ตอนที่ 5

1407 Words
“ยี๋! ถ้าได้แบบอีตานั่น เราขออยู่เป็นโสดให้ผู้ชายเสียดายเล่นๆ ดีกว่า” พูดจบเธอก็ทำท่าสะบัดผมยาวลอนสวยไปมา “จ้า…แม่สาวมั่น” วีรณาอมยิ้มกับท่าทางของปรียาภัทร แต่เธอเชื่อว่าปรียาภัทรคงจะโสดได้อีกไม่นานหรอก หลังจากที่สองสาวเยี่ยมชมห้องเด็กเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ตรงมาหาสองหนุ่มที่นั่งจิบไวน์อยู่ที่ศาลาริมน้ำ “วี ลงมาทำไมครับ ดึกแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย” แพทริกเอ่ยเสียงเข้มกับผู้เป็นภรรยา เพราะเขาเป็นห่วงไม่อยากให้เธอลงมาตากน้ำค้าง เดี๋ยวแม่กับลูกที่ยังอยู่ในท้องก็ป่วยกันพอดี “วีไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย” เธอยู่หน้าอย่างไม่พอใจ แค่ตั้งครรภ์แต่แพทริกทำอย่างกับว่าเธอป่วยเสียเต็มประดา จะกระดิกตัวไปไหน เขาก็กังวลไปหมด “โธ่ที่รัก ผมก็แค่เป็นห่วงคุณกับลูกก็เท่านั้นเอง” เมื่อเห็นเธองอน น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลง “วีเข้าใจแล้วค่ะ” เธอเข้าใจอย่างว่าง่าย เข้าใจดีว่าเขาเป็นห่วงเธอกับลูก แต่บางทีก็ดูกังวลมากจนเกินไป “แพทริก ฉันว่านายพาคุณวีขึ้นไปพักเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน” อารอนเอ่ยขัดจังหวะ เห็นแพทริกหน้าเสียเพราะแค่เมียงอน เขาถึงกับอมยิ้ม สำหรับเขา ไม่มีทางจะเป็นแบบนี้แน่ ถ้าเป็นเขานะ ต่อให้งอนเขาก็จะไม่มีวันง้อ และที่สำคัญเขาไม่มีทางจะแต่งงานแน่ เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของเขา แต่ถ้ามีสาวๆ มาเสนอให้เขาได้บริหารเสน่ห์แล้วละก็เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่ “ไปเถอะวี” เมื่อเห็นวีรณาลังเลทำท่าจะไม่ยอม เพื่อนรักอย่างปรียาภัทรต้องเอ่ยปากอีกแรง วีรณาจึงจำยอม “ก็ได้ คุณอารอนคะ วีฝากส่งข้าวหอมหน่อยนะคะ” “ได้ครับ ไม่มีปัญหา” เมื่อแพทริกอุ้มวีรณาหายเข้าไปในตัวบ้านแล้ว อารอนจึงชวนปรียาภัทรขึ้นรถ “ไปกันเถอะคุณ” “ค่ะ” อารอนขับรถมาจอดที่หน้าอพาร์ตเมนต์ของปรียาภัทร โดยระหว่างทางต่างก็ไม่มีใครพูดอะไร “ขอบคุณนะคะ” เมื่อรถจอดสนิท ก่อนที่จะลงจากรถ เธอจำต้องเอ่ยขอบคุณตามมารยาท “ผมนึกว่าจะไม่ยินคำขอบคุณเสียแล้ว” อารอนว่ายิ้มๆ “เอ๊ะ! นี่คุณ” “ว่าไงครับ” คิ้วหนาข้างหนึ่งยกสูงอย่างกวนอารมณ์ “ฮึ่ย!” เมื่อเห็นว่าต่อปากต่อคำไปก็มีแต่แพ้กับแพ้ เธอจึงทำท่าฮึดฮัดขัดใจ แล้วเปิดประตูเตรียมก้าวลงจากรถ “เดี๋ยวก่อนสิคุณ จะรีบไปไหน” “อะไรของคุณอีกล่ะ” “ก็ไม่มีอะไร อันที่จริง ตามมารยาทแล้ว คุณน่าจะชวนผมขึ้นไปที่ห้อง แบบว่า ชงชาร้อนๆ ให้ผมสักแก้วเป็นการขอบคุณ อะไรแบบนั้น” “ฉันว่าคุณไปหาชาดื่มเองน่าจะสะดวกกว่า” เรื่องอะไรที่อยู่ดีๆ จะขอขึ้นไปที่ห้องเธอ ไม่มีทางเสียหรอก “ผมได้ข่าวมาจากปีเตอร์ว่าคุณได้งานมาชิ้นหนึ่งนี่ และงานชิ้นนั้นก็เกี่ยวกับผมเสียด้วย” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก เสียงทุ้มยังว่าเรียบเรื่อยอย่างอารมณ์ดี “คุณหมายความว่าไง” “ถ้าคุณอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับผม เริ่มจากชาร้อนสักแก้วจากห้องของคุณ ผมว่าก็ดีนะ” หญิงสาวจำต้องพาเขามาที่ห้องของเธออย่างไม่เต็มใจนัก “เชิญค่ะ” เปิดประตูได้ เธอจึงเอ่ยชวนเขาเข้ามาตามความประสงค์ โดยที่ไม่ได้เต็มใจ แต่คนที่สมใจลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ ก้าวเข้ามาในห้อง เธอก็จัดแจงพาเขามานั่งที่โซฟาตัวยาวหุ้มหนังเทียมสีขาวที่ตั้งอยู่ในโซนห้องรับแขก ตรงกลางมีโต๊ะกระจกขนาดไม่ใหญ่มากสำหรับวางแจกันดอกไม้และวางอาหารว่าง “รอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปชงชาร้อนมาให้” ไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอรีบปลีกตัวไปชงชาร้อนให้เขา ดื่มเสร็จจะได้รีบกลับไปซะ “ครับ” เขาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มรอเธอเพียงไม่นาน ชาร้อนๆ ก็มาเสริ์ฟถึงมือ เธอถือมาสองแก้ว อีกแก้ววางลงตรงหน้าเขา ส่วนอีกแก้ววางลงตรงหน้าตัวเองพร้อมหย่อนสะโพกลงนั่งโซฟาตัวฝั่งตรงข้าม “ดื่มเสียสิคุณ รีบดื่มจะได้รีบกลับ” เธอเอ่ยเมื่อเห็นเขาไม่มีทีท่าว่าจะหยิบชาขึ้นมาจิบ “อันนี้ชาอะไรเหรอคุณ” ร่างสูงไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่เธอบอก เขาหยิบแก้วชาขึ้นมาดมกลิ่นราวต้องการพิสูจน์ว่าที่เห็นอยู่ในมือตอนนี้เป็นชาประเภทไหนกันแน่ “ชาคาโมมายล์ค่ะ ดื่มก่อนนอนจะทำให้หลับสบาย” “งั้นดีเลย ดื่มหมดปุ๊บผมจะได้หลับปั๊บ” ชายหนุ่มยกถ้วยชาขึ้นกระดกดื่มรวดเดียวหมด ไม่ได้เกรงกลัวว่าความร้อนจะลวกปากตัวเอง หญิงสาวได้แต่มองตาค้าง ริมฝีปากบางเผยอออกเล็กน้อย “ดื่มหมดแล้ว ผมนอนได้แล้วใช่ไหม” เขาเอนตัวลงบนโซฟา โดยไม่รอให้เจ้าของห้องเอ่ยอนุญาต “ดะ…เดี๋ยวคุณ คุณจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะ” หญิงสาวเข้าไปฉุดกระชากให้เขาลุกจากโซฟา และเขาก็ลุกขึ้นมาง่ายๆ จนเธอแปลกใจ “ห้องนอนคุณอยู่ตรงไหน” “อะไรของคุณ ห้องนอนฉันอยู่ตรงไหนมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย” เมื่อเธอไม่ตอบ เขาก็ถือวิสาสะเดินสำรวจเองโดยไม่รอให้เธออนุญาต ชายหนุ่มเดินไปเปิดห้องแรกแล้วต้องปิดมันไว้อย่างเดิมเพราะมันเป็นห้องเก็บของ เขาจึงเปลี่ยนทิศทางตรงไปห้องข้างๆ เขามั่นใจว่านี่ต้องเป็นห้องนอนเธอแน่ มือหนาผลักบานประตูแล้วพาตัวเองเข้าไปด้านใน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดกลางที่ตั้งอยู่กลางห้อง โดยที่เธอร้องห้ามเขาไม่ทัน “ลุกออกมาจากเตียงฉันเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวยื้อยุดฉุดกระชากมือข้างหนึ่งของเขาให้ลุกออกจากเตียง แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ยอมลุกออกมาง่ายๆ เหมือนครั้งที่นอนบนโซฟา “ฉันบอกให้ลุกไง” หญิงสาวโมโหจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขายอมทำที่เธอร้องบอก “นอนกันดีกว่าคุณ ผมง่วงแล้ว” ร่างสูงตีมึน ใบหน้าหล่อเหลาซุกลงกับหมอน แอบสูดกลิ่นหอมของเจ้าของห้องเข้าปอด แล้วตอบเสียงอู้อี้ในลำคอ “จะนอนก็กลับไปห้องคุณสิ คุณไม่มีสิทธิ์มานอนที่เตียงของฉัน และที่สำคัญนี่มันก็ห้องของฉัน” ร่างบางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี พยายามฉุดข้อมืออีกฝ่ายให้ลุกออกจากเตียง เขาจึงตัดความรำคาญโดยการออกแรงเพียงนิดกระตุกข้อมือบาง เท่านั้นแหละ ร่างบางก็เสถลาเข้าหาอ้อมอกอุ่นๆ ของเขาโดยไม่ทันดี้ตั้งตัว หญิงสาวตกใจจากการแนบชิดอย่างกะทันหัน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำรัวอยู่ในอก นี่แหละคือสาเหตุที่เธอไม่อยากใกล้ชิดกับเขา เพราะเธอรู้สึกแปลกๆ ไปเสียทุกที ร่างบางทำท่าจะผละออก แต่มีหรือที่เขาจะยอม แขนกำยำกระชับร่างบางเอาไว้แน่น ตอนนี้เธอนอนทับอยู่บนร่างสูง ที่สำคัญตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงคืบ หญิงสาวคล้ายตกอยู่ในมนตร์สะกดอีกครั้ง เมื่อริมฝีปากหนาค่อยๆเคลื่อนเข้าหาจนเกือบจะแนบชิดกับริมฝีปากบางที่เผยอรอเขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ทว่า เสียงโทรศัพท์มือถือของปรียาภัทรดังขึ้นเสียก่อน เธอจึงสบโอกาสผละออกจากร่างหนา ล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา มองที่หน้าจอพบว่าวีรณาโทร.มา จึงรีบกดรับ “จ้ะวี” ‘ข้าวหอมถึงห้องหรือยัง’ “ถึงเรียบร้อยแล้วจ้ะ” ‘โอเค งั้นแค่นี้นะ เราจะได้สบายใจ’ “ขอบใจจ้ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD