“อย่าไปว่าคุณตุลย์เขาแบบนั้นสิลูก เขามีบุญคุณกับเรามากนะ” นางปราณีเตือนบุตรสาวด้วยความหวังดี เธอคงน้อยใจที่ตุลย์ไม่ยอมแวะมาเยี่ยมเลย แต่เธอไม่รู้หรอกว่าตุลย์ถามข่าวคราวของเธออยู่ตลอด และเขาก็แอบมาเยี่ยมแต่ไม่ยอมพบเธอ ตุลย์ไม่ต้องการให้ใบบุญรู้ เขาจึงห้ามไม่ให้นางปราณีบอกเรื่องนั้บใบบุญ
“ไม่ว่าไม่ได้หรอกค่ะ คนใจร้ายแบบนั้น นึกอยากจะช่วยใคร แค่ปัดให้พ้นมือแบบนั้นได้เหรอคะ” ใบบุญเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง
“หนูยังไม่รู้อะไรทั้งหมด ถ้าหนูรู้หนูจะไม่พูดแบบนี้หรอก” นางปราณีไม่ถือสาบุตรสาวที่เอาแต่ประชดประชัน
“แม่ก็บอกหนูมาซิคะ เผื่อว่าหนูจะมองคุณตุลย์เขาใหม่” ใบบุญบอกนางปราณี เธอก็อยากรู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน มีอะไรเกี่ยวกับตุลย์ที่เธอไม่รู้อย่างนั้นหรือ
“ให้เขาบอกเองเถอะ ไปหาเขาสิ จะได้ถามเขา” นางปราณีบอกบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมหนูต้องไปหาเขาล่ะคะแม่” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย มันชอบกลยังไงก็ไม่รู้
“ถ้าใบบุญอยากตอบแทนบุญคุณที่คุณตุลย์เคยมีให้หนู ครั้งนี้หนูต้องไปหาเขา เขาไม่เหลือคราบคุณตุลย์ที่เรารู้จักแล้วลูก” แววตาของนางปราณีเมื่อเอ่ยถึงตุลย์ มันเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างที่ไม่สามารถปิดไว้มิดได้
“เขาเป็นอะไรเหรอคะแม่”
“เขาอกหัก แล้วตอนนี้ก็ติดเหล้า ไม่เป็นผู้เป็นคนเลย ใบบุญจะช่วยเขาได้มั้ยลูก” นางปราณีเล่าอย่างตั้งใจ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบุตรสาวจะยอมช่วยเหลือตุลย์
“ทำไมคุณตุลย์ถึงได้ทำตัวแบบนี้ ไม่สมกับเป็นคุณตุลย์ที่หนูรู้จักเลยค่ะ” เมื่อได้ยินเรื่องราวของตุลย์ ใบบุญก็ถึงกับส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ ตุลย์ที่เธอเคยรู้จักไม่น่าจะโง่เพราะความรักขนาดนี้
“ก็เพราะแบบนี้ไงล่ะ แม่ถึงต้องให้ใบบุญไปเรียกสติคุณตุลย์สักหน่อย” นางปราณีเห็นท่าทางบุตรสาวแล้ว ก็คิดว่าบุตรสาวน่าจะตกลง
“ก็ได้ค่ะแม่ เห็นแก่ที่เขาส่งเสียหนูเรียนจนถึงทุกวันนี้นะคะ ไม่อย่างนั้นหนูคงไม่ไป” หญิงสาวบอกออกไปเช่นนั้น แต่ความจริงแล้ว เธอเป็นห่วงเขามากกว่า เธอไม่ได้คิดเรื่องบุญคุณหรอก แต่เพราะเป็นตุลย์ เธอก็เลยต้องไปช่วยเขา แม้ว่าเขาอาจจะไม่ต้องการเธอก็ตาม
“งั้นเบาใจหน่อย เพราะตอนนี้แม่รับกับสภาพของคุณตุลย์ไม่ไหวแล้ว แม่บ้านส่งรูปมาให้แม่ดู เมาเละเทะ ไม่ยอมไปทำงานเลย ตัวก็ซูบลงไปเยอะ แม่รับไม่ได้หรอกที่จะให้คุณตุลย์เป็นแบบนั้น” นางปราณียังมีสีหน้ากังวลอย่างชัดเจนเมื่อเอ่ยถึงตุลย์
“แล้วจะให้หนูไปเมื่อไหร่คะแม่” หญิงสาวถามกลับทันควัน