ตอนที่ 3 แฟนใหม่ป้ายแดง
“ผมไม่เมาสักหน่อย เห็นมั้ยผมจำคุณได้ คุยกับคุณรู้เรื่อง”
“ไอ้ที่เธอคุยด้วยนะมันไม่ใช่ฉัน...แต่มันเป็นค...ว....ฉัน”
“ไม่ใช่คุณเหรอ อื้อ... ค.ครว....ย เข้ารู ง.งูขึงขัง” ผมสะบัดมือตบหัวงูตาเดียวโทษฐานที่มันหลอกให้ผมคุยด้วยอยู่นาน
“เงยหน้าขึ้นมาสิ ตกลงว่าคิดถึงฉัน หรือว่าคิดถึงไอ้นั่นของฉันกันแน่” มืออุ่นช้อนคางผมให้เงยขึ้นไปหา
“คิดถึงไอ้นี่...” ผมเอียงแก้มลงไปซบงูใหญ่หัวแดงอย่างไม่มีเล่นตัว
“ติดใจมันหรือไง”
“อืม...นี่คุณ”
“หือ”
“อยากจังเลย...เอากันมั้ย”
ไม่รู้ว่าในเบียร์ 4-5 ทาวเวอร์ที่รุ่นพี่กรอกใส่ปากผม มันผสมยาอะไรลงไปหรือเปล่า หรือเป็นเพราะอารมณ์อยากรู้อยากลองของวัยหนุ่มที่ร้อนกรุ่นพลุ่งพล่าน ทำให้ผมเอ่ยปากอย่างนั้นออกไป
“ว่าไงนะ”
“เอากัน.."
“ที่ชวนเนี่ยเพราะว่าอยากโดนเอาจริงๆ หรือแค่พูดเพราะลิ้นเปลี้ย”
“ผมไม่ได้เมาขนาดนั้นสักหน่อย” ผมยังยืนยันในความมีสติของตัวเอง
“โอเค...ถ้าอย่างนั้นเธอชื่ออะไร”
“กวี...”
“เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก....ถ้าตอบถูก ฉันจะจัดให้หลักละน้ำ”
“0-002579-6XXXXX” ผมรีบตอบอย่างไวเพราะไม่อยากให้ใครมาดูถูกว่าเมาแล้วพูดจาเลอะเทอะ อีกอย่าง 13 หลัก 13 น้ำ ต่อให้เป็นเด็กหนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนอย่างผม รับรองว่าถ้าสามารถผ่านศึกเลข 13 หลักนี้ไปได้ ผมคงได้ประสบการณ์เพิ่มเยอะทีเดียว
“ฮึ ฉันถือว่าเธอมีสติครบถ้วน”
“เลข 13 หลักของผมบอกครบแล้ว คุณล่ะ...ชื่ออะไร ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย”
“อยากรู้จักชื่อฉันอย่างนั้นเหรอ”
“อันที่จริง...ผมอยากครางชื่อคุณ...”
“ปานัท...ครางดังๆ นะ”
ตอนใช้ปากอมไอ้หัวหยักงูยักษ์ ผมก็รู้ว่ามันใหญ่ แต่ไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดทำให้ผมนอนตาเหลือก กระเสือกกระสนดิ้นรนหนีตายได้ขนาดนี้ ความเสียวเปลี่ยนเป็นความแสบ แน่นจุกจนพูดไม่ออก ไอ้จินตนาการภาพเซ็กครั้งแรกแสนหวานวาบหวิว ปลิวหายกลายเป็นฉากหนังฆาตกรรมทันที
“อ่าส์...กวี” สะโพกหนากระแทกหนักๆ อัดผมปลิวไปติดผนังห้อง ร่องก้นร้อนเหมือนกำลังจะไฟลุกพรึ้บขึ้นมา ขาสองข้างสั่นพั่บๆ แทบจะยันยกตัวให้ยืนอยู่บนเตียงไม่ไหว ผ้าห่ม เครื่องนอนบนเตียงปลิวกระจุยกระจายกระเด็นหายไปคนละทิศคนละทาง เหลือเพียงเตียงว่าเปล่ากับผ้าปูที่นอนยับย่นยู่ยี่ที่มีแต่คราบน้ำอสุจิหยด หกเป็นด่างเป็นดวงเปียกแฉะเหนียวเป็นคราบลื่นๆ เต็มไปหมด
“พักก่อน...พักก่อน” ผมพลิกตัวกลับมาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงใหญ่ ยกฝ่าตีนยันไปยังปลายคาง ของคนที่กำลังโน้มตัวลงมาหาเป็นครั้งที่ 3 หลังจากเราเอากันจนก้นผมระบมไปหมด
“ไม่ไหวแล้วเหรอ”
“ผมเจ็บนี่...คุณทำเบาๆ สิ” ผมล้วงมือลงไปคลำร่องเนื้อบวม เนื่องจากถูกกระแทกซ้ำๆ แม้จะเปลี่ยนไปหลายท่า แต่ว่ามันมีอยู่รูเดียวและถึงมันจะเสียวแต่มันก็ยังแสบอยู่ดี
“เจ็บมากเลยเหรอ”
“มากสิ ก้นผมพังหมดแล้วมั้งเนี่ย” ผมยกขาสะบัดปลายเท้าเตะป๊าบเข้าสีข้างพ่อคนเอวหนักที่ตะบี้ตะบันกดใส่ผมเหมือนคนอดอยาก ชนิดไม่เปิดโอกาสให้รูผมได้พักหายใจ
“เดี๋ยวทำรอบนี้ ฉันจะทำเบาๆ” คนตัวใหญ่โน้มกายลงมาจูบผมเบาๆ และนุ่มนวลลงกว่าเดิม 200 % จากตอนแรก
"แน่นะ.."
"สัญญา...ด้วยเกียรติของปานัท"
“อือ”
“แบบนี้ดีมั้ย” เสียงกระซิบเหมือนแมลงหวี่บินอยู่ข้างหู เบาจนผมแทบไม่ได้ยิน
“อือ แบบนี้ดี เสียวดีจัง”
“เธอชอบแบบนี้เหรอ”
“ชอบ”
ความรู้สึกแรกเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ประสาทสัมผัสทุกส่วนของผมไหลลงไปกองรวมกันอยู่ที่ก้น ตำแหน่งที่เมื่อคืนนี้มันมีคนมักมาก ทะลวงด่านพรหมจรรย์ที่ผมอุตส่าห์รักษามันมาอย่างเหนียวแน่นได้ตั้ง 23 ปี 2 เดือนกับอีก 4 วัน แต่จะโทษคุณปานัทคนเดียวก็ไม่ถูก เพราะถ้าผมไม่ถ่าง คุณปานัทก็คงไม่แทง.... เอาเป็นว่าเสมอ ๆ ไม่มีใครได้ ไม่มีใครเสีย เพราะเมื่อคืนเสียทั้งคู่ นับๆ ดูก็หลายน้ำอยู่เหมือนกัน
“ไง...”
“คุณ...นี่คุณ...” ผมลืมตาตื่นมาเจอเทพบุตรสุดหล่อกระดอแข็งนอนยิ้มอยู่ข้างๆ เพราะสัมผัสแข็งๆ จากไอ้แท่งคุ้นเคยที่มันกำลังเอาหัวมาสะกิดขาผมนั่นแหละ
“เธอคงไม่ลุกขึ้นมาร้องไห้ฟูมฟายใช่มั้ย”
“ผมไม่ปัญญาอ่อนขนาดนั้นหรอกน่า”
“ถ้าอย่างนั้น ขออีกรอบได้หรือเปล่า...” คิ้วเข้มกระดกยกสูงทำมุมรับกับมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกตวัดออกไปเผยให้เห็นไอ้งูเห่าตัวร้ายชูคอแผ่หัวบานเบ้อเร่อเท่อขึ้นมากล่าวทักทายผมในเช้าวันใหม่
“แต่ผมยังเจ็บก้นอยู่เลยนะ”
“ทำเบาๆ นะ ฉันอุตส่าห์นอนรอให้เธอตื่นตั้งแต่เช้า”
“ถ้าผมไม่ให้ ผมคงเป็นคนใจดำมากเลยสินะ”
“ฉันไม่กล้าว่าเธอขนาดนั้นหรอก”
“แต่ก็คงภาวนาอยากให้ผมเมตตาใจดี?”
“อยากเป็นคนใจดี ก็มาให้ฉันเอาอีกสักที เธอจะได้ขึ้นสวรรค์ทันทีเลยล่ะ”
ไอ้เรื่องเป็นคนดีหรือคนไม่ดี เรื่องนั้นมันไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ แต่ที่ผมอยากได้คือการไต่บันไดขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับคนเอวดุ ไม่รู้ว่าเมื่อเช้าตอนที่ผมยังไม่ตื่น พ่อคนหื่นแอบไปกระทิงแดงมาหรือเปล่าเพราะสเต็ปการกระเด้งกระเด้ายังไม่แผ่วลงเลยแม้แต่น้อย แต่แบบนี้แหละดี...ผมชอบ
“คุณไม่จำเป็นต้องไปส่งผมที่บ้านก็ได้นะ ผมนั่งแท็กซี่กลับเองได้”
ผมเดินโซซัดโซเซ เอียงข้าง ขาถ่าง มายืนมองรถสปอร์ตคันสวย คนรวยมันดีอย่างนี้เอง เปลี่ยนรถเล่นเหมือนเปลี่ยนรองเท้าแตะ แล้วถ้าไอ้รถคันนี้มันวิ่งไปจอดหน้าบ้าน คนแถวนั้นจะไม่แตกตื่นมาขูดรถขอหวยกันหรือยังไง ที่แน่ๆ ไอ้เลขสองตัวบนป้ายทะเบียนนี่มันต้องมีคนเอาไปเสี่ยงดวงอย่างไม่ต้องเดาและหนึ่งในนั้นต้องมีแม่ผมแล้วหนึ่งคน
“ไม่ได้หรอกเมื่อคืนฉันบอกแม่เธอไปแล้วว่าจะไปส่งเธอที่บ้าน”
“หมายความว่ายังไง บอกแม่แล้ว....”
“ก็แม่ของเธอโทรมาตั้งแต่เมื่อคืน ฉันเลยบอกว่า เธออยู่กับฉัน”
“แล้วแม่ว่าอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะฉันบอกว่า...ฉันเป็นแฟนเธอ” ประตูรถด้านข้างถูกเปิดกว้าง พร้อมใบหน้าขยับยกส่งสัญญาณว่า ให้ผมหย่อนก้นระบมลงไปนั่งบนเบาะหนังสีดำด้านใน
“เป็นแฟนผม คุณพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง” ผมฟาดฝ่ามือตีใส่หัวไหล่คนรวย
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ หรือว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว”
“ไม่มีหรอก แต่คุณกับผม เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย แล้วคุณไปพูดอย่างนั้น เดี๋ยวแม่ผมก็ไปแก้บนอีก”
“ในเมื่อเธอไม่ได้มีแฟน ถ้าอย่างนั้นเราเป็นแฟนกันก็ไม่เห็นแปลกนี่ เอาล่ะขึ้นรถได้แล้วจะได้รีบกลับบ้าน” ไหล่ทั้งสองถูกดึงรั้งแล้วจับยัดให้เข้าไปนั่งในรถคันใหญ่
“แต่ผมไม่เคยพาผู้ชายเข้าบ้านเลยนะ” ผมยกมือขึ้นมายันประตูเอาไว้แหงนคอขึ้นไปมองหน้าคนที่อาสาจะไปส่ง
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ก็เคยซะ”
ไม่ผิดจากที่ผมคิดเอาไว้เพราะเมื่อรถคันใหญ่แล่นมาจอดเทียบถนนหน้าบ้าน ลุง ป้า น้า อา คนเดินผ่านไปผ่านมาต่างชะโงกหน้ามาอยากรู้อยากเห็นกันเป็นขบวน
“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมพากวีมาส่งช้าไปหน่อย”
“เมามากหรือไงล่ะ ถึงกับกลับบ้านกลับช่องไม่ไหว” แม่ผมหันมายักคิ้วใส่ ความเป็นแม่ลูกที่รู้ใจกันมานาน ผมเดาว่าไอ้สิ่งที่แม่คิดในหัว กับสิ่งที่พูดออกมาเป็นคนละประโยคกัน
“มากน่ะสิแม่ ถ้าเมาไม่มากจะนอนค้าง เอ่อ...ไปค้างที่อื่นเหรอ” ผมตอบเสียงแผ่วพร้อมขยับก้นระบมเอียงข้างให้มันลงน้ำหนักกดทับน้อยๆ
“แล้วนี่มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกแม่”
“คือ...เพิ่งมีได้ไม่นาน” ใช่ มีเมื่อกี้สดๆ ร้อนๆ แล้วเป็นการมีแฟนแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้าเสียด้วย
“มีแฟนแล้วก็ไม่รีบมาบอก เดี๋ยวพระพรหมหน้าโรงแรม ท่านก็มาหักคอแม่พอดี ที่ไปแก้บนช้า”
“แม่นั่นพระพรหมนะไม่ใช่ผี จะมาหักคง หักคออะไรเล่า แม่นี่ก็บนเก่งจังเลย....บนอะไรไปบ้างจำได้มั้ยเนี่ย”
“ไม่รู้ล่ะ กูก็บนของกูไปเรื่อย”
“ที่ผมมาวันนี้ นอกจากจะมาแนะนำตัวกับคุณแม่ ผมยังจะมาขออนุญาตคุณแม่ อยากรับกวีไปอยู่แต่ข้างนอกด้วยน่ะครับ” แฟนใหม่ป้ายแดงของผมหันไปยิ้มสุภาพกับแม่
“หา รับไอ้วีไปอยู่ข้างนอก”
“ไปอยู่ข้างนอก หมายความว่ายังไงครับ” ไม่ใช่แค่แม่ที่งง ผมเองก็ตั้งตัวไม่ติดเช่นเดียวกัน
“บ้านเธออยู่ไกลจากบริษัทที่ทำงานมาก การเดินทางเท่าที่ฉันสังเกต คงจะลำบากไม่น้อย บังเอิญฉันมีคอนโดอยู่ใกล้กับที่ทำงานของเธอ ในฐานะที่เราเป็นแฟนกัน ฉันอนุญาตให้เธอไปอยู่ที่นั่นได้”
"มันจะดีเหรอคุณ ผม...นั่งรถเมล์ไปกลับได้" ถึงแม้ว่าจะต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 แล้วรีบออกจากบ้านให้ทันรถสองแถวเที่ยวแรกเพื่อออกไปนั่งรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้าก็เถอะ
"เธอเป็นแฟนฉันนะ ฉันไม่ยอมให้เธอลำบากหรอก"
ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะย้ายออกไปอยู่คอนโดตามคำชวนนั้นหรือเปล่า แต่แม่แก้วของผมเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเอามาวางไว้หน้าประตูให้พร้อมสรรพ โดยที่ผมยังไม่ได้ขยับตัวทำอะไรเลย
“นี่ไล่เลยเหรอแม่” ผมเดินไปกระซิบถามแม่เบาๆ
“เออ หล่อ รวยขนาดนั้น จะรออะไรเล่าลูก ให้ท่ามันเยอะๆ”
“หื้อ”
“ไม่หื้อล่ะ ไปอยู่แล้วทำตัวดีๆ ล่ะ ไม่ใช่ให้เขาตะเพิดไล่กลับมานะไอ้วี”
"แม่นี่ลูกนะ"
"เออ กูก็แม่มึงนะ...มีผัวมาก่อน ตอนนี้มันกำลังหลง เอาให้มันโงหัวไม่ขึ้นเลยเชื่อแม่"