เช้าวันรุ่งขึ้น
เสียงนกร้องแว่วเบา ๆ แดดอ่อนสาดผ่านม่านสีครีมของคฤหาสน์เบลเลโซ่ กลิ่นชาเอิร์ลเกรย์ลอยคลุ้งในอากาศ ขณะที่คุณหญิงย่านั่งอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรด บนระเบียงด้านทิศตะวันออกของคฤหาสน์
สวมชุดคลุมผ้าไหมสีงาช้างแนบเนื้ออย่างสง่างาม ริมฝีปากของเธอแตะขอบถ้วยชาเบา ๆ ดวงตาเหยี่ยวคู่คมจ้องเขม็งไปยังหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในมุมห้องน้ำชา
“…มีรายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า เวย์เดน เบลเลโซ่ นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของอาณาจักรอสังหาหลายพันล้านบาท ได้ประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง ขณะนี้ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ใด ๆ จากทางครอบครัวหรือบริษัทหลักแต่อย่างใด…”
พิธีกรหญิงอ่านข่าวด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น ขณะที่ภาพประกอบเป็นคลิปตัดต่อของการปิดหน้าบริษัท และกราฟหุ้นที่กำลังตกอย่างฮวบฮาบ
“…แหล่งข่าวยังระบุเพิ่มเติมว่า หากภายในสามสิบวัน ไม่มีผู้บริหารเข้ามาบริหารงานแทนอย่างเป็นทางการ บรรดาหุ้นส่วนรายใหญ่ที่ถือหุ้นมากกว่าครึ่ง อาจจะรวมตัวกันเพื่อยึดสิทธิ์บริหารทั้งหมดของบริษัท ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบถึงตลาดอสังหาฯ ทั่วภูมิภาค…”
เสียงรายงานยังคงดำเนินต่อไป แต่คุณหญิงย่าฟังเพียงแค่นั้นก่อนจะยกรีโมตกดปิดหน้าจอ แล้ววางถ้วยชาลงบนจานรองเสียงเบา
“พวกมันขยับแล้วจริง ๆ…”
เธอเอ่ยเสียงเรียบ ริมฝีปากยกยิ้มน้อย ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความเยือกเย็นของนักวางกลยุทธ์
ข้างกายคือเคน มือขวาคนสนิทของเวย์เดน ยืนตัวตรงพร้อมรายงาน
“ฝั่งสื่อที่ปล่อยข่าว มีบริษัทในเครือของกลุ่มอดีตคู่แข่งที่เคยประมูลที่ดินแพ้คุณเวย์เดนเมื่อห้าปีก่อนครับ ตอนนี้ข่าวกระจายไปเกือบทุกช่องแล้ว หุ้นเริ่มร่วงจริง…”
คุณหญิงย่าไม่ตอบในทันที เธอหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นเช็ดมุมปากอย่างช้า ๆ แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งลึก
“พวกมันคิดว่าฉันจะปล่อยให้ตระกูลเบลเลโซ่ล่มสลายงั้นเหรอ…”
หญิงชราลุกขึ้นยืน แม้อายุมากแต่ยังคงแผ่รัศมีของผู้ที่เคยกุมอำนาจในยุทธจักรธุรกิจมาทั้งชีวิต
“ให้ข่าวออกไปเลยว่า เวย์เดนอยู่ระหว่างการพักฟื้นตัว แต่ธุรกิจทั้งหมดยังอยู่ภายใต้การควบคุมของครอบครัว และจะเวย์เดนจะกลับขึ้นบริหารในอีกไม่กี่วัน”
เคนรีบตอบรับทันที
“ครับ คุณหญิงย่า”
เธอก้าวเท้าช้า ๆ ไปที่ระเบียง มองออกไปยังสวนด้านล่าง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“แกคิดว่าฉันจะหมดไพ่เหรอ… แต่ฉันเพิ่งหยิบ ‘ตัวหมาก’ ที่แท้จริงลงกระดาน”
ลมเช้าเริ่มแรงขึ้นเล็กน้อย ผ้าม่านบางปลิวไหวไปตามแรงลม
ใบหน้าของคุณหญิงย่ามีทั้งความนิ่งสงบ และการรอคอย รอวันที่โลกจะได้รู้ว่า “เวย์เดน” คนที่ทุกคนเห็นในข่าว…อาจไม่ใช่เวย์เดนคนเดิมอีกต่อไป
ทว่าเพียงชั่วพริบตา
ตึก ตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าของผู้หญิงหลายคนดังระงมไปทั่วโถงรับแขก พวกเธอบางคนร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ บางคนถึงกับยกมือไหว้ขอชีวิต ร่างหนึ่งสะอื้นไห้อย่างหนัก ขณะรีบสาวเท้าออกมาจากชั้นสองของคฤหาสน์
“เขา…เขาเกือบฆ่าฉัน!” หญิงสาวคนหนึ่งพูดเสียงสั่น ริมฝีปากซีดเผือด “แค่ฉันเดินเข้าไปใกล้ เขาก็โยนของใส่แล้วตวาดราวกับฉันเป็นสัตว์ร้าย!”
แม่บ้านคนสนิทรีบวิ่งเข้าไปยังห้องน้ำชาของคุณหญิงย่า พลางโค้งศีรษะต่ำก่อนรายงานเสียงเรียบ
“คุณหญิงคะ ผู้หญิงที่ส่งเข้าไปตอนเช้า…ไม่มีใครเข้าใกล้คุณมาร์คัสได้เลยค่ะ บางคนถึงกับร้องขอชีวิตกลับออกมา”
คุณหญิงย่าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างใจเย็น แววตาทอประกายเงียบงันแต่น่าเกรงขาม
“งั้นก็ส่งตัวพวกหล่อนกลับไปซะ…และอย่าให้ใครหน้าไหนปริปากเรื่องในคฤหาสน์ของฉัน แม้แต่คำเดียว เข้าใจไหม?”
“ค่ะคุณหญิง” แม่บ้านรับคำพลางรีบผละออกไปจัดการตามคำสั่ง
คุณหญิงย่ากลับนั่งนิ่ง วางถ้วยชาลงอย่างแผ่วเบา ก่อนเสียงเธอจะแผ่วต่ำแต่หนักแน่นขึ้น
“น่าแปลก…มีเพียงแต่อันนา…ผู้หญิงที่ดูไร้พิษสงที่สุด กลับอยู่กับมาร์คัสได้นานที่สุด…”
เธอหลุบตามองออกไปยังสวนกุหลาบด้านนอก สีหน้าเคร่งเครียดแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
“ถ้าอาการของมาร์คัสยังควบคุมไม่ได้ เราจะเสียทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียง ธุรกิจ และมรดกของตระกูล…”
แล้วคุณหญิงก็เอ่ยเสียงดังเรียกเคน มือขวาของเวย์เดนที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหลัง
“เคน ไปติดต่อ ลูโค ที่อิตาลี…ให้บินกลับมาทันที เขาโตมากับมาร์คัส รู้จักอาการป่วยดีกว่าใคร จะได้สังเกตว่าอะไรเปลี่ยนแปลง…และหาทางรักษาในแบบที่แพทย์ทำไม่ได้”
“ครับคุณหญิง แล้วอันนา…?”
คุณหญิงย่าหันมามองเขานิ่ง ๆ แล้วพูดเสียงเยือกเย็น
“ถ้าผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้มาร์คัสได้มากขนาดนั้น…ก็ให้เธออยู่ใกล้เขาต่อไป เราจะไม่เสียอะไรเลย ถ้าจะใช้เธอรักษาโรคของมาร์คัส…หรือผลิตทายาทให้ตระกูลเบลเลโซ่ไปพร้อมกัน”
หลังจากคุณหญิงย่าออกคำสั่งให้เคนติดต่อ ลูโค และให้ไปตามอันนา สีหน้าของหญิงชราผู้เปี่ยมบารมีดูจะคลายกังวลลงเล็กน้อย ทว่ายังไม่ทันจะได้จิบชาถ้วยถัดไป เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นทันที
ครืด ครืด ครืด…
เลขาส่วนตัวรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นส่งให้เธอ
“คุณหญิงคะ…สายจากคุณลุงวัฒน์ค่ะ”
คุณหญิงย่าชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาแคบเรียบปรากฏร่องรอยไม่ไว้วางใจบางอย่าง ก่อนจะยื่นมือไปรับโทรศัพท์ แล้วกดรับสายอย่างสุขุม
“วัฒน์…มีธุระด่วนถึงต้องโทรมาถึงฉันเช้านี้เชียวหรือ?”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ปลายสาย ดังแทรกมาในทันที มันเป็นเสียงที่อ่อนนุ่ม แต่กลับคล้ายมีหนามแหลมซ่อนอยู่ในทุกถ้อยคำ
“พี่สาว…ฉันแค่อยากถามไถ่เรื่องหลานชายสุดรัก…ว่าเวย์เดนตอนนี้เป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม?”
คุณหญิงย่ายกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเปลี่ยนจากสงบเป็นเฉียบคม
“แน่นอน…เขาสบายดีมาก ยังแข็งแรงและบริหารงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเคย ทำไมหรือ…อยากฝากอะไรไปถึงเขา?”
มีเสียงเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงเจตนาไม่ชัดเจน
“ไม่หรอก…แค่ได้ยินข่าวลือบางอย่าง ว่าเวย์เดนหายตัวไปช่วงนี้…หุ้นบริษัทเริ่มสั่นคลอนใช่ไหม?”
คุณหญิงย่าไม่ได้ตอบในทันที แต่สายตาหลุบต่ำลงจ้องที่ปลายนิ้วของตัวเองที่กุมถ้วยชาเบา ๆ แล้วเธอก็หัวเราะในลำคอ…เบา…แต่เยือกเย็น
“ข่าวลือ…คือสิ่งที่คนไม่มีอำนาจมักชอบเล่นสนุก ฉันว่าแกเองก็คงรู้นิสัยของวงการดี”
“ฮ่า…พูดแบบนี้ ผมก็โล่งใจแล้ว” เสียงปลายสายแฝงความเจ้าเล่ห์ แต่ก็ไม่ได้ขัดหรือซักถามต่อ
ทันทีที่วางสายไป คุณหญิงย่ายืดตัวขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่สงบนิ่งกลับเผยความหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด เธอหันไปพูดกับเคนที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้าง
“ไอ้วัฒน์มันไม่ใช่คนโง่…มันได้กลิ่นอะไรบางอย่างแล้ว”
“คุณหญิงหมายถึง…?”
“กลิ่นของ ‘การเปลี่ยนแปลง’ …กลิ่นของความลับ…และกลิ่นของ ‘คนทรยศ’ ที่หิวอำนาจ” คุณหญิงวางถ้วยชาอย่างแรงจนเกิดเสียงกระทบเบา ๆ บนถาดเงิน “มันไม่เคยยอมเป็นเบอร์สองในวงการนี้…และมันรู้ว่าเวย์เดนคือกำแพงใหญ่ที่ข้ามไม่ได้”
เธอนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนสั่งเด็ดขาด
“จับตาดูไอ้วัฒน์ให้ดี ต่อให้เป็นน้องชายของฉัน ฉันก็ไม่ไว้ใจมันแม้แต่ลมหายใจเดียว ถ้ามันขยับ…เราต้องรู้ก่อนที่มันจะยกมือ”
“ครับคุณหญิง แล้วเรื่องอันนา…จะให้ตามไหมครับ?”
คุณหญิงย่าหันกลับมามองอีกครั้ง แววตาแข็งกร้าวแต่ลึกซึ้ง
“แน่นอน…ตอนนี้มีเพียงผู้หญิงคนนั้น ที่ทำให้มาร์คัสไม่ระเบิดออกมาได้…ถ้าเขาควบคุมตัวเองได้ ธุรกิจเราก็ยังมีหวัง…และถ้าเธอตั้งท้องได้…เราก็อาจได้มรดกเพิ่มอีกหนึ่งชีวิต”