ตอนที่ 10

1434 Words
“อย่าเพิ่งไปกวนมันเลยคุณ มันเพิ่งหลับ” เขาปรามเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะสาวเท้าเข้าไปอุ้มสัตว์เลี้ยงของเขา “แฮะๆ โทษทีค่ะ” เธอหัวเราะแก้เก้อพร้อมกับยอมถอยเท้าออกมา ก็มันน่ารักนี่นา เธอเห็นแล้วอยากจะอุ้มมันขึ้นมาทันที “ไม่ต้องห่วงหรอก คุณมีเวลาอยู่กับมันอีกนานเลยล่ะ” “โธ่คุณ ก็แค่เดือนเดียวเอง” จากทีแรกตั้งใจจะปฏิเสธข้อเสนอเขา แต่พอเห็นสัตว์เลี้ยงของเขา เธอกลับยอมรับมันขึ้นมาอย่างง่ายๆ และอีกอย่างเขาก็ยอมรับนี่นาว่าเป็นเกย์เธอเลยวางใจ “เชื่อเถอะ คุณได้อยู่กับมันนานแน่” “อะไรของคุณ” เขาไม่ได้ตอบอะไรเธอ ได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้ “ว่าแต่ว่าตัวเล็กชื่ออะไรเหรอคะ” “เลมอน” หลังจากที่อารอนพาปรียาภัทรไปเยี่ยมชมเพื่อนร่วมห้องอีกหนึ่งชีวิตแล้ว เขาจึงพาเธอเดินกลับมายังโซฟาที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่นั่งคุยกัน “ผมลืมไปเลย คุณกินอะไรมาหรือยัง” “ยังเลยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันกลับไปกินที่ห้องค่ะ” “ดูเหมือนคุณยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมเพิ่งบอกไปนะ” “ฉะ…ฉันขอเวลาเตรียมตัวหน่อยไม่ได้หรือไง” “ไม่ได้” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม “เอ๊ะคุณ! คุณมีสิทธิ์อะไรมาบังคับฉันนักหนา” “สิทธิ์ที่ผมมีอย่างนั้นเหรอ” เขายิ้มเหยียดพร้อมดุนลิ้นข้างกระพุ้งแก้ม “แน่ใจนะว่าคุณอยากได้ยินคำตอบ” “มะ…ไม่” หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะกลัวสิ่งที่เขาตอบออกมาจะเข้าเนื้อตัวเอง “เข้าใจอย่างนั้นก็ดีแล้ว ผมจะทวนข้อตกลงที่ผมได้บอกคุณไปก่อนหน้านี้อีกครั้ง และกรุณาจำให้ขึ้นใจด้วยนะ ฮันนี่” “ค่ะ” เธอพยักหน้าหงึกๆ กลัวใจของเขาจริงๆ ว่าเขาจะพูดในสิ่งที่เธอคิดว่าเขาไม่น่าจะจำได้ออกมา ซึ่งนั่นก็คงไม่ดีต่อตัวเธอแน่ “นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไปคุณต้องย้ายมาอยู่กับผมเป็นเวลาหนึ่งเดือน” เขาบอกเธอเสียงเข้ม “แต่ว่าฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลยนะ” อย่างน้อยคืนนี้เธอก็น่าจะได้กลับห้องก่อน เขาต้องให้เธอไปเตรียมของใช้ส่วนตัวก่อนสิ ถึงจะถูก “เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวผมจัดการเอง” “ผมให้เวลาคุณสิบนาที ถ้าคุณไม่ออกมา ผมจะตามเข้าไปจนถึงห้องนอนของคุณ” เขาอาสาพาเธอมาเก็บของที่อพาร์ตเมนต์โดยที่เธอไม่ได้เต็มใจ แถมยังถือวิสาสะคว้ากุญแจห้องที่เธอจัดการไขประตูเรียบร้อยแล้วมาไว้ในมือใหญ่ของตัวเอง หญิงสาวทำท่าฮึดฮัดขัดใจ แต่ก็จำยอมทำตามแต่โดยดี ใช้เวลาเก็บข้าวของเพียงไม่นาน ทั้งคู่กำลังจะเดินกลับออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ไมเคิลเปิดประตูห้องออกมาพอดี “ข้าวหอม จะไปไหนเหรอครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นกระเป๋าขนาดใบเขื่องในมือของเธอ พร้อมกับปรายตามองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ด้วย ทำไมเขาจะไม่รู้จักล่ะว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร อารอน เรมี่ นักฟุตบอลสโมสรยักษ์ใหญ่ในกรุงลอนดอนอย่างเรดลอนดอนฟุตบอลคลับ แต่ที่แปลกใจก็คืออารอนมาอยู่กับปรียาภัทรได้ยังไง “เอ่อ…คือว่าฉัน…” ปรียาภัทรอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบไมเคิลอย่างไรดี “เธอจะย้ายไปอยู่กับผม” อารอนเป็นคนตอบ ปรียาภัทรถึงกลับสะดุ้งจนตัวโยน ด้านไมเคิลก็ขมวดคิ้วหนามุ่นจนแทบจะผูกกันเป็นปม “แค่เรื่องงาน หนึ่งเดือนเท่านั้นน่ะ” ปรียาภัทรรีบบอกข้อมูลเพิ่มเติมให้ไมเคิลได้รับรู้ ไมเคิลเป็นเพื่อนเธอ เพราะฉะนั้นบอกให้เขารู้ก็คงไม่เสียหายอะไร เพราะเธอคิดว่าเธอเสียหายตั้งแต่อารอนบอกไมเคิลว่าเธอจะย้ายไปอยู่กับเขาแล้วล่ะ “หรือบางที…อาจจะมากกว่าหนึ่งเดือนก็ได้” อารอนเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “พูดอะไรของคุณ” ปรียาภัทรตวัดสายตาขุ่นส่งให้เขา “ผมว่าเราควรไปกันได้แล้ว” อารอนตัดบทพร้อมกับคว้ากระเป๋าในมือของเธอมาถือเอาไว้เสียเอง แล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้เธอเดินตามเขาไปด้วย “ฉันไปก่อนนะ เจอกันที่ทำงานจ้ะ” ปรียาภัทรทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากหันมาโบกมือลาให้ไมเคิล พร้อมกับส่งสายตาขอโทษขอโพยไปให้เขา ไมเคิลเดินกลับมาทรุดตัวลงบนโซฟาภายในห้อง รู้สึกห่อเหี่ยวใจ เขารู้ดีสาเหตุก็มาจากการที่ปรียาภัทรไปอยู่กับอารอนนั่นแหละ เขารู้จักหญิงสาวดีและคิดว่าคงมีเหตุผลที่จำเป็นต้องทำแบบนั้น แต่ไอ้ที่น่าเป็นห่วงก็คืออารอน เรมี่น่ะเพลย์บอยตัวพ่อชัดๆ ถ้าหมอนั่นคิดจะทำอะไรไม่ดีกับปรียาภัทรละก็ เขาไม่ยอมแน่ “นี่คุณ! เดินช้าๆ หน่อยสิ ขาฉันแทบจะพันกันอยู่แล้วนะ” หญิงสาวร้องโวยวาย เพราะอารอนเดินจ้ำอ้าว ด้วยช่วงขาของเธอที่สั้นกว่า จึงเดินตามเขาแทบไม่ทัน เขาจึงยอมผ่อนความเร็วลงเล็กน้อย แล้วกึ่งลากกึ่งจูงเธอมาจนถึงรถที่จอดอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ มาถึงก็จับเธอยัดใส่รถด้วยสีหน้าบึ้งตึง ผลักประตูรถปิดดังปัง แล้วเดินอ้อมกลับไปยังด้านคนขับ อาการแบบนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะก็ เธอคงคิดว่าเป็นอาการของประจำเดือนมาไม่ปกติแน่ๆ เมื่อนั่งประจำตำแหน่งคนขับได้ เขาก็กระชากรถออกไปราวกับพายุ จนปรียาภัทรหน้าแทบหงาย เธอได้แต่กระชับสายเข็มขัดนิรภัยที่คาดอยู่บนตัวเอาไว้เสียแน่นไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจเสียงดัง เพราะเกรงว่าจะไปรบกวนอารมณ์ของชายหนุ่มเข้า เธอไม่อยากสัมผัสกับความเร็วที่อาจจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ เพียงไม่นานอารอนก็พาเธอมาถึงเพนต์เฮาส์ของเขาอย่างรวดเร็ว เวลาขาไปกับขากลับต่างกันอย่างลิบลับ เมื่อรถจอดสนิท หญิงสาวถึงได้หายใจหายคออกมาอย่างโล่งอก ชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถ แล้วมีน้ำใจเดินมาเปิดประตูฝั่งของเธอให้ด้วย เธอรีบก้าวลงมาจากรถ แล้วเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ อยากถามเหลือเกินว่าเขาเป็นอะไร ทำไมถึงได้ดูหงุดหงิดเสียขนาดนั้น แต่ไม่กล้าได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ เมื่อมาถึงห้อง อารอนก็พาเธอเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องนอนที่เขาบอกว่ายกให้เธอ เป็นห้องที่ติดกับห้องนอนของเขา “จัดข้าวของของคุณซะ เสร็จแล้วก็ออกไปที่ห้องครัว ผมจะทำมื้อค่ำให้กิน” พูดจบก็เดินออกไป สีหน้ายังคงบูดบึ้ง คนบ้า! เป็นอะไรขึ้นมาอีกละ บ้าที่สุด ปรียาภัทรได้แต่ก่นด่าในใจ ใช้เวลาจัดข้าวของไม่ถึงยี่สิบนาที ปรียาภัทรจึงเดินออกมาจากห้องนอนแล้วตรงไปยังห้องครัว “นี่คุณทำเองหมดเลยเหรอเนี่ย” ปรียาภัทรค่อนข้างประหลาดใจ เมื่อเห็นสเต็กเนื้อที่เสริ์ฟพร้อมคู่กับผักอย่างผักกาดแก้ว มะเขือเทศฝานบางๆ บล็อกโคลี่ หอมหัวใหญ่และแครอท ที่จัดเรียงอยู่บนจานอย่างลงตัว แถมข้างจานสเต็กเนื้อยังมีแก้วทรงสูงที่บรรจุไวน์ขาวเอาไว้ด้วย “อยู่กันสองคน ถ้าผมไม่ได้เป็นคนทำ งั้นก็คุณละมั้งที่เป็นคนทำ” “อ้าว...” อะไรของเขากัน เธอก็แค่แบบว่า...ประหลาดใจ ถามเพื่อความแน่ใจไม่ได้หรือไงเล่า “ตกลงจะกินไหม ถ้าไม่กิน ผมจะได้เอาไปทิ้ง” “อย่าทิ้งนะ กินสิคุณ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว” เธอคิดว่าอารอนคงไปกินรังแตนที่ไหนมาแน่ๆ ตั้งแต่กลับจาก อพาร์ตเมนต์ของเธอ สีหน้าก็บึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด แปลกคนจริงๆ “จะกิน ก็นั่งลงได้แล้ว” “รู้แล้วน่า” ปรียาภัทรรีบนั่งลงโดยไม่ต้องรอให้เขาพูดซ้ำ เพราะเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอมาก แล้วอาหารก็น่ากินเสียขนาดนั้น ทิ้งไปเสียดายแย่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD