หวั่นไหว1

1683 Words
บนรถยนต์คันหรูที่มีภาคภูมิเป็นคนขับพราวฟ้านั่งกุมแขนตัวเองไปตลอดทางโดยมีผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเย็นของภาคภูมิพันเอาไว้ “เป็นไงบ้างพราว ทนหน่อยนะเดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว” ภาคภูมิคอยหันมาถามไถ่อาการของพราวฟ้าตลอดเวลาด้วยความเป็นห่วงโดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขาทำให้คนข้างๆ ประหลาดใจมากเพียงใด “ขอผมดูหน่อย” ภาคภูมิเอื้อมมือมาจับแขนของเธอไปดูในขณะที่ติดไฟแดงและทำในสิ่งที่พราวฟ้าไม่คาดคิด “โอมเพี้ยง เดี๋ยวก็หายนะ” ภาคภูมิเป่าลงที่แผลเหมือนที่ ผู้ใหญ่ชอบทำให้เด็กเวลาหกล้มหรือมีแผล พราวฟ้ารู้สึกใจเต้นระรัวจนแทบกระเด็นออกมานอกอกกับการกระทำนั้น ถ้าไม่เห็นด้วยตาเธอไม่มีทางเชื่อแน่ๆ ว่าผู้ชายมาดขรึมที่มักชอบหาเรื่องตำหนิเธอจะมีมุมอ่อนโยนแบบนี้ด้วย อย่าว่าแต่เธอที่ตะลึงเลยหากพนักงานในบริษัทมาเห็นต้องพาลคิดไปว่าเป็นภาคภูมิตัวปลอมแน่ๆ “เอ่อ...ปล่อยดีกว่าค่ะคุณภาค ตอนนี้พราวดีขึ้นมากแล้วค่ะ” พราวฟ้าพยายามจะดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมของภาคภูมิแต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ดีขึ้นอะไรกันแดงขนาดนี้ อยู่เฉยๆ อย่าดื้อ” ภาคภูมิยังคงเป่าลงไปบนแผลราวกับว่ามันจะช่วยทำให้รอยแดงนั้นหายไปจากผิวเนื้อเนียนของหญิงสาวได้ พราวฟ้ารู้สึกร้อนวูบวาบทุกครั้งที่ชายหนุ่มใช้ปากเป่าลงไปบนเรียวแขนของเธอแถมยังลูบไล้ไปมาเบาๆ อย่างทะนุถนอม “ไฟเขียวแล้วค่ะคุณภาค” พราวฟ้าถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อภาคภูมิยอมปล่อยมือจากเธอและหันไปตั้งใจขับรถ ‘นี่คุณภาคตัวจริงใช่ไหม หรือว่าเธอกำลังฝันไป’ พราวฟ้าถามตัวเองและนั่งเงียบไปจนถึงโรงพยาบาล เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังไม่ไกลจากที่ตั้งของบริษัท ภาคภูมิก็จัดการให้ทุกอย่างแม้กระทั่งตอนเข้าพบหมอชายหนุ่มก็เข้าไปด้วยและตั้งใจฟังมากกว่าเธอที่เป็นคนเจ็บเสียอีก หลังจากปฐมพยาบาลและรับยาเรียบร้อยภาคภูมิก็จัดการเรื่องค่ารักษาให้เสร็จสรรพแม้ว่าเธอยืนกรานจะจ่ายด้วยตัวเองเขาก็ไม่ยอม โดยอ้างว่าเป็นความผิดของเขาที่เดินมาชนจนทำให้เธอต้องเจ็บตัว “คุณภาคจะไปไหนคะ” พราวฟ้าเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าภาคภูมิขับรถมาคนละทางกับทางกลับไปยังบริษัท “ไปส่งคุณที่บ้านไง” “ไปส่งพราว ไปส่งทำไมคะ พราวต้องกลับไปทำงานนะคะ” “แขนเจ็บแบบนี้คุณจะไปทำงานได้ยังไง” “แค่แผลน้ำร้อนลวก แล้วตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องหยุดงานเลยค่ะ” พราวฟ้าค้านเพราะตั้งแต่ทำงานมาเธอไม่เคยลาหยุดเลยสักครั้ง “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยังไงตำแหน่งพนักงานดีเด่นที่คุณได้รับมาทุกปีมันก็ไม่หนีหายไปไหนหรอก ผมจะเซ็นอนุมัติให้เป็นกรณีพิเศษและไม่ถือว่าคุณหยุดงาน ทีนี้จะสบายใจได้หรือยัง” “มันไม่ใช่แบบนั้นค่ะ พราวไม่ได้เป็นอะไรมาก มันไม่สมเหตุสมผลที่พราวจะหยุด อีกอย่างที่บริษัทก็มีงานมากมายรออยู่ ถ้าพราวหยุดคุณภูคงวุ่นวายน่าดู” “อ้อ...ที่แท้ก็เป็นห่วงนายภู” ภาคภูมิกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต “ใช่ค่ะ พราวเป็นห่วงคุณภู พาพราวกลับไปส่งที่บริษัทเถอะค่ะคุณภาค” พราวฟ้าพูดออกไปโดยไม่รู้ความนัยแห่งประโยคนั้นของภาคภูมิ และมันก็ได้ผลเมื่อชายหนุ่มยูเทิร์นรถกลับทันที พราวฟ้านั่งตัวเกร็งไปตลอดทางเมื่อภาคภูมิขับรถด้วยความเร็วพร้อมหน้าตาบึ้งตึงเหมือนไปโกรธใครมา ‘กลับมาแล้วสินะคุณภาคตัวจริง’ หญิงสาวบอกตัวเองและนั่งเงียบไปจนถึงที่หมาย “อ้าว มากันแล้ว เป็นไงบ้างคะน้องพราวพี่...” ชยานีปล่อยให้น้ำเสียงของเธอหายลงไปในลำคอเมื่อเห็นว่าท่านประธานหนุ่มแห่งวัฒนาเรียลเอสเตทเดินหน้าตาบอกบุญไม่รับผ่านไป ก่อนจะหันไปมองพราวฟ้าที่เดินตามมาห่างๆ ชยานีหันไปยิ้มแหยๆ ให้ภูดิศซึ่งอีกฝ่ายก็มีสีหน้างุนงงไม่ต่างกันเพราะทั้งคู่เพิ่งเดินออกมาจากห้องของภูดิศเพื่อเตรียมไปเข้าประชุม “เป็นยังไงบ้างจ๊ะพราว นี่พี่กับคุณดิศกำลังจะไปเข้าประชุมแทนท่านประธานพอดี” “ดีขึ้นแล้วล่ะคะพี่นี หมอให้ยากินกับยาทามาด้วยน่ะค่ะ” “แล้วพี่ชายผมเขาไปกินรังแตนที่ไหนมาเหรอครับคุณพราว ตอนออกไปก็ดีๆ อยู่” “เอ่อ...อันนี้พราวก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ สงสัยจะไม่พอใจที่พราวไมทำตามคำสั่งกระมังคะ” “คำสั่งอะไรจ๊ะ แล้วทำไมพราวถึงกล้าขัดคำสั่งท่านประธานได้ล่ะ” ชยานีถามอย่างสงสัยเพราะไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งของภาคภูมิเลยแม้แต่คนเดียว “คุณภาคเขาจะพาพราวไปส่งที่บ้านแล้วให้พราวหยุดงานน่ะค่ะ แต่พราวไม่ไปเพราะเห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกอย่างพราวห่วงกลัวว่าคุณภูจะยุ่งเพราะวันนี้มีเอกสารหลายอย่างที่พราวต้องจัดการน่ะค่ะ” “คุณพราวบอกพี่ชายผมไปตามนี้เหรอครับ” ภูดิศที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ เอ่ยถาม “ค่ะ พราวก็บอกไปตามตรงว่าพราวห่วงคุณภู กลัวคุณภูจะยุ่งเพราะไม่มีใครช่วย พราวพูดแค่นี้คุณภาคเขาก็เลี้ยวรถมาส่งพราวเลยค่ะ” “อ้อ” ภูดิศถึงบางอ้อว่าเหตุใดพี่ชายเขาถึงมีหน้าตาบอกบุญไม่รับขนาดนั้น ดูเหมือนงานจะเข้าเขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเสียแล้ว งานนี้เห็นทีต้องรีบไปเคลียร์กับพี่ชายโดยเร็วว่า ‘ห่วง’ ของพราวฟ้านั้นไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งใดๆ นอกจากห่วงงานตามประสาคนที่มีความรับผิดชอบเท่านั้น งานนี้เขาคงต้องให้ฝ่ายบุคคลรับสมัครเลขามาฝึกงานสำรองรอไว้แล้วจริงๆ จะชักช้าอีกไม่ได้ เพราะดูจากท่าทีของพี่ชายเขาแล้วพราวฟ้าคงจะอยู่ในตำแหน่งเลขานุการเอกของเขาอีกไม่นานแน่ๆ และผลพวงจากความ ‘ห่วง’ เจ้านายของพราวฟ้าดูจะส่งผลรุนแรงมาจนถึงห้องประชุมเพราะภาคภูมิทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนต่างรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปกับท่าทีนิ่งขรึมและหน้าตาบึ้งตึงจนแทบหายใจหายคอไม่ออกกันเลยทีเดียว แม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองสงสัยคือเรื่องจริงแต่ภูดิศยังอยากพิสูจน์รวมถึงอยากแกล้งผู้เป็นพี่ชายบ้างเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าพี่ชายลอบมองมาทางเขาและพราวฟ้าบ่อยๆ ชายหนุ่มจึงแกล้งกระซิบบางอย่างกับพราวฟ้าและหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ปัง!!! เสียงแฟ้มที่ถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะทำให้ทุกคนในห้องประชุมเงียบกริบจนหากมีเข็มสักเล่มร่วงลงมาคงจะได้ยินดังก้องห้องประชุม “โทษทีทุกคน แฟ้มมันหลุดมือ ประชุมต่อได้เมื่อกี้ฝ่ายการ ตลาดพูดถึงไหนแล้วนะ” ภาคภูมิหันไปถามฝ่ายการตลาดที่เริ่มเสนอแผนการโปรโมทโครงการคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำต่อไป การประชุมดำเนินไปอย่างเคร่งเครียดโดยเฉพาะท่านประธานใหญ่ที่นั่งขรึมเป็นประธานต่างจากภูดิศที่นั่งอมยิ้มตลอดการประชุมอย่างไม่ทุกข์ร้อน ตรงกันข้ามเขาดูจะสนุกเสียเหลือเกินที่ได้แหย่เสือหลับให้ฟาดงวงฟาดงาออกอาการได้ขนาดนี้ เสือหนุ่มเจอแม่เสือสาวงานนี้คงจะสนุกแน่ๆ ภูดิศคิดในใจและรอดูต่อไปว่าพี่ชายเขาจะอดใจไม่ไหวกางกรงเล็บออกมาขย้ำแม่เสือสาวอย่างพราวฟ้าเมื่อไหร่ ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อภาคภูมิกล่าวปิดประชุมและเดินออกจากห้องไปก่อนเป็นคนแรกเมื่อเวลาใกล้เที่ยง ชยานีรีบเดินเข้ามาหาพราวฟ้าเมื่อทั้งห้องประชุมเหลือเพียงเธอและอีกฝ่ายเนื่องจากคนอื่นๆ ทยอยออกไปจนหมดแล้ว “โอ๊ยพราวเอ๊ย รู้ไหมว่าพี่หายใจหายคอไม่ทั่วท้องเลยจริงๆ กับอาการของคุณภาควันนี้” “พี่นียังไม่ชินอีกเหรอคะ” “จะว่าชินมันก็ชินอยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้พี่ถึงรู้สึกว่าบรรยากาศมันมาคุกว่าทุกครั้ง” “คุณภาคเขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เราทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะนอกจากทำใจให้ชิน ตราบใดที่ยังอยากทำงานอยู่ที่นี่” “ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้นแหละจ้ะ จะไปหาบริษัทที่มั่นคงแถมเงินเดือนสูงขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีก แต่จะว่าไปพี่เริ่มจะคิดเหมือน พราวแล้วนะ” “คิดอะไรคะ” “ก็คิดว่าคุณภาคกับคุณภูเป็นพี่น้องกันได้ยังไงทั้งที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวขนาดนี้น่ะสิ ตอนประชุมคนพี่หน้าเครียด แต่คนน้องนั่งอมยิ้มตลอดเวลาไม่รู้ว่าอารมณ์ดีเรื่องอะไร” “ยังไงพี่นีก็ระวังไว้นะคะ เดี๋ยวจะโดนหางเลขของลมพายุเข้า” “ไม่ต้องมาขู่พี่เลยนะพราว” “เที่ยงแล้วเราไปหาข้าวกินกันดีกว่าค่ะ” พราวฟ้าชักชวน “ใช่ ไปหาของกินเติมพลังเพื่อเตรียมสู้กับอารมณ์ของเจ้านายรอบบ่ายกันดีกว่า หนทางนี้ยังอีกยาวไกลนัก” ว่าแล้วสองสาวเลขาผู้ทรงประสิทธิภาพของผู้บริหารระดับสูงก็เดินออกจากห้องประชุมไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD