@เวลา 10.00 น. ~ เบลล์
@มหาลัย
"คราม...เป็นอะไร...ทำไมไม่พูดกับเบลล์เลย..
"คราม..ได้ยินที่เบลล์ถามไหม..
"จะให้พูดอะไร...คนมันไม่สำคัญ พูดอะไรไปก็ไม่มีความหมาย..
"ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ...ถ้าครามไม่สำคัญแล้วใครที่ไหนจะสำคัญกับเบลล์..
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนตอนนี้ปาไปครึ่งค่อนวันสงครามยังไม่ยอมคุยกับฉันดีดีสักคำเลย พูดตอบกลับมาแต่ละคำ มีแต่ประชดประชันไม่หยุด คงจะงอนฉันเรื่องเมื่อคืน ตอนนี้ก็เลยเป็นฉันที่ต้องง้อเขาอยู่แบบนี้
"อย่างอนเลยนะ...เบลล์แค่ล้อเล่นเอง"
"หึ...เมื่อคืนไม่เห็นพูดแบบนี้
สงครามเดินหน้าง้อเข้าไปในห้องเรียน ทันทีที่มาถึงเขานั่งลงกับเก้าอี้ แล้วทำหน้าตาบูดบึ้งอยู่แบบนั้น ไม่พูดไม่จากับใครเลยสักคน
"สองคนนี้งอนอะไรกัน ทำไมหน้ามึงบูดเป็นตูดลิงแบบนี้ว่ะไอ้คราม : โรม
"เรื่องของกู
"มึงอย่าพึ่งไปกวนมันไอ้โรม มึงดูมันพร้อมบวกกับมึงแล้วเห็นไหม : คามิน
"อะไรวะ...ถามนิดถามหน่อยทำเป็นหัวร้อนไปได้ : โรม
"หุบปากไปเลยมึง
"คราม...อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม..เบลล์จะไม่ง้อแล้วนะ
"ไม่ง้อก็ไม่ต้องง้อ..ไม่ได้บอกให้ง้อสักหน่อย
ฉันถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของคนขี้งอน
"อาจารย์มาแล้ว... เลิกประชดกันได้แล้ว : นุ่น
อาจารย์ประจำวิชาเข้าสอนพอดี ฉันจึงหันไปตรงหน้ากระดานแล้วตั้งใจฟังอาจารย์บรรยายเนื้อหาการเรียนในวันนี้ โดยพยายามไม่สนใจสงครามที่ทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ เรียกร้องความสนใจอยู่ไม่หยุด จนหมดคาบเรียน
"เห้ย....งานเยอะเป็นบ้า กูจบไปสงสัยจะได้เป็น ดร. เลยมั้ง : โรม
"มึงก็ขี้บ่นไปซะทุกเรื่อง : นุ่น
"หรือมึงว่าไม่จริง : โรม
"จริง..แต่มึงก็อย่าบ่นมากนัก เดี๋ยวอาจารย์ได้ยิน สั่งเพิ่มเป็นสองเท่าเหมือนคราวที่แล้วทำไง : นุ่น
"ก็มันเยอะจริงๆนี่หว่า : โรม
"มึงสองคนก็เลิกกัดกันสักที มึงดูเพื่อนมึงด้วย คอจะหักแล้วนั่น ค้อนจนไม่มีท่าจะค้อนแล้ว : คามิน
"เออ..ว่าแต่มึงสองคนจะกลับกันเลยไหม : คามินหันมาถามฉัน
"อืม...เหนื่อยอ่ะ..อยากกลับไปพัก
"แต่กูยังไม่กลับนะ..จะไปผับ มึงไปกับกูไหม สงครามหันไปถามไอ้คามินกับไอ้โรม ไม่หันมามองฉันแม้แต่น้อย
"คราม...!
"เจอกันที่โต๊ะเดิม..กูกลับไปอาบน้ำแต่งตัวแปป เขายังคงพูดกับไอ้คามิน ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของฉัน
"จะเอาแบบนี้ใช่ไหม...ได้....อยากทำอะไร อยากไปไหนก็ไปเลย
ฉันหยิบกระเป๋าและหนังสือเรียนแล้วเดินออกจากห้องทันที ไม่ให้เอาแค่คืนเดียวทำไมต้องงอนหนักขนาดที่ต้องประชดประชันฉันไปซะทุกเรื่อง ฉันเดินลงมาถึงหน้าตึกด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่ก็ต้องหยุดฝีเท้าลงทันที เมื่อพบกับบุคคลคนหนึ่ง
"เบลล์..
"ยูโร
"เราขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม
"เอ่อ....คือ
"ขอเวลาแค่สิบนาที...คุยกับเราหน่อยได้ไหม
"ก็ได้....แค่สิบนาทีนะ..เบลล์มีธุระต้องไปทำ
"ครับ..
@สงคราม
ผมเดินตามเบลล์ออกมาห่างๆ ที่จริงก็ไม่ได้อยากจะไปกินเหล้าอะไรหรอก แค่พูดประชดเบลล์ไปก็แค่นั้น กะว่ากลับถึงคอนโดก็จะโทรยกเลิกกับไอ้คามินและไอ้โรม แต่พอผมเดินตามเบลล์มาจนถึงหน้าตึก ก็เจอกับไอ้ยูโร มันมาดักรอเบลล์แบบนี้ทุกวัน แต่ทุกครั้งผมกับเบลล์จะเดินมาพร้อมกันตลอดมันเลยไม่กล้าเข้ามาทัก ครั้งนี้เป็นความผิดผมเองที่ปล่อยให้เบลล์เดินลงมาคนเดียว ทำให้ไอ้ยูโรมีโอกาสเข้ามาหาเบลล์
ผมแอบฟังสองคนนั้นคุยกัน ก่อนจะสะกดรอยตามอยู่ห่างๆ จนมาถึงร้านกาแฟเล็กๆข้างมหาลัย มันกับเบลล์เดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน
ผมมองดูจากด้านนอกสักพัก ก่อนที่เบลล์กับไอ้ยูโรจะกอดกัน ผมโมโหและโกรธเบลล์มาก แต่ก็ยังตามสองคนนั้นอยู่ จนรถของเบลล์มาจอดที่คอนโดของไอ้ยูโร แล้วสองคนนั้นก็เดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน ผมกดมือถือโทรหาเบลล์ แต่เบลล์ไม่ยอมรับสาย ไหนเคยสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับมันอีก แล้วนี่ทะเลาะกันกับผมไม่ถึงข้ามวัน เธอก็เปลี่ยนใจไปหามันซะแล้ว ผมจึงขับรถออกไปยังผับที่นัดไอ้คามินกับไอ้โรมไว้ทันที ด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย ทั้งผิดหวัง เสียใจกับสิ่งที่ได้เห็น
@ผับ
เสียงเพลงจากร้านเหล้าดังคลอไปกับเสียงพูดคุยของผู้คนรอบข้าง บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้น แต่ในโต๊ะของพวกผมกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง... ผมนั่งเหม่อลอย หน้าตาไร้ชีวิต เหล้าถูกกระดกเข้าปากแบบไม่หยุดราวกับมันคือน้ำเปล่า ความขมเฝื่อนของแอลกอฮอล์ไม่มีผลกับผมอีกต่อไป ร่างกายเริ่มร้อนผ่าวแต่ใจกลับเย็นเยียบอย่างประหลาด คามินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นท่าทีของผมแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น พร้อมกับวางมือลงบนไหล่ผมเบา ๆ
"เบาๆ..ไอ้คราม...มึงจะแดกอะไรขนาดนั้น : คามิน"
ผมหันไปมองมันด้วยแววตาแดงก่ำ แววตาที่เต็มไปด้วยทั้งความเศร้า ความเครียด และความเจ็บปวดที่ไม่รู้จะระบายยังไง
มือซ้ายลูบผมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง นิ้วกระตุกเบา ๆ ตลอดเวลา เหมือนจะคลำหาบางอย่างที่ไม่มีอยู่จริงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปนประชดประชัน
"มึงดู....มึงดูสิบนหัวกูมีเขางอกขึ้นมาหรือยัง"
คามินเลิกคิ้ว มองหน้าผมงง ๆ ปากขยับจะพูดอะไรแต่ก็เปลี่ยนเป็นถอนหายใจเบา ๆ แทน เขาคงเข้าใจว่าผมกำลังหลุดเข้าไปในวังวนความคิดของตัวเองเกินไปแล้ว
"อะไรของมึง เมามากแล้วนะมึง พูดจาเหลวไหล : คามิน"
โรมที่นั่งอยู่อีกฝั่งเงยหน้าขึ้นจากแก้วของตัวเอง มองผมด้วยสีหน้าไม่แน่ใจว่าควรจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินหรือเป็นห่วงก่อนจะถามออกมาเสียงนิ่ง
"มึงทะเลาะกับเบลล์เหรอไอ้คราม : โรม"
ผมไม่ตอบ ไม่มีแม้แต่จะส่ายหน้า ใบหน้ายังคงไร้ความรู้สึก สายตาเหม่อลอยออกไปไกลเหมือนไม่อยากรับรู้โลกใบนี้อีกต่อไป มือยังคงยกแก้วขึ้นดื่มอย่างไม่มีจุดจบ ใบหน้าแสดงถึงความเหนื่อยล้าอย่างลึกซึ้ง แก้วแล้วแก้วเล่าผ่านเข้าไปในร่างเหมือนจะกลบความรู้สึกเจ็บช้ำที่กัดกินหัวใจอยู่ข้างใน
"กูว่าชัวร์ งั้นกูไปหาแม่หญิงเบลล์ก่อนนะ : โรม"
โรมพูดพร้อมกับลุกขึ้นทำท่าจะออกไป สีหน้าเขาดูจริงจังเล็กน้อย แต่ยังคงมีแววขี้เล่นในดวงตา ราวกับจะไปแหย่เบลล์เล่น ๆ ตามสไตล์ของมัน แต่คำต่อมาที่ผมพูดออกไปกลับทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง
"มึงไปก็คงจะได้เจออยู่หรอก ป่านนี้เธอคงไปถึงไหนต่อไหนกับไอ้ยูโรแล้ว"
เสียงของผมราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความประชดและเจ็บลึก ราวกับกำลังกลืนเลือดตัวเองอย่างเงียบ ๆ คามินกับโรมชะงักทันที มองหน้าผมราวกับไม่แน่ใจว่าที่พูดไปนั้นเป็นเรื่องจริงหรือแค่มโนเพราะความเมา
"หมายความว่างัยว่ะ...เกี่ยวอะไรกับไอ้ยูโร : โรม"
เสียงของโรมเปลี่ยนไปทันทีจากสบาย ๆ เป็นตึงเครียด ปลายนิ้วของเขากำแน่นราวกับจะทุบโต๊ะ ดวงตาจ้องผมอย่างเค้นคำตอบ
บรรยากาศที่เคยครึกครื้นกลับเงียบลงในพริบตา ความเย็นยะเยือกแผ่เข้ามาแทนที่ เสียงหัวเราะของโต๊ะข้าง ๆ กลายเป็นแค่เสียงเบาบางไร้ความหมาย เมื่อเทียบกับพายุอารมณ์ที่ก่อตัวอยู่ตรงกลางโต๊ะของพวกเรา และสงคราม…ก็ยังคงนั่งอยู่นิ่ง ๆ ปล่อยให้ความเงียบกลืนกินคำตอบ เพราะไม่มีคำพูดไหนจะอธิบายความรู้สึกในใจตอนนี้ได้อีกแล้ว
"หึ....ผมกระดกเหล้า แล้วหันหน้ามองไปทางอื่น พอดีกับที่มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาทางผม ผมจึงมองเธอตอบด้วยสายตาคาสโนวา แล้วไม่นานเธอก็เดินเข้ามาหาผม
"สวัสดีค่ะ สุดหล่อ..มาคนเดียวเหรอคะ.. " หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสั้นจนแทบจะไม่ปิดต้นขา ก้าวเข้ามาใกล้ ผิวขาวจัด หน้าแต่งจัดจ้าน ดวงตาคมกริบส่งสายตามีเลศนัย รอยยิ้มหวานหยดที่เสแสร้งแต่ยั่วเย้า
"แล้วเห็นมีใครมาด้วยไหมล่ะครับ "
"งั้น...พิตตี้ของนั่งด้วยคนได้ไหมคะ พิตตี้มาคนเดียว เหงาจะแย่" ผู้หญิงคนนั้นยิ้มหวานทันทีเหมือนจับจุดได้ เธอไม่พูดเปล่า แต่ยกตัวขึ้นนั่งบนตักผมอย่างกล้าหาญโดยไม่ถามความสมัครใจ มือเล็กนุ่มลื่นคล้องเข้ามาที่ต้นคอผม นิ้วเรียวลูบวนเบาๆ ตาเธอจ้องลึกเข้ามาอย่างท้าทาย ผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เสียงคามินดังขึ้นใกล้ๆ สะท้อนน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
""เห้ยไอ้คราม มึงกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ : คามินขยับตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม แววตาเต็มไปด้วยความกังวล มันรู้จักผมดี รู้ว่าผมไม่ได้เป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะอะไรบางอย่างในใจมันกำลังปะทุ
"เรื่องของกู... "
"กูขอเตือนมึงไว้ก่อนเลยนะ อย่าประชดเบลล์ด้วยวิธีนี้ มึงก็รู้ว่าเบลล์เป็นคนยังงัย : คามิน
ผมไม่สนใจคำที่ไอ้คามินเตือน ตอนนี้ในหัวผมคิดอย่างเดียว ในเมื่อเบลล์ไม่ชัดเจนกับผม ผมก็จะไม่ง้อเธอเหมือนกัน ไอ้รักมันก็รักอยู่หรอก แต่ถ้าเธอทำให้ผมเจ็บ ผมก็จะไม่ยอมเจ็บอยู่ฝ่ายเดียว ผมนั่งกอดรัดนัวเนียอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อพิตตี้ก่อนจะหิ้วเธอขึ้นไปยังห้องพักวีไอพีบนชั้นสอง เสียงของโรมดังตามมาเบื้องหลัง แต่ผมไม่หัน ไม่หยุด ฝ่าแสงสีเสียงและสายตาของใครต่อใครขึ้นไปโดยไม่สนใจ
"ไอ้คราม...นี่มึงหยุดเดียวนี้เลยนะ : โรม
"พวกมึงอยู่เฉยๆ อย่ามายุ่ง เรื่องของกู"
"กูเตือนมึงแล้วนะคราม : คามิน ผมเดินขึ้นไปยังชั้นสองพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อพิตตี้ โดยไม่ฟังเสียงของไอ้คามินเลยแม้แต่น้อย
@ด้านของเบลล์
"ขอบคุณมากนะเบลล์ที่มาช่วยเรา
"อืม..ไม่เป็นไร...เรื่องแค่นี้เอง
"ขอโทษนะที่ต้องรบกวนเบลล์ให้มาที่นี่ เราไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ
"อืม..ไม่เป็นไร..ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ เบลล์ขอตัวกลับก่อน ปล่อยครามอยู่คนเดียวเดี๋ยวงอนหนักกว่าเดิม
"ครับ...เราส่งเบลล์ตรงนี้นะ เดี๋ยวเรารีบขึ้นไปดูน้องเขาก่อน
"ค่ะ..แล้วเจอกัน
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ยูโรขอให้ฉันมาช่วยอธิบายเรื่องของฉันกับเขาในอดีต ให้แฟนของเขาฟัง ว่าเราสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว เนื่องจากว่าแฟนของยูโรโกรธยูโรมากที่เห็นรูปฉันกับเขาที่เคยจูบกัน เขาอธิบายไปตั้งหลายรอบแต่เธอก็ไม่ฟังและไม่ยอมเปิดประตูห้องให้ .... เขาจึงขอให้ฉันมาช่วยยืนยัน จนในที่สุดเธอก็ยอมรับฟังและเข้าใจทุกอย่าง
@คอนโด
ฉันเปิดประตูห้องพักด้วยความรีบร้อน กวาดตามองไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นแม้เงาของสงครามในห้องนั้น ความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่กลางอก มือกำโทรศัพท์แน่น ฉันเม้มปาก สูดลมหายใจลึกๆ พยายามไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะตัดสินใจกดดูสตอรีของเพื่อนในกลุ่ม…และสิ่งที่เห็นทำให้ความลังเลทั้งหมดหายไป...เขาอยู่ที่ผับ ไม่รีรอ กะว่าจะไปง้อสักหน่อย ฉันคว้ากระเป๋า สวมรองเท้าแล้วรีบวิ่งลงจากห้องทันที เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นทางเดินดังก้องไปทั้งชั้น ลมหายใจหอบถี่เล็กน้อยเพราะหัวใจมันร้อนรุ่มจนอยากไปให้ถึงที่นั่นเร็วที่สุด ขับรถออกมาจากคอนโดเพียงห้านาที ถนนในค่ำคืนนี้มีรถไม่มาก ไฟจากเสาไฟฟ้าริมทางสาดแสงสลัว ท่ามกลางความวุ่นวายของจิตใจฉันที่เต็มไปด้วยคำถามและความคาใจไม่หยุดหย่อน
พอมาถึงฉันก็เดินเข้าไปด้านใน เสียงดนตรีจังหวะเร็วปะทะโสตประสาททันทีที่ผลักประตูเข้าไป กลิ่นแอลกอฮอล์เจือกลิ่นน้ำหอมของผู้คนปะปนกันจนชวนเวียนหัว สายตากวาดมองทั่วทั้งร้าน จนไปหยุดที่สองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา...ไอ้โรมกับไอ้คามิน
ฉันเดินดิ่งตรงไปหาทั้งคู่ทันที เมื่อเห็นฉันปรากฏตัวต่อหน้า พวกเขาเบิกตากว้างเหมือนตกใจ ไม่คิดว่าฉันจะโผล่มาในที่แบบนี้เจอกับไอ้โรม ไอ้คามิน แต่ไม่เจอสงคราม ฉันจึงเอ่ยถามสองคนนั้น
"เบลล์ !! " เสียงอุทานพร้อมสีหน้าตกใจจากทั้งคู่ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น มือที่ถือกระเป๋าสั่นเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไปอย่างเร่งร้อน
"ทำไมพวกมึงนั่งกันอยู่แค่สองคน..แล้วครามล่ะไปไหน...หรือว่ากลับแล้ว"
"เอ่อ.....คือ....คือว่า... : โรม
"อะไร....ครามอยู่ไหน..." ฉันหรี่ตาลง จิตใจเริ่มไม่ไว้วางใจ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มือเย็นเฉียบขึ้นมาทันที ฉันจ้องหน้าไอ้โรมไม่ละสายตา แต่เป็นคามินที่ยกมือขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะห้ามปราม
น้ำเสียงเขานุ่มลง พยายามให้ฉันใจเย็นลงก่อนพูด
"เบลล์ใจเย็นๆนะ...คือ : คามิน
"กูถามว่าครามอยู่ไหน !" ความสงสัยในอกปะทุจนแทบระเบิด ฉันเบิกตากว้าง ใจเต้นรัว เสียงดนตรีรอบข้างพลันกลายเป็นเสียงเบาเบื้องหลังที่ไร้ความหมาย น้ำเสียงฉันแข็งขึ้น สะท้อนอารมณ์ที่ใกล้ปะทุเต็มที