พราวฟ้าเดินมายังโต๊ะทำงานของตัวเองซึ่งเป็นเคาน์เตอร์ตั้งอยู่หน้าห้องของรองประธานบริหารอย่างภูดิศ วัฒนาวิวัฒน์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้องทำงานของท่านประธานใหญ่อย่าง ภาคภูมิ วัฒนาวิวัฒน์ ทำให้เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบเจอเขาทุกวัน แต่จากเหตุการณ์คืนนั้นทำให้เธอลดอคติที่มีต่อเขาไปได้พอสมควร เพราะอย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจไม่ปล่อยเธอให้ไปผจญภัยกับรถแท็กซี่ตามลำพัง พราวฟ้าหยุดคิดเรื่องของภาคภูมิเพียงเท่านั้นเมื่อเห็นว่าภูดิศเจ้านายของเธอกำลังเดินตรงมา
“สวัสดีค่ะ คุณภู” พราวฟ้ายืนขึ้นทักทายเจ้านายหนุ่มที่มาทำงานแต่เช้าเช่นทุกวัน
“สวัสดีครับคุณพราว สวยเช้งเหมือนทุกวันไม่มีเปลี่ยน” ภูดิศทักทายอย่างอารมณ์ดี
“คุณภูละก็ อย่ามาแซ็วกันแบบนี้สิคะ ว่าแต่คุณภูจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะเช้านี้”
“ขอเป็นชาร้อนๆ แล้วกันนะครับ ดีต่อสุขภาพและช่วยให้สมองปลอดโปร่ง”
“ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวพราวเอาเข้าไปเสิร์ฟให้ในห้อง”
“ขอบคุณครับ” ภูดิศกล่าวขอบคุณและเดินเข้าไปในห้อง
พราวฟ้าไม่รอช้ารีบยกโทรศัพท์โทรไปสั่งแม่บ้านนำชาร้อนขึ้นมาให้
ก่อนที่เธอจะนำไปเสิร์ฟให้ภูดิศด้วยตัวเอง
“ได้แล้วค่ะคุณพราว” แม่บ้านประจำออฟฟิศนำชาร้อนมาส่งให้พราวฟ้าตามที่สั่ง
“ขอบคุณนะคะป้าน้อย วางไว้บนโต๊ะเลยค่ะ เดี๋ยวพราวเอาไปเสิร์ฟให้คุณภูเอง” หญิงสาวกล่าวขอบคุณก่อนจะหันไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพอดี พราวฟ้าสาละวนหยิบสมุดนัดขึ้นมาจดเรื่องงานที่ปลายสายติดต่อมาจึงไม่ทันเห็นว่าภาคภูมิกำลังเดินตรงมาเพราะเป็นทางผ่านไปยังห้องทำงานของเขา ในจังหวะที่หญิงสาววางสายและหันไปหยิบถ้วยชาที่ยังร้อนๆ เดินออกจากโต๊ะเพื่อเตรียมไปเสิร์ฟให้เจ้านายหนุ่มจึงชนเข้ากับภาคภูมิอย่างจังจนน้ำชาในถ้วยหกราดมาบนเรียวแขนขาวผ่อง
“กรี๊ด” พราวฟ้ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะปล่อยถ้วยชาในมือร่วงลงบนพื้นแตกกระจาย
“พราว” ภาคภูมิเองก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่เมื่อได้สติเขาจึงรีบจับแขนพราวฟ้าขึ้นมาดูและพบว่ามันแดงกล่ำจนน่ากลัว ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อสูทมาเช็ดน้ำชาออกจากแขนของพราวฟ้าเป็นจังหวะที่ภูดิศเปิดประตูออกมาพอดีเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของพราวฟ้าและเสียงแก้วตกแตก
“เกิดอะไรขึ้นครับพี่ภาค” ภูดิศถามอย่างตกใจ
“อย่าเพิ่งถาม โทรตามแม่บ้านให้เอาน้ำแข็งขึ้นมาให้ด่วนเลย” ภาคภูมิหันไปสั่งน้องชายโดยไม่ยอมปล่อยมือจากเรียวแขนของพราวฟ้าที่ตอนนี้ยืนน้ำตาคลอด้วยความปวดแสบปวดร้อน
“ผมขอโทษนะพราว ผมไม่ทันระวังเพราะเห็นคุณยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ไม่คิดว่าคุณจะเดินออกมา” ภาคภูมิไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าน้ำเสียงที่กล่าวออกไปนั้นแฝงไปด้วยความอ่อนโยนและห่วงใยจนชยานีและภูดิศที่ยืนอยู่ข้างๆ สัมผัสได้
“ท่านประธานคะ ให้นีช่วยปฐมพยาบาลน้องพราวแทนไหมคะ” ชยานีอาสาเพราะเธอรีบวิ่งมาดูเมื่อได้ยินเสียงร้องของพราวฟ้าและทันได้เห็นท่าทีทะนุถนอมของภาคภูมิที่มีต่อผู้ร่วมงานรุ่นน้องเต็มสองตา
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมทำเอง” ภาคภูมิปฏิเสธและหันไปรับน้ำแข็งจากแม่บ้านมาประคบลงไปบนรอยแดงที่เรียวแขนของพราวฟ้า
“ยังไม่หายแดงเลยผมว่าไปหาหมอดีกว่า คุณนีผมฝากเลื่อนนัดของผมทั้งหมดออกไปก่อนนะ ส่วนนายเข้าประชุมแทนพี่ด้วยนะภูเดี๋ยวพี่มา” ภาคภูมิอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังอึ้งกับการกระทำของเขาหยิบกระเป๋าพราวฟ้าแล้วจูงมือหญิงสาวออกไปทันที ส่วนคนถูกจูงนั้นทั้งเจ็บทั้งงงจนไม่ทันปฏิเสธใดๆ ทำได้แค่เดินตามการจับจูงของเขาไป
เท่านั้น
“เอ่อ...” ชยานีหันไปยิ้มแหยๆ ให้ภูดิศก่อนที่อีกฝ่ายจะยักไหล่แล้วกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามสไตล์ของเขาเช่นเคย
“ก็ตามที่ท่านประธานของคุณนีสั่งนั่นแหละครับ เดี๋ยวผมจะเข้า
ประชุมแทนพี่ภาคเอง รบกวนคุณนีเตรียมเอกสารให้ผมด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะท่านรอง” ชยานีรับคำและรีบเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน
ของตัวเองเพื่อเตรียมเอกสารให้ภูดิศตามที่เขาต้องการ ส่วนภูดิศนั้นหันไปมองตามทางที่ภาคภูมิจูงมือเลขาของเขาเดินออกไปแล้วยิ้มมุมปากนิดๆ
“นี่ผมต้องเตรียมหาเลขาใหม่แล้วหรือเปล่าพี่ภาค” ภูดิศเดินเข้าห้องไปเมื่อพูดจบทิ้งไว้เพียงโต๊ะประจำตำแหน่งของเลขานุการสาวที่เหลือเพียงความว่างเปล่า เนื่องจากเจ้าของถูกท่านประธานใหญ่แห่งวัฒนาเรียลเอสเตทจูงมือออกไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว