ตอนที่ 9

1437 Words
ลินดาได้แต่แอบมองไมเคิลกับปรียาภัทรที่พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม น้อยครั้งที่เธอต้องพูดออกไปบ้างเพราะปรียาภัทรหันมาถามเธอ แค่ได้ใกล้ชิดเขาเพียงเท่านี้เธอก็มีความสุขมากแล้ว ทั้งหมดกินอาหารเสร็จก็เกือบบ่ายโมง ไมเคิลขอแยกตัวกลับไปที่แผนกของตัวเอง ส่วนลินดากับปรียาภัทรก็เดินตรงกลับไปที่แผนกของตัวเองเช่นกัน ปรียาภัทรนั่งทำงานได้เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โทรศัพท์ที่โต๊ะก็ดังขึ้น “ไรซ์พูดค่ะ” “ไรซ์ เข้ามาหาผมที่ห้องหน่อยสิ” “ได้ค่ะบอส” ปรียาภัทรวางหูโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นเดินไปยังห้องของปีเตอร์ ก๊อก ก๊อก ก๊อก! “เข้ามา” เมื่อเจ้าของห้องอนุญาต ปรียาภัทรจึงเปิดประตูเข้าไปทันที “บอสมีอะไรหรือคะ” “นั่งลงก่อนสิ” เขาผายมือให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงานของเขา “ผมได้ข่าวมาว่าวันนี้อารอนนัดคุณใช่ไหม” “เอ่อ…ใช่ค่ะ” เธอไม่แปลกใจเลยที่ปีเตอร์รู้เรื่องนี้ได้ยังไง ก็ทั้งคู่ออกจะสนิทสนมกันเสียขนาดนั้น “อย่างน้อยผมก็หวังไว้ว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นบทสัมภาษณ์ของอารอนมาอยู่ในมือผมส่วนหนึ่งนะ” “ไม่มีปัญหาค่ะบอส” “โอเค ถ้างั้น คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะ” “ค่ะ” เธอเอ่ยลาแล้วลุกออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว แทนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน เธอเลือกที่จะเดินมาที่ห้องน้ำหญิง คราวนี้เธอจะไม่พลาดอีกแน่ หญิงสาวเดินมาอย่างมุ่งมั่น เลือกห้องน้ำที่ว่างที่อยู่ด้านในสุด ก้าวเข้ามาด้านในก็จัดการกดล็อกอย่างดี กรี๊ดดดดดด! หญิงสาวกรีดร้องออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ไปตามที่เขานัดไว้เสียหน่อย กะว่าจะนัดสัมภาษณ์เขาที่อื่นที่ไม่ใช่เพนต์เฮาส์ แต่เขากลับบีบบังคับเธอผ่านทางปีเตอร์ เธอจะทำอย่างไรได้ล่ะ นอกจากต้องไปหาอย่างที่เขาต้องการ แต่ก่อนอื่นเธอคงต้องไปรื้อเศษกระดาษที่เธอขยำทิ้งไปเสียก่อน พอเลิกงานเธอก็รีบตรงดิ่งกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ จัดการอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แล้วออกไปตามนัด จุดหมายปลายทางก็คือ ‘เพนต์เฮาส์ของอารอน เรมี่’ หญิงสาวเดินตรงเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ด้านล่างตัวอาคารว่ามาพบอารอน เรมี่ และแจ้งที่อยู่ตามที่เขาเขียนใส่กระดาษให้เธอ เจ้าหน้าที่สาวโทรศัพท์เพียงครู่จึงแจ้งให้เธอขึ้นไปด้านบนได้ เข้ามาในลิฟท์แล้วกดไปยังชั้นบนสุดของอาคารแห่งนี้ ชั้นที่ครั้งหนึ่งเธอได้เคยสัมผัสมาแล้ว แถมยังเป็นบนเตียงของเจ้าของห้องอย่าง ‘อารอน เรมี่’ เสียด้วย ใจดวงน้อยๆ เต้นแรงมากขึ้น เมื่อลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาด้านบน และสุดท้ายก็มาหยุดตรงชั้นที่เป็นเพนต์เฮาส์ของอารอน เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ อยู่สองสามครั้ง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอกำลังตื่นเต้น หญิงสาวเดินมาหยุดยืนหน้าประตูห้อง กำลังจะลงมือเคาะประตู แต่… “ตรงเวลาดีนี่ ฮันนี่” เขาทักเธอด้วยรอยยิ้มกวนๆ เช่นเคย ส่วนเธอก็เบ้ปากใส่เขาอย่างที่เคยทำทุกครั้งเช่นกัน ชายหนุ่มไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่อมยิ้มตามหลังเมื่อหญิงสาวก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับจัดการกดล็อกประตูห้องเสร็จสรรพ เขาพาเธอมานั่งที่ห้องรับแขก ปรียาภัทรเกิดอาการประหม่าอีกครั้งเมื่อต้องมาอยู่กับเขาสองต่อสอง แต่เธอพยายามเก็บอาการเหล่านั้นไว้ “ดื่มอะไรหน่อยไหม ฮันนี่” อารอนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “นี่คุณ เมื่อไรจะเลิกเรียกฉันว่าฮันนี่สักที” หญิงสาวไม่ตอบในสิ่งที่เขาถาม แต่กลับต่อว่าเรื่องที่เขาถือวิสาสะเรียกเธอว่า ‘ฮันนี่’ เธอเคยต่อว่าเขาไปหลายครั้งแล้วแต่ดูเหมือนอารอนแสร้งทำเป็นไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น “แหม…คุณก็รู้นี่ ชื่อเล่นคุณน่ะเรียกยากจะตาย ผมเรียกไม่ถูกหรอก” ใช่ว่าเขาไม่เคยจะฝึกเรียกชื่อเล่นของเธอที่เป็นภาษาไทยเสียเมื่อไร แต่เวลาที่เขาเอ่ยออกมาก็กลายเป็น ‘คาวฮอม’ แทน ‘ข้าวหอม’ เสียทุกที จนเพื่อนสนิทของเขาอย่างแพทริกหัวเราะจนท้องขดท้องแข็งไปเสียทุกครั้งที่เขาพยายามออกเสียงชื่อของเธอ จนเขาถอดใจ เรียกฮันนี่น่ะดีแล้ว “แต่คุณเรียกฉันว่าไรซ์เหมือนคนอื่นๆ ก็ได้นี่” หญิงสาวยู่หน้าอย่างไม่พอใจ “เรื่องอะไรที่ผมจะต้องเรียกคุณแบบนั้น เพราะผมไม่ใช่คนอื่นๆ สำหรับคุณ” “เอ่อ…งั้นฉันขอน้ำเปล่าแก้วนึงดีกว่าค่ะ” เมื่อเห็นว่าเรื่องดูเหมือนจะเข้าตัว หญิงสาวจึงเฉไฉแสร้งเปลี่ยนเรื่อง “ก็ได้ครับ” เขาส่งยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงเดินไปยังส่วนที่เป็นห้องครัว แต่ก่อนจะเดินออกไป ยังไม่วาย หันมาทิ้งคำพูดที่ทำให้เธอต้องใจสั่นระรัว “น้ำพั้นซ์สีฟ้าหน่อยไหม บางที…คุณอาจจะชอบมันก็ได้นะ” ว่าจบก็เดินจากไป ปล่อยให้เธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยนกับคำพูดของเขา ไม่มีทาง! เขาไม่มีทางจำได้แน่! อารอนเดินกลับมาพร้อมน้ำเปล่าในมือสองแก้ว เขาไม่ได้เอาน้ำพั้นซ์สีฟ้าอะไรนั่นมาให้เธออย่างที่บอก เขาถือน้ำมาวางตรงหน้าเธอหนึ่งแก้ว ส่วนอีกแก้ววางลงตรงหน้าตัวเอง พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาดังเดิม “โทษทีนะฮันนี่ ผมลืมไปว่าน้ำพั้นซ์สีฟ้ามันหมด ไว้คราวหลังผมจะเตรียมไว้ให้นะ” อารอนยกยิ้มที่มุมปาก “มะ…ไม่เป็นไร คือฉันชอบดื่มน้ำเปล่า” หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “จริงเหรอครับ” เขาถามราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด จนปรียาภัทรต้องตวัดสายตาขุ่นส่งไปให้ “โอเคๆ ผมเชื่อแล้วก็ได้” เขาไหวไหล่กว้างเบาๆ “คุณพร้อมจะให้ฉันสัมภาษณ์ได้หรือยัง” “สัมภาษณ์อะไรกันคุณ” “อ้าว…ก็คุณนัดให้ฉันมาหาเรื่องสัมภาษณ์ไม่ใช่หรอกหรือคะ” ปรียาภัทรถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมบอกคุณอย่างนั้นเหรอ” “นี่! คุณอารอนเลิกกวนประสาทฉันสักที โอเค ถ้าวันนี้คุณยังไม่พร้อม งั้นฉันขอตัวกลับก่อน” หญิงสาวรุกพรวดพราด ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว และพรุ่งนี้ก็จะไปบอกปีเตอร์ให้เปลี่ยนคนอื่นมาแทน “เดี๋ยวก่อนสิคุณ โอเคๆ ผมยอมแล้ว” เขายกมือขึ้นสองข้างทำท่ายอมแพ้ หญิงสาวจึงยอมนั่งลง “แต่ผมมีข้อแม้” “ข้อแม้อะไรคะ” “การที่จะสัมภาษณ์ผมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ผมคิดว่าคุณคงจะรู้ดีว่าไม่ใช่แค่สัมภาษณ์ผมครั้งสองครั้งแล้วจะได้ข้อมูลทั้งหมด ต้องติดตามดูกิจวัตรประจำวันในแต่ละวันของผมด้วย” “เรื่องนั้นฉันทราบดีค่ะ” “งั้น…ก็โอเค จริงๆ แล้วผมน่ะไม่ค่อยให้ใครมายุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวมากเท่าไรหรอก แต่นี่เห็นว่าเป็นคุณ ผมถึงได้ยอม” “ขอบคุณมาก…ค่ะ” เธอกัดฟันตอบเขาไป “แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนอีกนิดนึง” “อะไรอีกล่ะ” “นับจากวันนี้เป็นต้นไป คุณต้องย้ายมาอยู่กับผมเป็นเวลาหนึ่งเดือน” “อะไรนะ!” “คุณกลัวอะไร ในเมื่อคุณก็รู้นี่ว่าผมเป็นเกย์” ในเมื่อเธอคิดว่าเขาเป็นเกย์ เขาก็จะปล่อยให้เธอเข้าใจแบบนั้นต่อไป “ฉันไม่ได้กลัว” เสียงหวานสะบัดตอบ แต่ถ้าเอาเรื่องจริงก็คือ ‘กลัว’ “งั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไรนะ เพราะคุณจะได้ข้อมูลของผมชนิดที่ว่าถึงรูขุมขนเลยล่ะ” “ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ” “แต่คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะว่าจะได้อยู่กับผมแค่สองคน” “คุณหมายความว่าไง” แล้วเธอก็เข้าใจความหมายที่ว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน เมื่อเขาพาเธอเข้ามาในห้องๆ หนึ่งและภายในห้องก็มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอาศัยอยู่ สุนัขพันธุ์แจ๊ค รัสเซลล์ เทอร์เรียสีขาวที่กำลังหลับสบายอยู่บนเตียงขนาดกะทัดรัดที่ตั้งอยู่กลางห้อง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD