ตอนที่ 3 ผีออฟฟิศ
“พราวๆ สั่งข้าวหรือเปล่า ไรเดอร์มารออยู่ด้านนอกน่ะ”
“หื้อของพราวเหรอคะ” พริบพราวหันไปถามกลับด้วยความงุนงง ก่อนจะล้มลงดูโทรศัพท์ตัวเองเห็นข้อความที่ส่งมาสักพักแล้ว แต่เธอยังไม่ได้อ่าน ถึงได้รู้ที่มาที่ไปเจ้าของตัวจริงของอาหารดังกล่าว
ร่างเล็กออกมารับด้วยอาหารด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย เพราะมีพนักงานไรเดอร์ยืนรออยู่สองคน คนหนึ่งถึงถุงใส่อาหารจากร้านญี่ปุ่นแบรนด์ดัง ส่วนอีกคนเป็นร้านชานมไข่มุกที่กำลังเป็นที่นิยม
พริบพราวรับถุงอาหารเดินเข้ามานั่งในห้องทานข้าวสำหรับพนักงาน ซึ่งมีโต๊ะขนาดกลางเก้าอี้นั่งอีกหกเจ็ดตัว วางระเกะระกะ โดยไม่ค่อยมีใครเข้ามาใช้ห้องนี้ในการทานข้าวเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่จะชวนกันออกไปทานข้างนอกมากกว่า
อาหารที่ถูกหยิบมาออกวางลงบนโต๊ะเป็นเบนโตะชุดข้าวหน้าปลาแซลมอลผัดผงกะหรี่ กับซูชิเซ็ตพร้อมชานมไข่มุก ที่ทำให้หญิงสาวยิ้มแก้มปริ โดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพลงแอพพลิชั่นดังอย่างเฟสบุ้คและไอจีพร้อมกับลงสตอรี่ ตั้งแคปชั่นให้กับรูป ‘ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ’ ที่เพียงไม่กี่นาทีก็มีคนมากดไลค์กดหัวใจและคอมเมนต์มากมาย หนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทของเธอสองคน
‘ขอบคุณใครคะเพื่อน’ นาฬิริณทร์พิมพ์แซวพร้อมอิโมจิหัวเราะ
‘แหนะๆดูมีพิรุธ’
สองข้อความใต้รูปที่ทำให้หญิงสาวถึงกับหัวเราะออกมา ก่อนที่รอยยิ้มกับดวงตาจะยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นเมื่อได้เห็นข้อความจากใครบางคน
‘ขำอะไร’
พริบพราวเงยหน้าจากหน้าจอมือถือทันที หันซ้ายหันขวามองหาเจ้าของข้อความ ก่อนที่จะเห็นว่าเขายืนยิ้มให้อยู่ตรงเชิงบันได กำลังจะก้าวขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับชูมือขึ้นให้เธอดูเป็นความนัยว่าเขาจะคุยกับเธอผ่านช่องทางนี้
‘อร่อยไหม’
‘ยังไม่ได้ทานเลยค่ะ’
‘หิวจัง’
‘อ้าว งั้นพี่คิณณ์เอาไปทานไหมคะ’
‘ล้อเล่นจ้า พี่ทานแล้ว พราวทานเถอะ เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อนนะ’ ตบท้ายข้อความด้วยอิโมจิส่งจุ๊บมาให้ หญิงสาวนั่งอ่านข้อความเขาซ้ำไปซ้ำมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข อิ่มทั้งใจอิ่มทั้งกาย มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงโง่ที่ตามใครไม่ทัน ผู้ชายมาทำดีด้วยขนาดนี้ ทั้งโทรหาทุกเช้าตอนตื่นนอน ขับรถมารอรับเพื่อมาทำงานพร้อมกันทั้งๆที่บ้านอยู่คนละทาง มื้อเที่ยงยังสั่งอาหารกับชานมมาให้แบบนี้ จะไม่ให้คิดเข้าข้างตัวเองได้ยังไง ตลอดทั้งวันเธอทักไปเขาก็รีบอ่านรีบตอบ ไม่เคยดองไลน์ ดองข้อความหรือไม่ตอบข้อความเธอเลยสักครั้ง
เพียงแค่ไม่กี่วันเธอยังมีความสุข หัวใจพองฟูขนาดนี้ ถ้าพี่เขาจีบแล้วขอเป็นแฟนจะมีความสุขขนาดไหนนะ อนาคตไม่รู้จะเป็นแบบไหนแต่ตอนนี้ขอเธอฝันกลางวันไปก่อนแล้วกัน
“น้องพราวเย็นนี้ว่างเปล่า พวกพี่จะไปปาร์ตี้ลาบก้อยกันสนใจไหม”พี่ยิ้มเดินเข้ามาถามขณะที่เธอกำลังแก้ไฟล์งานในคอนพิวเตอร์ให้กับพี่ยุทธพี่อีกคนในฝ่ายที่ตอนนี้ออกไปประชุมตั้งแต่บ่ายแล้ว
“ว่างค่ะ ไปได้ค่ะพี่ยิ้ม พราวชอบกินส้มตาปูปลาร้าค่ะ”
“เยี่ยม อย่างนี้เข้าแก๊งพี่ได้แน่นอน”
“ไปกันหมดเลยเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ วันนี้ในทีมเราไปกันหมดเลย” ใจเธออยากถามถึงใครอีกคน แต่ก็ระงับยับยั้งความอยากรู้ของตัวเองไว้ มันจะดูว่าเธอสนใจเขามากไป แค่นี้เขาก็รู้ไต๋ รู้ความคิดเธอไปจนเกือบหมดแล้ว
เย็นวันนั้นพริบพราวกับพี่ๆคนอื่นในทีมจึงพากัน มาที่ร้านอาหารอีสานชื่อดังย่านลาดพร้าว เต็มไปด้วยผู้คนที่ค่อนข้างหนาแน่นตั้งแต่ช่วงเย็น จน พี่ต้นกับพี่ยิ้มต้องรีบออกจากออฟฟิศมาเพื่อจองโต๊ะโดยเฉพาะ
“แป้งกินไร สั่งเลยลูกสาว” พี่อ้อมหันมาบอกปั้นแป้งที่เดินสวยเข้ามานั่งที่โต๊ะ โดยมีพริบพราวเดินตามหลังมา พลางสอดส่ายสายตามองหาใครบางคนเผื่อคิดว่าเขาจะมาทานที่นี่ด้วย ใจนั้นอยากจะทักไปถาม แต่อีกใจก็กลัวว่าตัวเองจะแสดงออกว่าชอบเขามากจนไปเกินไป จึงได้แต่เก็บงำความสงสัยไว้
พลันเสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้น พริบพราวรีบหยิบมาเปิดดูด้วยใจอยากรู้ว่าจะใจคนที่กำลังคิดถึงอยู่หรือเปล่า
‘อยู่ไหนครับ พี่มารอกลับบ้านด้วย’
‘มาทานส้มตำกับพวกพี่ยิ้มพี่อ้อมค่ะพี่คิณณ์...ตอนแรกหนูนึกว่าพี่จะมาด้วย’
‘พี่ไม่รู้ ไม่มีใครบอกเลย แล้วอยู่ร้านไหนกัน’ พริบพราวตัดสินใจกดแชร์โลเคชันไปให้เขาทันที เธอเห็นว่าอีกฝ่ายกดอ่านข้อความแล้วแต่ก็ไม่ได้พิมพ์อะไรตอบกลับ จึงหันมาสนใจตักอาหารที่เพิ่งวางมาเสิร์ฟด้วยความเอร็ดอร่อย
เวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเสียงโทรศัพท์ของพี่อ้อมก็ดังขึ้น เธอกดรับโดยไม่สนใจอะไรเท่าไหร่ก่อนจะตอบอะไรสักอย่างไปที่ไม่มีใครในโต๊ะสนใจฟัง นอกจากพริบพราวที่เผลอเม้มปากด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้ยินบทสนทนาว่าคนที่เธอชอบกำลังจะขับรถตามมาสมทบด้วย
“ไอ้คิณณ์มันแปลกๆนะ ปกติมันมากินกับพวกเราซะที่ไหน”
“ทำไมวะ ไอ้คิณณ์จะมาเหรอ” ต้นหันไปถาม พลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไปเกือบครึ่งแก้ว
“เออดิ ถามว่ากูอยู่ไหน บอกว่าจะตามมา”
“คุณชายอย่างมัน กินร้านส้มตำด้วยเหรอวะ”
“กูน่ะเริ่มได้กลิ่นน้ำเน่าแถวนี้แล้วแหละ เดี๋ยวมึงรอดูได้เลย ไม่นานหรอก” ยิ้ม ยื่นหน้ามากระซิบบอกให้ได้ยินกันแค่สามคน คืออ้อม ต้นและยิ้ม ก่อนที่จะปรายตามองไปยังน้องฝึกงานสองคนที่เหมือนจะไม่ได้สนใจฟัง เพราะคอยแต่สนใจจัดแจงรับอาหารที่เพิ่งยกมาใหม่แล้วต้องหาตำแหน่งวางบนโต๊ะ
ไม่ถึงยี่สิบนาทีที่คุณชายผีประจำออฟฟิศเดินทางมาถึงร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทักทายทุกคนบนโต๊ะ โดยไม่ลืมส่งสายตามองไปยังหญิงสาวรุ่นน้องที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ ซึ่งหันมายกมือไหว้สวัสดีเขาทั้งคู่