4

1515 Words
หมอหนุ่มตัดสินใจกดรับสายผู้ที่คนไข้แสนสวยของเขาเมมเบอร์ไว้ว่า ‘แม่’ ทันที บางที เขาอาจจะหาช่องทางติดต่อและให้เธอกลับมาเอาโทรศัพท์คืนไป “สวัสดี…” “นี่นังไวน์ แกไปตรวจซิงถึงไหน ทำไมนานขนาดนี้ รู้ใช่ไหมว่าถ้าชักช้า เสี่ยจะไม่พอใจ นี่อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกคิดเล่นตุกติกจะไม่ยอมขายตัวให้เสี่ย!” ไม่ทันที่อัคคีจะได้เอ่ยแนะนำตัว ปลายสายก็ส่งเสียงดังโวยวายออกมา แต่ที่น่าตกใจก็คงเป็นเรื่องที่ผู้ได้ชื่อว่า ‘แม่’ กำลังบอกให้ลูกสาวไปขายตัวเสียมากกว่า นั่นหมายความว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่หญิงสาวบอกว่าจะเอาผลตรวจไปให้แม่สามีก่อนจะเข้าพิธีแต่งงานก็คงจะเป็นเรื่องโกหกสินะ! “มัวเงียบอยู่ทำไม ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรือไง หรือว่าตอนนี้ แกไม่ซิงเหมือนที่ฉันไปบอกเสี่ยฮะ?” “ใจเย็นก่อนครับ” อัคคีพูดแทรกอย่างใจเย็น เขาไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรมากนัก หากโวยวายไปโดยที่ไม่แน่ใจอาจจะดูเป็นฝ่ายเสียหายเอง “นี่แกเป็นใคร มารับสายลูกสาวฉันได้ไง” ปลายสายยังคงโวยวายต่อไม่หยุด จนหมอหนุ่มก็เริ่มจะหมดความอดทนเข้าให้แล้ว “คุณไม่มีสิทธิ์เรียกใครว่าแกนะครับ ผมเป็นหมอของคนไข้ที่ชื่อ…เวทิกา และเธอลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่ห้องตรวจ” อัคคีใช้น้ำเสียงเรียบนิ่ง เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องของคนไข้ และมีหน้าที่แค่บอกให้แม่ของเธอไปสั่งให้เธอมารับโทรศัพท์คืนก็เท่านั้น “หมอ…หมองั้นเหรอ งั้นหมอก็ตอบได้สิว่า สรุปแล้ว นังไวน์มันยังซิงอยู่ไหม” ปลายสายแทบจะเปลี่ยนน้ำเสียงทันที และเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “เรื่องนี้ หมอว่าคุณไปถามคนไข้เองดีกว่า หมอมีหน้าที่เก็บความลับของคนไข้ ยังไงฝากบอกให้เธอมารับโทรศัพท์มือถือคืนด้วยนะครับ” ไม่รอให้ปลายสายได้เอ่ยถามอะไรอีก หมอหนุ่มกดวางสายทันทีเพราะไม่อยากเสวนาต่อ เพราะเพียงแค่ได้พูดคุยกันไม่กี่ประโยคก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หญิงสาวที่ดูเรียบร้อย อ่อนหวาน ขี้อาย อย่างคนสวยของเขาหรือจะมีแม่แบบนี้! “แสดงว่าเธอหลอกฉันสินะ” อัคคีพูดกับตัวเอง พลางนึกถึงเรื่องราวที่หญิงสาวได้กุขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ หากสิ่งที่คิดเป็นเรื่องจริง ว่าชีวิตเธอกำลังเหมือนในละครที่ถูกแม่บังคับให้ขายตัวละก็ เวทิกาก็ดูน่าสงสารไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจในมุมผู้ชายที่เห็นหญิงสาวแล้วเกิดความอยากได้ อยากครอบครองในความสวย ความสาว ที่แม้แต่เขาเองก็อยากจะเป็นฝ่ายได้มีสิทธิ์ในตัวเธอบ้าง “หึ คิดอะไรของมึงวะอิฐ” พลางส่ายศีรษะของตนเองเบาๆ เขาไม่ควรคิดอะไรเพ้อเจ้อเช่นนี้ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าเต็มใจหรือถูกบังคับให้ขายตัวกันแน่ อัคคีรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คนดีมากมายนัก แม้ว่าจะมีฉากหน้าเป็นแพทย์ผู้ที่หลายคนให้ความเคารพ แต่เบื้องหลังนั้นก็เป็นเหมือนผู้ชายทั่วไป อาจจะต่างกันตรงที่เขามีความพร้อมมากกว่า ทั้งฐานะ หน้าที่การงาน และรูปลักษณ์ที่ทำให้สาวๆ มากหน้าหลายตาต่างพยายามเข้าหา และแน่นอนว่า อัคคีไม่ใช่คนดีหรือสุภาพบุรุษที่ไหนที่จะต้องปล่อยสาวๆ เหล่านั้นให้ผ่านไป ที่สำคัญ ชายหนุ่มไม่เคยต้องบังคับฝืนจิตใจผู้หญิงคนไหน หากต้องซื้อใครสักคนให้มาดูแล เธอคนนั้นจะต้องได้รับค่าตอบแทนอย่างดี จึงไม่แปลกว่าผู้หญิงหลายคนหลังจากที่เคยขึ้นเตียงกับเขาแล้วจะอยากจะหาเวลามาเจอกันอีก แต่คนอย่างอัคคีถือคติไม่กินของเก่า! อัคคีไม่ใช่คนที่จะเชื่อหรือยึดโยงกับเรื่องความรัก ด้วยครั้งหนึ่งเคยผิดหวังกับผู้เป็นแม่ที่ทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขาโตมาโดยการดูแลของ ‘อัควุฒิ’ ผู้เป็นพ่อ เจ้าของโรงแรมหรูที่อยากให้ลูกชายเป็นผู้ดูแลในอนาคต และแน่นอนว่า หมอหนุ่มพยายามเลือกทางเดินของตนเองโดยการเป็นหมอรักษาคนไข้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถละเว้นหน้าที่รับผิดชอบในการเข้าไปบริหารงานที่โรงแรมเป็นครั้งเป็นคราว แม้บทบาททางสังคมจะเป็นที่รู้จักหลากหลายแขนง แต่อัคคีก็รักษาภาพลักษณ์ของตนเองในแต่ละสถานะได้อย่างดีเยี่ยม ชายหนุ่มไม่เคยยุ่งหรือวอแวกับพนักงานที่โรงแรม ขณะเดียวกันเมื่อรับหน้าที่เป็นหมอก็ไม่เคยส่งสายตาให้กับคนไข้สาวสวยคนไหน ยกเว้นเธอคนนั้น…เวทิกา ถึงจะรู้จักเพียงแค่ชื่อนี้ และก่อนหน้านี้มั่นใจว่าคงไม่ได้เจอเธออีก เพราะอีกไม่นาน สาวเจ้าก็จะแต่งงาน แต่เมื่อได้รู้เรื่องที่สงสัยอยู่ก็อดกังวลใจจนไม่เป็นสุขไม่ได้ หมอหนุ่มจึงต้องหยุดรับคนไข้ต่อ “เลิกงานพอดีสินะ” พูดขึ้นเมื่อมองไปที่นาฬิกาเป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว อัคคีไม่อยากเก็บเรื่องของหญิงสาวมาใส่ใจ แต่ก็ไม่วายหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอติดตัวไปด้วย เพราะหวังว่าหากหญิงสาวโทร.เข้ามาจะได้เป็นผู้คืนโทรศัพท์เครื่องนี้ให้กับเวทิกาด้วยตนเอง ที่สำคัญคืออยากจะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เธอโกหกเขาให้รู้แล้วรู้รอด! อัคคีใช้เวลาในการขับรถมาที่โรงแรมของตนประมาณครึ่งชั่วโมง ครอบครัวเขามีธุรกิจเปิดคอนโดฯ พร้อมกับโรงแรมหรูให้กับนักธุรกิจต่างชาติได้เข้าพัก แต่ถึงอย่างนั้น นักธุรกิจไทยหรือผู้ที่อยากจะพักผ่อนกลางกรุงท่ามกลางวิวที่สวยงาม ก็สามารถเข้าพักที่นี่ได้เช่นกัน จู่ๆ สายตาคมก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวร่างบางอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีครีมเข้ารูป เธอคนนั้นกำลังก้มหน้าร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่ที่โซฟาล็อบบี หากเป็นเวลาปกติ เขาคงไม่สนใจอะไร แต่เพราะเธอคือผู้หญิงที่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้ ทำให้ต้องชะงักเท้า! ‘เวทิกา เธอมาทำอะไรที่นี่!’ เวทิกานั่งบีบมือตัวเองแน่นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หลังจากที่ไปตรวจและได้รับผลยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองมาแล้ว หญิงสาวจึงกลับบ้านไปแต่งตัวตามที่ผู้เป็นแม่สั่งเอาไว้ และทางนั้นก็สั่งให้มาพบที่โรงแรมหรูที่นี่ แม้จะไม่อยากมา แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงแต่นั่งรอเวลาที่ลูกน้องของเสี่ยบ้านั่นจะมารับไป “นี่คุณ…” เสียงของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาทักทาย ทำเอาเวทิกาถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ที่น่าแปลกคือชายผู้นั้นไม่ใช่คนของเสี่ยวาโย แต่กลับเป็นหมอหนุ่มที่เธอเพิ่งไปเจอมาเมื่อบ่ายวันนี้ “หมอ…หมอมาที่นี่ได้ยังไงคะ” เอ่ยถามด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ แม้ว่าเธอกับหมอคนนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นมารู้เรื่องที่ตนเองกำลังจะขายตัวเท่าไรนัก “ผมต้องถามคุณมากกว่าว่ามาทำอะไรที่นี่ ที่โรงแรมของผม” อัคคีพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง เลิกแทนตัวเองว่า ‘หมอ’ เพราะตอนนี้สถานะของเขาไม่ใช่หมอของเธออีกต่อไป “เอ่อ คือว่า...ฉันมารอเพื่อนค่ะ” อีกครั้งแล้วที่หญิงสาวเลือกจะโกหกออกไป แม้ว่าสายตาของหมอหนุ่มที่มองมาจะดูไม่เชื่อเธอเท่าไรนักก็ตาม “แน่ใจ…” อัคคีเอ่ยถามด้วยความสงสัย มั่นใจว่าหญิงสาวที่แต่งตัวด้วยชุดสวย เซ็กซี่ ต่างจากตอนไปตรวจที่โรงพยาบาลแบบนี้ ถ้าเดาไม่ผิด คงกำลังนัดพบกับผู้ชายที่แม่เธอจัดหามาให้อย่างแน่นอน “จริงสิ แม่บอกว่าโทรศัพท์ฉันอยู่ที่หมอ ขอคืนได้ไหมคะ” เวทิกาเอ่ยทันทีที่นึกขึ้นได้ ตอนที่รู้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์ไว้ที่โรงพยาบาล ใจหนึ่งก็อยากจะกลับไปเอาคืน อีกใจก็อยากรีบมาทำหน้าที่นี้ให้เสร็จไปเสียที เพราะถึงอย่างไร หมอหนุ่มคงไม่คิดจะยึดมันไปเป็นของตนเองแน่นอน “ใช่ คุณลืมมันไว้” ชายหนุ่มยื่นมือถือให้อย่างว่าง่าย ก่อนจะมองสำรวจรูปร่างหน้าตาของเวทิกาอีกครั้ง แม้หญิงสาวจะเป็นคนร่างเล็ก แต่เมื่ออยู่ในชุดรัดรูปเห็นสัดส่วนชัดเจนแบบนี้ก็ทำให้รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงซ่อนรูปมากแค่ไหน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD