หลังจากที่ไปแจ้งหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟว่าเมาแล้วต้องการกลับห้อง เพื่อนร่วมงานก็อาสาพาปวีนาเดินกลับที่พักพนักงานที่อยู่ถัดจากอาคารที่เป็นที่ตั้งของผับที่เธอทำงาน แม้ที่พักกับที่ทำงานจะอยู่ข้างกัน แต่ก็ใช้เวลาในการเดินเพราะมีลานจอดรถลูกค้ากว้าง ๆ กั้นอยู่
ฤทธิ์เหล้าทำให้หน้าของเธอมึนชา ดวงตาลืมได้ไม่เต็มที่ และการทรงตัวก็ลำบากกว่ายามปกติ หนำซ้ำสัมผัสของพีร์ยังทำให้เธอมีความรู้สึกเหมือนสะบัดร้อนสะบัดหนาวยามก้าวขาเดิน
แม้ร่างกายจะค่อย ๆ สูญเสียการควบคุมแต่สติของเธอยังอยู่เต็มเปี่ยม หญิงสาวบอกตัวเองว่านาทีนี้ต้องกลับถึงห้องให้ไวที่สุด แล้วเธอจะปลอดภัย ปวีนารีบก้าวขาเร็ว ๆ
"ไม่ต้องรีบเดินหนีหรอก" ฝนที่เดินตามมาเอ่ยบอก "เธอนี่มันแน่นะที่เอาเงินเสี่ยไปได้ตั้งเยอะแล้วก็วิ่งไปหาคุณพีร์ เพื่อไปยั่วเขาต่อ แต่เขาไม่เอาสิท่า ถึงได้วิ่งกลับหอพักแทบไม่ทัน"
"มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด" เธอบอกได้แค่นี้เพราะอยากเก็บแรงไว้รีบเดิน ไม่มีเวลามาแก้ความเข้าใจผิดของใคร
"ใช่หรือไม่ ก็ไม่รู้ แต่เธอรู้ไว้เถอะว่าได้เงินมาขนาดนี้ เธอไม่เสร็จเสี่ยวันนี้ ก็เสร็จวันหน้า เขาไม่ปล่อยเธอไว้แน่"
คำพูดของฝนทำให้ปวีนาชะงัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุด เงินที่ได้มาในวันนี้มากพอแล้ว โอกาสที่จะเจอเรื่องแบบนั้นไม่มีวันได้เกิดขึ้นอีกแน่นอน
เงินคือเหตุผลให้เธอต้องพาตัวเองมาทำงานเสี่ยงแต่ผลตอบแทนสูงเช่นนี้ ตั้งแต่เกิดมาชีวิตก็ไม่เคยต้องพานพบกับความลำบาก เธอเรียนโรงเรียนอินเตอร์ค่าเทอมหลักล้านในภูเก็ต แล้วไปเรียนต่อปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจที่ออสเตรเลียทั้งที่เรียนมาเหลือแค่เทอมสุดท้ายก็จะจบแต่เธอก็ต้องบินกลับไทยด่วนเพราะเกิดวิกฤติครั้งใหญ่กับครอบครัว
เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะบิดาของเธอนั้นถูกเมียหลวงจับได้ว่าแอบมีบ้านหลังที่สอง ปวีนากับมารดาที่อยู่อย่างเงียบเชียบเจียมเนื้อเจียมตัวมาตลอดจึงโดนไฟแห่งความโกรธแค้นแผดเผาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณดาราผู้เป็นเมียหลวงนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่บิดาเธอบริหาร เงินทุกบาทที่บิดาแบ่งมาให้บ้านเล็กจึงนับว่าเป็นเงินของเมียหลวง
เมื่อเรื่องมันแดง คุณดาราก็ให้บิดาเธอเลือกว่าจะอยู่กับใคร พ่อบังเกิดเกล้าของเธอเลือกเมียรองเพราะอยู่ด้วยแล้วสบายใจ คุณดาราโกรธจัดและสั่งให้พวกเธอเดินออกมาตัวเปล่า แบบที่เรียกว่าตัวเปล่าจริง ๆ เพราะท่านให้ทนายและลูกน้องที่เป็นนักเลงมารีดทรัพย์คืนจากพวกเธอทุกบาททุกสตางค์แม้แต่เงินในบัญชีของพวกเธอก็ถูกกวาดคืนไปหมด แก้วแหวนเงินทองที่สวมติดมือมารดายังโดนรูดคืนไปเรียบ แม้จะถูกปฏิบัติด้วยอย่างโหดร้าย แต่พวกเธอทำได้เพียงแค่ยอมจำนน เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้มีอำนาจ และพ่อกับแม่ของเธอก็มีส่วนผิด
สุดท้ายครอบครัวเล็ก ๆ ของปวีนาเลยต้องระหกระเหินออกมาอย่างยอมจำนน จากมั่งมีก็กลายเป็นยากไร้ไปในพริบตา เมื่อหันไปหาคนเคยรู้จักก็ไม่มีใครกล้าให้ความช่วยเหลือเพราะกริ่งเกรงในบารมีของคุณดารา
เหตุการณ์เพิ่งเกิดสด ๆ ร้อน ๆ ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ วันนั้นปวีนาถอดต่างหูเพชรที่เล็ดลอดจากการโดนยึดไปขายแล้วหาบ้านเช่าขนาดกลาง ให้พ่อแม่อยู่ เมื่อไร้คอนเนคชั่นและไม่มีทุนมารดาเธอเลยเริ่มจากการขายข้าวแกง ส่วนเธอก็หาทางกลับไปเรียนด้วยการวางแผนจะหางานที่ได้เงินมาก ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ พอได้ยินพี่ที่อยู่ห้องเช่าข้าง ๆ เล่าว่ามีญาติมาทำงานที่ร้านมีทอัปทิปคืนหนึ่งเป็นหมื่น เธอจำได้ว่าเจ้าของผับคือ เมธาวิน รุ่นพี่ที่เป็นคนที่ยุติธรรม เขาเติบโตในตระกูลมาเฟียแต่ไม่เคยรังแกใคร ปวีนาจึงมาสมัครงานกับเขาโดยไม่ลังเล
เธอทำงานไม่กี่วันก็สะสมได้จำนวนหนึ่ง คิดว่าถ้าทนทำไปสักระยะอาจจะได้พอสำหรับค่าเทอม พอเรียนจบเธอก็จะหางาน ทำให้พ่อแม่สบาย แม้จะเริ่มจากศูนย์แต่อย่างน้อยพวกเธอก็ไม่ได้ติดลบ การสร้างฐานะก็คงไม่ได้ยากจนเกินไป
"เงิน" เสียงอุทานหลุดจากกลีบปากอิ่ม ดวงตาที่หรี่ปรือเบิกกว้างขึ้นเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเงินที่ยอมเสี่ยงเพื่อให้ได้มานั้นไม่ได้อยู่ที่มือตัวเอง
หลังคอของปวีนาก็หนาววาบขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเงินน่าจะอยู่กับพีร์ ก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้มองหน้ากันไม่ติดแล้ว นี่เธอจะต้องไปเจอเขาอีกหรือ...
"ไหวไหมเนี่ยปุ่น ถ้าไม่ไหว รออยู่ตรงนี้ พี่หาคนมาช่วยแบก" ฝนเอ่ยถามคนที่หยุดชะงัก
"ปุ่นไหว แต่..." หญิงสาวกัดริมฝีปาก คิดว่าจะเอาอย่างไรดี
ให้กลับไปหาพีร์ตอนนี้ร่างกายของเธอก็คงไม่ไหว แต่เงินก้อนนั้นมันก็สำคัญมาก ดังนั้นเธอต้องกลั้นใจไปเอามันคืนมา
"หนูปุ่น" เสียงเรียกที่ทำให้น่าขนลุกยิ่งกว่า เสี่ยควงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รถตู้คันหนึ่งทำให้ขาของเธอชะงัก เมื่อมองไปยังเพื่อนร่วมงานที่แอบสบตากับเสี่ยหนุ่มแล้วก็จะยืนด้วยตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายต้องช่วยประคอง
ความสวยของเธออาจจะเป็นภัย แต่ความอ่อนแอของเธอมันจะเป็นภัยยิ่งกว่า ประสบการณ์ของชีวิตมารดาสอนให้เธอรู้ว่าหากไม่อยากเดินซ้ำรอยท่าน ก็ต้องยืนในจุดที่ถูกต้อง แล้วเธอจะไม่มีจุดอ่อนให้ใครมารังแก
หญิงสาวกัดริมฝากตัวเองจนห้อเลือดเพื่อไม่ให้ความมึนเมาครอบครองสติ... เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบอกตัวเองว่าจะต้องเอาตัวรอดจากการเป็นเมียน้อยของเสี่ยควงให้ได้
"ปุ่นคิดว่าปุ่นควรกลับไปหาคุณพีร์ ขอตัวนะคะ" เธอสะบัดแขนที่โดนมืออูม ๆ ของเสี่ยควงที่ยื่นมาหมายจะดึงรั้งเธอเอาไว้ หญิงสาวเดินเซกลับไปยังอาคารที่เป็นที่ตั้งของผับ เธอคิดว่าเธอต้องวิ่ง
แต่แขนของเธอก็ถูกดึงจากด้านหลังตั้งแต่ยังไม่ออกตัว
"หนูปุ่น อย่าหนีเสี่ยเลย เสี่ยทุ่มไปตั้งเยอะ เสียเป็นล้าน แค่จับแขนเสี่ยไม่เอา"
แค่จับแขนก็จะอาเจียนแล้วจ้า... ปวีนาสะบัดแขนออกจากมือเสี่ยหื่นกาม
"อย่าแตะต้องปุ่นค่ะ" เธอพยายามสะบัดตัวออก ตอนนี้มีลูกน้องของเสี่ยรายล้อม และกำลังจะต้อนเธอขึ้นรถตู้เขา
"อย่าเล่นตัวเลยน่า เสี่ยรู้ว่าหนูร้อนเงิน เสี่ยเปย์เต็มที่อยากได้เท่าไหร่ขอแค่ให้หนูบอก"
ปวีนาส่ายหน้า เธอไม่เคยคิดว่าจะเอาตัวเข้าแลกแม้แต่คนโสดที่กอดเธอแล้วไม่ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจอย่างพีร์ หรือเจ้านายที่แสนดีที่ยังไม่มีพันธะอย่างคุณมาร์คเธอก็ไม่เคยสนใจจะเป็นเด็กเลี้ยงพวกเขาเพื่อแลกเงิน แล้วคิดหรือว่าเธอจะยอมนอนกับคนที่มีเมียเป็นพรวนอย่างเสี่ยควง...
"เสี่ยทำแบบนี้ คุณพีร์จะโกรธเอานะคะ"
นาทีนี้ขอแอบอ้างเพื่อนของเจ้านายอีก แม้รอบที่แล้วเขาจะเอาคืนแบบที่เธอต้องเข็ดหลาบ แต่ปวีนาต้องเอาตัวรอด
หญิงสาวประกาศไปโดยไม่รู้ว่าคนที่เธอแอบอ้างถึงเดินออกมาและได้ยินเต็มสองหู
หลังจากแอบอ้างเรื่องพีร์แล้ว ปวีนาก็เดินหนีเสี่ยควง หมายมาดว่าจะไปเอาถุงเงินที่ลืมไว้ แต่เสี่ยควงไม่เชื่อและเข้ามาขวางเธอและพยายามจับตัวเธอไว้อีก ปวีนาสะบัดตัวหนีจากสัมผัสของคนที่พยายามจะมาโอบกอดตัวเองจนพ้น แต่เสี่ยควงก็ดึงรั้งแขนเธอเอาไว้ ไม่ให้ไปง่าย ๆ พวกเธอยื้อยุดกันไปจนเธอหัวโยกหัวคลอนและเวียนหัว ปวีนาบอกให้หยุดเพราะเธอมึน เสี่ยควงก็ไม่นำพา สุดท้ายหญิงสาวก็ทนไม่ไหว ก็อาเจียนรดหน้าเขาเต็ม ๆ
"อ้วก แหวะ" น้ำสีขาวเหม็นจัดพุ่งไหลรดตั้งแต่หน้าราดลงมาถึงเท้าของเสี่ยใหญ่ในเวลาไม่กี่วินาที คราวนี้ไม่ต้องสะบัดหนี เพราะเสี่ยควงผงะถอยจากเธอไปยืนช็อกอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วจากนั้นทั้งตัวเสี่ยควงและลูกน้องก็หันไปโก่งคอทำท่าจะอาเจียนคนละทาง แม้แต่ฝนก็ไม่เว้น มีเพียงปวีนาเท่านั้นที่หายใจเข้าออกเหมือนโล่งอกที่ได้ปลดปล่อยความมึนเมาออกไปจากตัวบ้าง เหมือนอ้วกไปแล้วเธอจะสร่างไวขึ้น ถ้าไม่ติดว่าคนเยอะแยะรายล้อมก็อยากจะล้วงคออาเจียนออกมาให้หมดไส้หมดพุง เธอจะได้หายมึน
"ขะ ขอโทษค่ะเสี่ย ปุ่นบอกแล้วว่าปุ่นจะอ้วก เสี่ยก็ยังมาใกล้" เธอไม่ได้โทษเสี่ยควงเล่น ๆ นะ ถ้าเขาไม่ได้มารั้งเธอให้ตัวโยกไปโยกมา เธออาจจะไม่อาเจียนรดเขาก็ได้
"แต่หนูปุ่น" เสี่ยควงเช็ดอ้วกจากหน้าตัวเอง พยายามจะเข้าไปหาปวีนา แต่คราวนี้เธอรีบถอยจากเขาไปอย่างว่องไว
"ว้าย เสี่ยอย่ามาใกล้ปุ่นค่ะ ปุ่นเหม็น ปุ่นจะอ้วกอีก" หญิงสาวบอกเสียงหลง "ปุ่นขอโทษอีกครั้งนะคะ ปุ่นลาค่ะ" ปวีนาดึงผ้าเช็ดโต๊ะที่ติดมือมายื่นให้เสี่ยควงแล้วเดินกลับไปเอาเงินที่เผลอวางไว้
"จับหนูปุ่นไว้" เสี่ยควงสั่งลูกน้อง คราวนี้ทั้งฝนและลูกน้องทั้งสามของเขาก็เข้ามาขวางเธอไว้
"ฉันเป็นแฟนคุณพีร์ ถ้าไม่อยากเดือดร้อน ก็เข้ามาจับได้เลย" ปวีนาประกาศกร้าว แน่นอนว่าทุกคนละล้าละลัง
"คุณพีร์ มาพอดี มาพูดให้ชัด ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนคุณหรือเปล่า" เสียงของเสี่ยควงที่พูดออกมาพร้อมกับเช็ดหน้าเช็ดตาไป ทำให้ปวีนาหันไปมองยังทิศทางที่เสี่ยควงหันไปมอง
พีร์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล สายตาของเขามองมาเหมือนกำลังมองคนเล่นสนุก และดูเหมือนว่าเขาจะยืนอยู่ตรงนี้มาพักใหญ่แล้ว
ก่อนที่พีร์จะหลุดพูดว่าเธอไม่ใช่แฟน สมองที่สร่างเมาก็สั่งการว่าเธอต้องเอาตัวรอดให้ได้ ฟังจากที่ฝนพูดและสิ่งที่เสี่ยควงแสดงออกแล้ว เธอคิดว่า คงต้องใช้พีร์เป็นตัวช่วยอีกครั้ง
ถึงเขาจะค่าตัวแพงแค่ไหนก็คงต้องซื้อ เพราะนาทีนี้เธอจะไม่ยอมเป็นเมียน้อยของเสี่ยควงแน่นอน
พอคิดได้อย่างนั้น เธอก็วิ่งโซซัดโซเซไปโอบเอวของพีร์เหมือนสนิทกันมาแต่ชาติปางก่อน
"เงินอยู่ที่คุณไหมคะ" หญิงสาวกระซิบถามถึงสิ่งที่เธอห่วงที่สุด
"อืม" เขาโอบไหล่แล้วก้มหน้ามาตอบคนที่เงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเหมือนลูกกวางกำลังอ้อนนายพรานล่าเนื้อให้ช่วยเมตตา แต่พอดีนายพรานคนนี้รู้ว่ากวางก็ไม่ได้ใสซื่อ
"คุณมีแผนจะหลอกใช้ผมแล้วหนีอีกหรือเปล่า"
"คุณพีร์ช่วยปุ่นจากเสี่ยควงอีกสักครั้งนะคะ"
"ทำไมผมต้องช่วยคุณ"
"ปุ่นขอร้องล่ะค่ะ คุณพีร์จะให้ปุ่นทำอะไรปุ่นก็ยอม"
เมื่อหันไปมองเสี่ยควงและลูกน้องยืนทำหน้าทะมึน นาทีนี้เธอยอมรับเลยว่าขอขายวิญญาณให้พีร์เพื่อให้พ้นจากจุดนี้ เธอก็จะขาย
"ที่ทำแบบนี้ รู้ตัวไหมว่าคุณหาศัตรูให้ผมอยู่"
รู้สิ ใช่ว่าจะไม่รู้ แต่นาทีนี้คนมันต้องเอาตัวรอด ลำพังเธอคนเดียวไม่อาจต่อกรกับอำนาจของเสี่ยควงได้ แต่ถ้าพีร์ช่วยปกป้องเธอ เสี่ยควงจะต้องถอยแน่นอน
"ถ้าคุณพีร์ช่วยพาปุ่นไปจากตรงนี้ ปุ่นจะชดใช้ให้ด้วยชีวิตและจิตวิญญาณเลยค่ะ สาบานเลย ช่วยปุ่นด้วยนะคะ" เธอบอกเขาอย่างเป็นแม่นมั่น
"จำคำพูดตัวเองให้ดีล่ะ"
ปกติหมูจะหาม พีร์ก็ไม่ใช่คนที่จะเอาคานเข้าไปแทรกเลย แต่ก็อย่างที่เห็น เด็กมันมาขายวิญญาณให้ราคาถูก ๆ นักเก็งกำไรอย่างเขาเห็นว่าคุ้มก็เลยต้องซื้อไว้
พีร์ผินหน้าจากการจ้องดวงหน้าสวยหวานแล้วกอดเธอไว้แนบอก เขาหันหน้าไปมองเสี่ยควงแล้วยกยิ้มน้อย ๆ
"พอดีคนของผมก่อเรื่องเรียกร้องความสนใจผมนิดหน่อย หวังว่าเสี่ยควงจะไม่ถือสา"
"นี่หนูปุ่นเป็นคนของคุณจริงเหรอ" เสี่ยควงเกือบจะติดอ่าง เงินก็เสีย เมียก็ไม่ได้ จะใช้อำนาจกับคนตรงหน้าก็รู้กันทั้งวงการว่าไอ้หน้าอ่อนตรงหน้ามันเป็นคนบ้า คนดี ๆ ที่ไหนจะกล้าต่อกรกับมัน...
"ใช่แล้ว... ชิน เอาเงินมาคืนเสี่ยควงให้หมด เรื่องจะได้จบ" พีร์หันไปสั่งลูกน้องตัวเอง
ชินที่ยืนถือถุงใส่เงินคุมเชิงอยู่ด้านหลังมาพักใหญ่ พอได้รับคำสั่งเขาก็เอาถุงเงินไปยื่นให้ลูกน้องเสี่ยใหญ่ แล้วรีบถอยออกมาเพราะกลิ่นเหม็นเปรี้ยวตีเข้าจมูก เกินจะทานทน
"..." ปวีนากำเสื้อเชิ้ตสีดำราคาแพงของพีร์แน่นอีกหน เธอมองตามถุงเงินอันมีค่าที่ลอยหายวับไปกับตาแล้วก็หน้ามืดขึ้นมา ริมฝีปากบางสั่นระริก ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา...
พอได้ถุงเงินคืน เสี่ยควงและคนของเขาแยกย้ายกลับขึ้นรถตู้ มีเพียงฝนที่ยืนละล้าละลังว่าจะพาปวีนาไปส่งที่ห้องอย่างไรดี
"ถ้าไอ้มาร์คถามก็บอกว่าผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไร" พีร์หันไปบอกฝนแล้วผินหน้าเหมือนจะบอกให้เธอกลับไปทำงานต่อได้ ฝนพยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปทำงานงง ๆ
"เงิน หายไปหมดเลย" ปวีนาพึมพำเบา ๆ แล้วก็เข่าอ่อนยวบเป็นลมล้มพับไปกับอกของพีร์
ชิน กับ เชน มือขวาและมือซ้ายของชายหนุ่มมองหน้ากันแบบงง ๆ เมื่อเห็นเจ้านายช้อนอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกของหญิงสาวขึ้นมากับอก พวกเขาแน่ใจมากว่าพีร์ไม่เคยรู้จักกับผู้หญิงคนนี้มาก่อน และการรับสมอ้างแบบนั้นกับเสี่ยควงแบบต้องการท้าชนนั่นอีก พวกเขาไม่รู้ว่าพีร์กำลังเล่นสนุกอะไรอยู่กันแน่...
"ไปเอารถ ฉันจะกลับบ้านแล้ว" พอพีร์เอียงหน้ามาบอกให้เตรียมรถเพื่อกลับบ้านพวกเขาก็ยิ่งงงไปใหญ่
"บ้าน หรือคอนโดนะครับ" พีร์อยู่บ้านเดี่ยวใกล้ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองเป็นส่วนใหญ่ แต่เขาจะมีคอนโดมิเนียมในโครงการหรูที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเก็บไว้เป็นห้องเชือด วันนี้เจ้านายอาจจะเมาค้างเลยลืมว่าถ้าพาผู้หญิงมาจากข้างนอกจะต้องพาไปที่คอนโดมิเนียม ชินเลยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"ไปบ้าน... รูดซิปปากกันด้วย อย่าให้เรื่องถึงหูคุณชมล่ะ"
"ครับ"
ทั้งมือซ้ายและมือขวาของพีร์จ้องหน้ากันน้อย ๆ แล้วแยกย้ายกันไปนำรถมารับเจ้านาย ในใจต่างก็พากันคิดว่าพวกเขาไม่พูดแล้วจะช่วยอะไรได้ คุณพีร์อาจจะลืมว่ากำแพงมีหู ประตูมีตา
เรื่องนี้คงถึงหูคุณชมบุหลันในสามวันเจ็ดวันแน่นอน ชินกับเชนคอนเฟิร์ม