บทที่ 5 ใจถึงพึ่งได้

1824 Words
บทที่ 5 ใจถึงพึ่งได้ “คราวนี้ถ้าไล่ผมอีก พี่เจอดีแน่” “ลงไป!” ยิปโซยิ้มมุมปากท้าทายไม่เกรงกลัว “หึ..ได้เลยครับยิป” ริมฝีปากได้รูปฉกเข้าหาบดเคล้าเบาๆ ก่อนเพิ่มแรงดูดดึงหนักขึ้นเมื่ออีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ กลีบปากสีชมพูรสหวานทำให้ลีอองอดใจไม่ไหวจนต้องสอดลิ้นเข้าในโพรงปากนุ่มที่เผยออ้ารับอย่างเต็มใจ กล้าๆ กลัวๆ ที่จะทำแต่พอได้ลิ้มลองก็ฮึกเหิม กลิ่นคาราเมลที่กลั้วอยู่ในปากของเขาถูกถ่ายเทมายังอีกคน จูบของลีอองดูเงอะงะ แต่ทำให้เธอเคลิบเคลิ้มได้ไม่ยาก เขาอาจเป็นพวกเก่งทฤษฎีแต่ไม่เน้นปฏิบัติ ทุกอย่างจึงดูค่อยเป็นค่อยไป สองมือกำเสื้อยืดชื้นเหงื่อไว้แน่น ขณะที่เรียวลิ้นก็ตวัดโต้ตอบกับเขา ยิปโซไม่ได้อ่อนหัด แต่ไม่เคยจูบกับใครตั้งแต่วันแรกที่เจอ ลีอองคือข้อยกเว้น เขาทลายพฤติกรรมหลายอย่างของเธอให้พังลง ไม่เคยง้อใครก่อนก็ยอมง้อ ไม่เคยรอก็ยอมรอ ไม่เคยเสียความมั่นใจก็ไปไม่เป็นเมื่อสบตากัน เพียงแค่เจอวันแรกเธอก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ หรือเขาจะเป็นคนที่ดวงสมพงษ์กับเธอ เสียงน้ำลายเหนอะหนะดังเป็นระยะ เมื่อหนุ่มสาวไม่ยอมผละจากกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ ละเลงลิ้นจนน้ำลายไหลย้อยมุมปากของทั้งคู่ เป็นนานกว่าจูบจะจบลง ลีอองถอนริมฝีปากอ้อยอิ่ง แนบหน้าผากกับเธอ จ้องตาหวานซึ้งจนอีกฝ่ายใบหน้าซับสีเลือด “ปากพี่โคตรดี..” ขณะพูดก็คลอเคลียริมฝีปากไม่ห่าง ฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังบางเบาๆ นึกเคืองคอนโซลกลางรถที่กั้นไม่ให้แนบชิดกับเธอ ดูคนอื่นจูบมาเยอะเพิ่งได้ลงสนามจริงก็วันนี้ “ดี..ที่หมายถึงจูบเก่งอ่ะเหรอ” เพราะมันยังหมายถึงด่าเก่งอีกด้วยนะ “หึ” ลีอองไม่ตอบทำเพียงหัวเราะเบาๆ “ที่นายจูบคือการบริการในงานอย่างหนึ่งใช่ไหม” ถามแบบไม่คาดหวัง แต่ลึกๆ ก็หวังอยู่ดี “แล้วพี่คิดว่าไงล่ะครับ” ลีอองขยับออกห่างมองคนปากเจ่อยิ้มๆ แววตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนยิปโซนึกค่อนขอด เขาเก่งมากที่ปรับอารมณ์และปรับท่าทีได้อย่างรวดเร็ว แบบนี้เรียกมืออาชีพแบบที่ออสก้าพูดไว้ไม่มีผิด “ก็คงเป็นงานมั้ง” พูดเองน้อยใจเอง แบบนี้โคตรแย่ “ตามนั้นครับ” เขาไม่ปฏิเสธยิปโซก็หน้ามุ่ย มองออกไปด้านนอกก่อนเคลื่อนรถโดยไม่พูดไม่จา จะว่าเป็นไบโพล่าก็ช่างเถอะ เพราะโคตรน้อยใจ ดูสิ..เธอหงุดหงิดแทบตายแต่เขากลับหัวเราะ ตลกมากเหรอ? แต่เธอไม่ตลกด้วย! “พี่จะพาผมไปไหน” เงียบ.. “คงไม่หลอกผมไม่ฆ่าหรอกใช่ไหม” “หยุดถาม..ถึงแล้วก็รู้เอง” เสียงพูดติดรำคาญและนั่นก็ทำให้ลีอองนั่งเงียบตลอดทาง รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดยังจุดหมาย เป็นคาเฟ่สไตล์มินิมอลแถวชานเมือง อาคารสีเขียว พาสเทล ภายในตกแต่งอย่างน่ารัก ทุกอย่างดูกระจุ๋มกระจิ๋มแต่ลงตัว ลีอองเดินตามยิปโซไปยังด้านหลัง ทะลุมาจนถึงห้องด้านในสุด กวาดตามองรอบๆ น่าว่าจะเป็นห้องทำงานมากกว่าพื้นที่รองรับลูกค้าของคาเฟ่ “ที่นี่คือ?” เอ่ยถามพร้อมถือวิสาสะนั่งโซฟาสีเขียวเข้ม ดูท่าเจ้าของคงคลั่งสีนี้อยู่พอควร ซึ่งมีความน่าจะเป็นว่ายิปโซคือคนนั้น เพราะเธอได้หย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน กอดอกมองตรงมาที่เขา ใบหน้าแสนสวยดูเย่อหยิ่งจนแอบคิดว่าเธอป่วยจริง อารมณ์ขึ้นลงเสียจนตามไม่ทัน “เป็นที่พักผ่อนของพี่เอง เวลาไม่มีอะไรทำก็มาที่นี่” “ใครบอกว่าไม่มีอะไรทำ ก่อนมาพวกเราทำกันหลายอย่างอยู่นะครับ” ยิ้มกรุ้มกริ่มจ้องตากลมโตของอีกฝ่ายอย่างขี้เล่น “ลูกเล่นเยอะนะเรา” “ผมไม่ได้เล่น” คนพูดปรับสีหน้าเป็นจริงจัง ส่วนคนฟังหัวใจเต้นระรัว อะไรกัน..เขาจะมาไม้ไหนอีก “นายว่างถึงกี่โมง” “ก็ได้ทั้งวัน” “อ่อ” “และทั้งคืน!” อึก..ยิปโซกลืนน้ำลายลงคอ นัยน์ตาสีนิลมีประกายร้อนแรงจนเธอไม่อาจสู้ต้องเบือนหน้าหนี ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ลุกเข้ามาประชิด รู้ตัวอีกทีก็ถูกเด็กเอนเตอร์เทนใช้แขนกักตัวไว้เสียแล้ว “นายจะทำอะไร” ยิปโซตกใจที่ถูกจู่โจมกะทันหัน วงแขนแกร่งขังเธอให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสบตากับเขาในระยะที่ลมหายใจส่งถึงกัน กลิ่นคาราเมลจางๆ เล่นงานให้ปั่นป่วนอีกครั้ง “ทำงานครับ” “ไม่เห็นต้องเข้าใกล้ขนาดนี้เลย” “พี่สวย..ผมเลยอยากมองให้ชัด” คนที่กักตัวเธอไว้ค่อยๆ ไต่นิ้วขึ้นไปตามแขนเรียว วางแหมะบนบ่า บีบนวดเบาๆ พร้อมโน้มใบหน้าลงมายิ่งขึ้น “มันใกล้เกินไปไหม พะ..พี่อึดอัด” “ผมคิดว่าพี่กำลังเครียด นวดผ่อนคลายน่าจะทำให้ดีขึ้น” ลีอองนวดคลึงเป็นจังหวะหนักบ้างเบาบ้าง ริมฝีปากหยักลึกยิ้มน้อยๆ สายตาเจือแววร้อนแรง ยิปโซนั่งตัวแข็งทื่อ อยากผลักไสแต่ทำไม่ได้ คล้ายกับว่าถูกเขาสะกดด้วยเสน่ห์ที่มีอย่างล้นเหลือ มืออาชีพสุดๆ เจอแบบนี้ใครไหวก็ช่างเถอะ แต่อียิปไม่ไหว “คาเฟ่น่ารักดีนะครับ พี่ชอบมาที่นี่เวลาอารมณ์ไม่ดีใช่ไหม” “นายรู้ได้ไง” ถามกลับเสียงเบา ตากลมโตกะพริบปริบๆ เมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าอมยิ้ม รอยบุ๋มข้างแก้มน่ามองจนเธอยกมือขึ้นแตะเบาๆ ก่อนชักออกเมื่อรู้ตัวว่าเผลอทำ “ที่นี่ตกแต่งด้วยสีโทนเย็นทั้งหมด ไม่ค่อยเข้ากับสาวเลือดร้อนอย่างพี่ แต่จริงๆ แล้วโคตรจะเข้า เพราะอะไรรู้ไหมครับ..” ลีอองละมือออกจากบ่าบอบบาง คุกเข่าลงบนพื้นเงยหน้ามองหญิงสาว “หื้ม..” ยิปโซเลิกคิ้วสงสัย “เพราะเวลาแม่สาวร้อนแรงอยู่ท่ามกลางความอ่อนหวาน เธอจะโดดเด่นและดึงดูดเพศตรงข้ามให้อยากเข้าใกล้” ปลายนิ้วเรียวยาวคลึงริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูเบาๆ ยิปโซแต่งหน้าบางๆ กระนั้นเธอก็ยังสวย ดวงตาแม้จะกลมโตทว่าให้ความรู้สึกเร่าร้อนมากกว่าอ่อนหวานเสียอีก “พะ..พอก่อน” ยิปโซเสียงสั่น เมินหน้าหลบสายตา “แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ” ลีอองหัวเราะก่อนผละมือออก ยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ตำแหน่งนี้ทำให้เขามองขาเรียวสวยได้ชัดเจน เหลือบเห็นสายรองเท้าผ้าใบแบรนด์หรูคลายออกจึงเอื้อมมือไปผูกให้ “ไม่ต้อง! พี่ผูกเองได้” รีบชักเท้าหนีแต่เขาก็จับเอาไว้ ลีอองจัดการผูกให้จนเสร็จแล้วลุกยืนเต็มความสูง “ผมไม่เคยผูกเชือกรองเท้าให้ใคร..พี่คือคนแรก” หัวใจแทบกระเด็นกระดอน พยายามไม่หวั่นไหวแต่ใจคล้อยตามเขาไปแล้ว ความขุ่นเคืองหายเกลี้ยง ความสับสนว้าวุ่นใจเข้ามาแทนที่ ไอ้เด็กนี่..มันของจริง “พี่ไม่หลงคารมนายหรอกนะ” “ผมไม่ได้ให้หลงครับ พี่ก็คิดมากไปได้ ขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหม” “ดะ..ได้ อยู่ตรงนั้น” ยิปโซชี้ไปยังห้องน้ำภายในห้อง “ขอบคุณครับ” “ฟู่ว..” พ่นลมหายใจตามองแผ่นหลังกว้างที่หายเข้าไปในห้องน้ำ คนอะไรแค่ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นกับรองเท้าแตะก็ดูดี เอาจริงเธอชอบลุคนี้ของเขามาก มันให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ไม่ต้องแต่งหล่อ เซตผมจนมันแผลบเวลาเจอกันเหมือนคนคุยที่ผ่านมา ถึงฐานะร่ำรวยยิปโซก็ไม่ได้ติดหรู จริงอยู่ที่กระเป๋ากับรองเท้าเป็นแบรนด์เนม แต่สิ่งของหลายอย่างที่มีก็เป็นของปกติทั่วไปตามตลาด เช่นชุดที่ใส่วันนี้ก็เอฟจากไลฟ์สดมาสองร้อยห้าสิบบาท มัวคิดอะไรเพลินๆ จึงไม่เห็นว่าลีอองกลับออกมาและตรงไปนั่งโซฟาที่เดิม สายตาคมกริบมองลูกค้าสาวสวยอย่างพินิจ ที่มาสภาพนี้เพราะเขากลับบ้านไปแล้ว ไม่ใช่สิ..เรียกว่ากลับไปช่วยงานสวนที่บ้านผู้มีพระคุณจะดีกว่า เห็นข้อความที่ส่งหาเป็นร้อยก็ไม่เปิดอ่าน เดิมทีจะไม่รับงานซ้ำในวันเดียว แต่พอเห็นราคาที่เสนอก็จำใจต้องรับ ว่าตามตรงก็ร้อนเงิน “พี่ยิปครับ..มานั่งนี่มา พวกเราจะได้คุยกัน นั่งห่างแบบนี้ผมทำงานไม่ค่อยสะดวก หรือพี่อยากให้ทำอะไรเป็นพิเศษก็บอกได้นะครับ ผมบริการเต็มที่” ตบปุๆ ลงที่ว่างข้างกาย “อ่อ” ยิปโซสะดุ้งขานรับแบบงงๆ งงจนลุกเดินไปนั่งแหมะอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับเขาทันที ใจมันสั่งมาอ่ะเนอะ เวลานี้ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ จะว่าหลงเด็กก็ไม่ใช่ จะว่าชอบเด็กแล้วก็ไม่เชิง มันคันยุกคันยิกที่หัวใจยังไงชอบกล หรือแค่อาการแพ้คนหล่อกันนะ “ว่าไงครับ อยากให้ผมทำอะไรก็บอก” “ไม่ต้องทำแค่ตอบคำถามพี่ก็พอ” “หื้ม..” ลีอองขยับตัวหันมาแนบชิดร่างบาง พาดมือบนพนักโซฟาโอบกอดเธอกลายๆ หรี่ตามองเพื่อประเมินเจตนาของอีกคน “แค่คำถามธรรมดา” “พี่รู้กฎการใช้บริการใช่ไหมครับว่าห้ามถาม ห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือความลับ ต่อให้เจอคนรู้จักระหว่างทำงาน ก็จะไม่แนะนำกันและกันว่าเป็นแฟน” “รู้แล้วน่า..ย้ำอยู่ได้” แล้ววัน เดือน เวลาเกิด ใช่เรื่องส่วนตัวไหมนะ “ถ้างั้นก็ถามมาเลยครับ” “นายเกิดวันอะไร เดือนไหน เวลาอะไร” “พี่ไม่เข้าใจคำว่าเรื่องส่วนตัวหรือครับ” ไอ้เด็กนี่ด่าเธอว่าโง่หรือเปล่าวะ แต่ช่างเถอะ..อยากรู้ก็ต้องได้รู้ป่ะ ไม่งั้นไม่ใช่อียิป “สองพัน” “อย่าเอาเงินฟาดหัวผมดิ กฎก็คือกฎผมตอบไม่ได้” ลีอองส่ายหน้าปฏิเสธ “สามพัน” “ไม่ครับ งานคืองาน” “สี่พัน” “ผมไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้น” “ห้าพัน” “อย่าเลยครับ ไม่ก็คือไม่” “หนึ่งหมื่น!” “ผมเกิดวันอังคาร ที่ 11 เดือนพฤษาคม เวลาบ่ายสองโมง” “ก็แค่เนี๊ย..ลีลาอยู่ได้” ใจถึง เงินถึง พึ่งได้ ก็อียิปนี่แหละค่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD