“หางาน”

2233 Words
หลังจากกิจกรรมรับน้องจบลง… ก็ใช้เวลามานานพอสมควร ฉันแยกย้ายกับเพื่อน ๆ โดยไม่ลืมโบกมือลาและฝืนยิ้มให้ทุกคน ความเหนื่อยล้ายังไม่เท่าความรู้สึกหนัก ๆ ที่ติดค้างอยู่ในอก ตอนนี้… สิ่งเดียวที่ฉันอยากทำ คือรีบเดินกลับห้องให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ทิ้งตัวลงบนเตียง และหลับตาให้หลุดพ้นจากความคิดฟุ้งซ่านที่วนเวียนอยู่ในหัว ระหว่างเดินกลับห้องตามทางเดินสายเดิม ความมืดค่อย ๆ โรยตัวเข้าปกคลุมทุกอย่างรอบกาย มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าริมถนนที่ส่องสว่างเป็นช่วง ๆ สลับกับเสียงจิ้งหรีดที่เริ่มขับร้องแว่วมาไม่ขาดสาย บรรยากาศเงียบสงบแบบนี้… กลับทำให้ใจยิ่งรู้สึกว่างเปล่า ฉันกอดกระเป๋าไว้แน่นขึ้น เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวได้ในตอนนี้ เมื่อฉันเดินถึงซอยหอพัก ความเปลี่ยวและเงียบงันในยามค่ำคืนก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ที่นี่มีร้านค้าเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่แห่ง กับบ้านคนประปราย ส่วนใหญ่เป็นบ้านเก่า ๆ ดูทรุดโทรม ผู้คนแถวนี้ส่วนมากก็เป็นแรงงาน พวกขี้เมา หรือไม่ก็ขี้ยา ถึงจะชินกับเส้นทางนี้ แต่ในเวลากลางคืน… มันก็ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ระหว่างที่ฉันเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เสียงตะโกนจากกลุ่มชายฉกรรจ์ที่นั่งมั่วสุมกันอยู่ใกล้ร้านค้าก็ดังขึ้นจนสะดุ้ง “ไม่เคยเห็นหน้าเลย พึ่งย้ายมาหรอจ๊ะ คนสวย?” เสียงแหบ ๆ ปนเมาของชายคนหนึ่งดังลั่นขึ้นกลางความเงียบ ฉันไม่แม้แต่จะหันไปมอง รีบก้าวเท้าให้ยาวขึ้น เพราะหอพักของฉันอยู่เกือบท้ายซอย ซึ่งยังอีกไกล ขณะที่เสียงหัวเราะชอบใจดังไล่หลังมาไม่ขาดสาย “โห! ถามก็ไม่ตอบ! ให้พี่เดินไปส่งไหม?” เสียงของอีกคนตะโกนตามมา พร้อมเสียงหัวเราะดังสนั่น ฉันกัดฟันแน่น เลือกที่จะไม่ตอบโต้ แค่ภาวนาให้ถึงหน้าหอให้เร็วที่สุด ก่อนที่พวกนั้นจะทำอะไรมากไปกว่าคำพูด แต่ยังไม่ทันจะได้เร่งฝีเท้าขึ้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นตามหลัง ทีละก้าว… ทีละก้าว… ใกล้… ใกล้… และใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนฉันรู้สึกได้ว่าคนที่เดินตามมาอยู่ห่างแค่ไม่กี่ก้าวหลังฉันเท่านั้น หัวใจฉันเต้นแรง ร่างกายเกร็งจนมือสั่น สุดท้ายฉันตัดสินใจหยุดเดิน… แล้วหันกลับไปเผชิญหน้า และสิ่งที่ฉันเห็นคือ พี่ไทเกอร์… เขาเดินมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย มือทั้งสองล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่ทุกข์ร้อน ฉันที่ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองเขานิ่ง ๆ เมื่อเขาเห็นว่าฉันหยุดเดิน เขาเพียงแค่เหลือบตามองฉันนิดหนึ่ง… ก่อนจะเดินผ่านฉันไปอย่างเฉยชา ฉันยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น แต่ไม่ทันไร เขาหยุดเดิน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ไม่หันกลับมา “รีบเดินตามมา… หรืออยากให้พวกมันลากไป?” ฉันเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรเขา ไม่ใช่เพราะไม่มีคำพูดจะพูด… แต่เพราะจังหวะนี้ ฉันคงต้องพึ่งเขาจริง ๆ แล้ว ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้าวขาตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ โดยที่ยังได้ยินเสียงหัวเราะลอยตามลมมาจากกลุ่มพวกนั้นอยู่ไกล ๆ ระยะทางจากตรงนั้นถึงหอพัก แม้จะไม่ไกลมาก แต่กลับรู้สึกยาวนานเหมือนเดินข้ามคืน ฉันไม่ได้พูดอะไร เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน แต่แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าเขาเดินนำหน้าอยู่ แค่รู้ว่ามีใครบางคนอยู่ข้าง ๆ มันก็พอจะทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง จนในที่สุด… ฉันก็เดินมาถึงหน้าหออย่างปลอดภัย และหยุดยืนมองแผ่นหลังกว้างของเขาที่หยุดรออยู่ตรงนั้น “ขึ้นไปสิ ถึงหอเธอแล้ว” เสียงทุ้มนิ่งของเขาดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว จนฉันเผลอสะดุ้งเล็กน้อย ฉันไม่ตอบอะไร เพียงแค่มองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันหลังก้าวเท้าเตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่รู้ทำไม… อยู่ดี ๆ มือฉันก็ยื่นไปคว้าชายเสื้อของเขาไว้เบา ๆ จากด้านหลัง แรงดึงแผ่ว ๆ นั้นทำให้เขาหยุดเดิน แต่เขาไม่ได้หันกลับมา “…ขอบคุณ” ฉันพูดแผ่วเบา แทบจะเป็นเสียงกระซิบในลำคอ ก่อนจะรีบปล่อยมือจากเสื้อเขา แล้วหมุนตัววิ่งขึ้นหออย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะระเบิด แต่ในวินาทีนั้น… ฉันได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามหลังมา หรือฉันคิดไปเองกันนะ… ….. หลังจากกิจกรรมรับน้องยาวนานตลอดทั้งวันจบลง เหล่ารุ่นพี่ก็ทยอยกลับมาที่โต๊ะไม้หน้าคณะ บ้างเอนหลังเอนกายทิ้งตัวอย่างหมดแรง บ้างฟุบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมเสียงถอนหายใจยาว อากาศยามค่ำเริ่มเย็นลง ลมโชยแผ่วพาเอาความเหนื่อยล้าให้ล่องลอยตามไป ใบไม้บนต้นประดู่ริมรั้วไหวตามจังหวะลม เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องประสานกันในความเงียบที่แผ่คลุมหลังเลิกกิจกรรม บนโต๊ะไม้เก่าแก่นั้น มีขวดน้ำอัดลม แก้วน้ำเย็น และถุงขนมกระจัดกระจาย บางคนเปิดขวดน้ำดื่มเสียงดัง ป๊อก ก่อนจะยกกระดกอย่างกระหายราวกับวิ่งมาราธอน บางคนแค่นั่งเหม่อ ปล่อยใจลอยไปกับไฟถนนที่กระพริบอยู่ไกล ๆ “ไปไหนมาวะ ไอเกอร์” เสียงแทนไทตะโกนถามขึ้น ท่ามกลางวงสนทนาที่เพิ่งจะเริ่มคึกคักอีกครั้ง “ซื้อบุหรี่” ไทเกอร์ตอบสั้น ๆ ขณะนั่งลงข้าง ๆ พร้อมโยนกระเป๋าวางบนโต๊ะอย่างหมดแรง “แล้วไหนบุหรี่วะ?” แทนไทขมวดคิ้วถามต่ออย่างจับผิด “ไปซื้อไกลเนอะมึง…” เสียงเจเจแทรกขึ้น พร้อมเลิกคิ้วล้อ “มีคนแอบเห็นนะว่า…มึงเดินตามผู้หญิงไปส่งถึงหอที่ซอยข้าง ๆ จริงป่ะ?” คำพูดนั้นทำให้เสียงฮือฮาเบา ๆ ดังขึ้นในวง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างรู้ทัน ไทเกอร์เหลือบมองเจเจนิดหน่อย ก่อนจะเอื้อมหยิบขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างไม่ใส่ใจ แล้วตอบเสียงนิ่ง ๆ “ยุ่ง” คำเดียวสั้น ๆ แต่เล่นเอาทั้งวงระเบิดหัวเราะออกมาแทบพร้อมกัน “เฮ้ย นี่มึงก็มีมุมนี้เหมือนกันเหรอวะ?” แทนไทแซวต่อทันที พลางทำหน้าตกใจเกินเบอร์ “ว่าแต่ใครวะ? พวกกูรู้จักป่ะ?” เจเจไม่ยอมปล่อยผ่าน ยังคงตื๊อต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไทเกอร์วางขวดน้ำลงก่อนจะเอนหลังพิงพนักพิงไม้ ดวงตาคมเหลือบมองเพื่อนอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “ไม่รู้จัก แค่บังเอิญเจอ เห็นโดนขี้ยาแซว เลยเดินไปส่ง” บรรยากาศทั้งโต๊ะเงียบลงวูบทันที คำพูดนั้นเรียกสีหน้าจริงจังจากเพื่อน ๆ ได้ไม่ยาก ก่อนจะมีเสียงพึมพำแทรกขึ้นเบา ๆ “จริงว่ะ ซอยนั้นแม่งเปลี่ยวชิบ… ขนาดพวกกูยังไม่กล้าเดินคนเดียวเลยตอนดึก ๆ” “เออ ๆ งั้นน้องคนนั้นโชคดีฉิบหายเลยนะ ที่ได้บอดี้การ์ดชื่อไทเกอร์” เจเจพูดแซวอีกครั้ง น้ำเสียงปนขำ แต่แฝงความจริงใจไว้ด้วย ไทเกอร์ถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างคนเบื่อจะตอบ แต่หางตาก็ยังมีแววขำจาง ๆ ที่ไม่ได้ซ่อนให้มิดนัก ค่ำคืนนี้ แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าเพราะกิจกรรมทั้งวัน แต่หัวใจกลับรู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่นไปด้วยมิตรภาพ เสียงหัวเราะ เสียงล้อเล่น และความห่วงใยที่ส่งผ่านกันอย่างเงียบ ๆ ในบทสนทนาเรียบง่ายที่ไม่มีใครต้องพูดให้มากความ …… – ฝั่งแบมแบม – หลังจากกลับถึงห้อง ฉันก็รีบจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ อาบน้ำ กินข้าว และเตรียมตัวจะพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะทั้งวันแทบไม่ได้หยุดหายใจเลย แต่พอร่างกายเริ่มได้หยุด ความคิดในหัวก็เริ่มทำงานทันที ฉันนั่งนิ่งอยู่บนเตียง สายตามองไปยังซองเงินที่วางไว้ปลายโต๊ะ พร้อมถอนหายใจเบา ๆ กลางเดือนแล้ว… เงินที่เหลืออยู่ตอนนี้ คงพอใช้ให้รอดถึงสิ้นเดือนได้แบบเฉียดฉิว แต่พอคิดถึงเดือนหน้า ฉันก็ได้แต่เม้มปากแน่น รู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ในอก จะทำยังไงดีนะ… ไม่ใช่แค่ค่ากินอยู่ แต่ยังมีค่าหอ ค่าหนังสือ ค่ากิจกรรมอีก ฉันไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากต้องรีบหางานทำเพื่อพยุงตัวเองต่อไป แม้จะรู้สึกเหนื่อย แต่ก็ไม่มีเวลามานั่งท้อ ฉันหยิบมือถือขึ้นมา เปิดแอปหางานอย่างคนหมดทางเลือก พลางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ต้องสู้แล้วล่ะแบมแบม… อย่างน้อยก็ต้องหาให้ได้สักงาน” นิ้วเลื่อนหน้าจออย่างช้า ๆ ไล่ดูงานพาร์ตไทม์ที่พอจะทำหลังเลิกเรียนได้ จนกระทั่งสายตาไปสะดุดเข้ากับประกาศหนึ่งที่ขึ้นแนะนำอยู่บนสุดของหน้า “เปิดรับสมัครพนักงานนั่งดริ้ง ร้านชิวชิว ใกล้มหาลัย รายได้ดี ทำเฉพาะกลางคืน ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์” ฉันชะงักมองจอมือถือ ใจเต้นวูบวาบกับคำว่า “รายได้ดี” ที่ดูจะเย้ายวนที่สุดในบรรดาทุกตัวเลือกที่เลื่อนผ่านมา แต่ทันทีที่อ่านข้อความครบ ประโยคในหัวก็ผุดขึ้นมาทันที “งานแบบนี้…ใช่ทางเราหรือเปล่า?” ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่ได้กดเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่ม แค่จ้องอยู่แบบนั้น ความคิดหลายอย่างเริ่มประดังเข้ามา ความกลัว ความจำเป็น และความไม่มั่นใจเริ่มต่อสู้กันในใจ ฉันถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนผ่านมันไป…แต่เพียงชั่วคราว เพราะลึก ๆ แล้ว…ฉันรู้ ว่าสุดท้ายถ้าหาทางอื่นไม่ได้ ฉันอาจต้องย้อนกลับมากดเข้าไปอีกครั้ง ฉันเลื่อนผ่านประกาศไป… แต่ก็แค่เพียงไม่กี่แถบ เพราะสุดท้าย ปลายนิ้วก็ย้อนกลับมากดเข้าไปดูอยู่ดี “พนักงานนั่งดริ้ง รายได้เฉลี่ย 2,000–4,000 บาทต่อคืน รับเฉพาะสาววัยนักศึกษา ทำงานไม่เกินเที่ยงคืน สัมภาษณ์ผ่านเริ่มงานได้ทันที” ดวงตาฉันไล่อ่านทุกบรรทัดอย่างช้า ๆ ใจมันยังลังเล…แต่น้ำเสียงในหัวเริ่มดังขึ้นทุกที “นี่มันเงินค่าเทอมเดือนหน้าทั้งเดือนเลยนะ” “แม่ก็ส่งมาได้แค่บางส่วน ถ้าไม่หาเองก็คงไม่พอแน่ ๆ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสะกดความรู้สึกบางอย่างที่พยายามจะตีกลับในอก แล้วกดปุ่มแชทของไลน์ที่แปะไว้ใต้ประกาศนั้น “สวัสดีค่ะ สนใจสมัครงาน ยังรับอยู่มั้ยคะ?” แค่ประโยคสั้น ๆ …แต่นิ้วฉันสั่นจนพิมพ์ผิดไปสามรอบกว่าจะกดส่งออกไปได้ ข้อความขึ้น “อ่านแล้ว” ภายในไม่ถึงนาที “ยังรับอยู่ค่า สนใจเข้ามาสัมภาษณ์วันไหนได้บ้างคะ? ร้านอยู่ไม่ไกลจากมหาลัย เดี๋ยวส่งพิกัดให้ค่ะ 😊” ฉันจ้องข้อความตอบกลับนั่นอยู่นาน…แล้วมือก็เผลอกดดูพิกัดร้าน พิกัดขึ้นมาทันที พร้อมภาพหน้าร้านไฟนีออนสีม่วงกับตัวอักษรเรืองแสงชื่อ “ชิวชิว” ฉันยังไม่ตอบกลับทันที แค่จ้องหน้าจอในความเงียบของห้อง ทุกอย่างเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง “ขอแค่พอให้ผ่านเดือนนี้ไปก่อน…” เสียงนั้นในใจดังอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วฉันจะเริ่มพิมพ์ตอบกลับไป “พรุ่งนี้ช่วงเย็นว่างค่ะ ไปสัมภาษณ์ได้เลย” ……. - วันถัดมา - หลังจากเรียนเสร็จ ฉันรีบกลับห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัวให้ดูเรียบร้อยที่สุด แม้จะเป็นงานนั่งดริ้ง…แต่ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าต้องแต่งตัวยังไง ฉันหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกระโปรงยีนส์ทรงเอมาใส่ เสยผมมัดหางม้าให้ดูสุภาพ แล้วเติมลิปกลอสบาง ๆ พอให้หน้าดูไม่ซีด “โอเค…ไม่โป๊เกิน ไม่เรียบร้อยเกิน แค่นี้น่าจะพอ” ฉันพึมพำกับเงาในกระจก เสียงแจ้งเตือนไลน์เด้งขึ้น “ถึงหน้าร้านแล้วแจ้งนะคะ เดี๋ยวพี่ออกมารับ 😊” ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินลงจากหอ - หน้าร้าน “ชิวชิว” - แสงนีออนสีม่วงอมชมพูสาดออกมาจากด้านในร้าน เสียงเพลงเบา ๆ ลอดออกมาพร้อมกลิ่นบุหรี่เจือจางปะปนอยู่ในอากาศ แบมแบมหยุดยืนอยู่หน้าร้านสองสามวินาที ลังเลจะเดินเข้าไปดีไหม ก่อนที่หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสดำจะเดินออกมาจากร้าน พร้อมรอยยิ้ม “น้องแบมแบมใช่มั้ยจ๊ะ? พี่ชื่อพี่มะเหมี่ยว เป็น PR ของร้านเอง เข้ามาก่อนได้เลย ไม่ต้องเกร็งนะคะ สัมภาษณ์แป๊บเดียวจ้า” ฉันพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินตามพี่มะเหมี่ยวเข้าไปในร้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD