งทีหลังอีกนะ” “เห้ยไอ้พอร์ช! พูดเหี้ยไรเนี่ย” ภาคิณตวาดลั่นถลาพุ่งเข้ามาใส่ซัดหมัดเสยเข้าที่แก้มขวาของอีกฝ่ายเต็มแรงจนล้มลงไป ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของทุกคนที่มามุงดู ในขณะที่เอิร์ธเองที่ไม่ทันคิดทำให้ห้ามไม่ทันในตอนแรกรีบเข้ามาห้ามคนทั้งคู่ ที่กำลังซัดกันไปมาด้วยอารมณ์ที่พุ่งสุดขีด โกรธจัดด้วยกันทั้งคู่ “ไอ้คิณณ์!หยุด!! ไอ้เหี้ยมึงไม่มีสติล่ะ กูบอกให้มึงหยุด!!” ภาคิณที่ถอยออกตามแรงผลักของเอิร์ธ ยกแขนขึ้นเช็ดที่มุมปากของตัวเอง “ไอ้พอร์ช!! กูขอสั่งมึง...ห้ามยุ่งกับพราว!!” ภาคิณชี้หน้า ตวาดลั่นเสียงดัง สั่งเสียงเข้ม โกรธจนตัวสั่นหายใจแรง ก่อนจะเดินฝ่าผู้คนออกไปโดยไม่สนสายตาใครที่มองตามเขาด้วยความตกใจเช่นกัน พริบพราวหลบมาสงบสติอารมณ์ที่อยู่ในห้องน้ำได้เกือบชั่วโมงแล้ว นัยน์ตาคู่สวยที่เคยแวววาวเป็นประกายขี้เล่นแต่ในเวลานี้กลับแดงก่ำ บวมช้ำ เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ร่างเล็กยังคงสะอึกสะอื้นขังตัวอยู่ในห้องน้ำเล็กๆไม่อยากออกไปเจอหน้าใคร จนทำให้ไม่รู้ว่าในเวลานี้ข่าวลือเรื่องของเธอกับภาคิณสะพัดไปทั่วทั้งบริษัท ต่างกันตรงที่เนื้อเรื่องเท่านั้น ข่าวลือที่ว่า ผู้ชายสองคนที่มีตำแหน่งใหญ่โต คนหนึ่งเป็นหลานเจ้าของบริษัทนั่นคือ ภาคิณ อีกคนที่มีตำแหน่งใหญ่ไม่แพ้กัน คอยดูแลงานด้านการวางกลยุทธ์ทางการตลาด และ เป็นลูกชายหุ้นส่วนของบริษัท เกิดการทะเลาะชกต่อยกันเรื่องแย่งผู้หญิง น้องฝึกงานคนสวยที่ชื่อพริบพราว เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคน ทุกแผนก ได้หยิบยกมาเป็นหัวข้อสนทนาหลักของการพูดคุยกันสนุกสนาน ต่างคาดเดากันไปต่างๆนานา บ้างก็เติมสีตีไข่อย่างที่ตัวเองอยากให้เป็นไปในแบบที่ตนเองต้องการ อ้อม พอได้ยิน ได้ทราบเรื่องก็ออกเดินตามหารุ่นน้องคนสนิทด้วยความเป็นห่วง จนมารู้ว่าหลบตัวเร้นกายซ่อนอยู่ในห้องน้ำด้านหลังของอาคารจึงรีบมาหาทันที “พราว! นี่พี่อ้อมเองนะ” “ค...คะพี่อ้อม” เสียงสั่นเครือเอ่ยตอบ ก่อนจะรีบปาดน้ำตาทิ้ง พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติ ลุกขึ้นยืนเดินไปเปิดประตูห้องน้ำเพื่อออกไปหาอีกฝ่าย “ค่ะพี่อ้อม” “เป็นไงบ้าง ไหวไหม” ไม่มีคำถามในเชิงอยากรู้อยากเห็น มีแต่คำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใยก่อนจะดึงรุ่นน้องมากอดปลอบประโลมเมื่อได้เห็นคราบน้ำตา เนื้อตัวสั่นเทาด้วยแรงสะอื้น “พี่อ้อม พราวอยากกลับบ้านค่ะ” “ได้ พี่ให้กลับ แล้วเราจะกลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพราวให้เพื่อนมารับ” “ได้! งั้นวันนี้กลับไปพักเถอะ แล้วเราเดินออกไปไหวไหม มานั่งอยู่ในห้องน้ำทำไมตั้งหลายชั่วโมงดูสิร้องไห้ตาบวมหมดแล้ว คนสวยคนเก่งของพี่หายไปไหน เติมหน้าสักหน่อยเถอะ ค่อยเดินออกไป” อ้อมบอกพร้อมกับส่งกระเป๋าเครื่องสำอางค์ของตัวเองที่ถือติดมือมาด้วย ยื่นให้เธอไปวางลงบนเคาน์เตอร์ที่มีอ่างล้างมือ ให้รุ่นน้องสาวได้ดูแลตัวเอง ล้างหน้าล้างตา แต่งเติมสีสันให้กลับมาสดใส แล้วค่อยเดินออกไปเผชิญกับโลกของความเป็นจริงด้านนอก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD