กว่ากมลฉัตรจะเบียดผู้คนออกมาจากผับได้ แม่ของเธอก็วางสายไปก่อนแล้ว พอเดินออกมาหน้าผับ หญิงสาวจึงโทร. หาท่าน พอแม่กดรับสาย กมลฉัตรยังไม่ทันพูดอะไร แม่ก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงสั่น ๆ
“ฉัตร… พ่อไปนอนกับอีนั่นอีกแล้ว มันยังแอบไปเอากัน พ่อไม่รักแม่แล้ว แม่จะเลิกกับพ่อ คราวนี้เลิกจริง ๆ แม่จะเก็บของแล้วกลับไปอยู่กับยาย”
บ้านพ่อกับบ้านยายอยู่หมู่บ้านติดกัน ระยะทางห่างกันไม่ถึงสามกิโลเมตร
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยเก็บของนะแม่ คืนนี้ดึกแล้ว อย่าไปกวนยายเลย”
“ฉัตรเข้าข้างพ่อเหรอ”
กมลฉัตรถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มันเป็นเรื่องซ้ำซากที่เกิดขึ้นประจำ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เธอเรียนมัธยมต้น เธอบอกแม่แล้วว่าจะเลิกก็เลิก ไม่ต้องเป็นห่วงเธอ เธอโตพอที่จะเข้าใจเหตุผลของแม่แล้ว แต่แม่ก็ไม่เลิกกับพ่อสักที ยังอยู่บ้านพ่อ ทั้งที่เธอน่ะ… ย้ายไปอยู่กับยายตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ครั้งแรกแล้ว พ่อทำให้เธอหมดศรัทธาในตัวท่าน ยังดีนะที่พ่อกับแม่มีเธอแค่คนเดียว เธอเลยไม่มีพี่น้องที่ต้องมาร่วมทนเห็นความสัมพันธ์ที่เป็นพิษแบบนี้
พ่อของกมลฉัตรเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยม ประจำอยู่อีกจังหวัด นาน ๆ จะกลับมาบ้านสักครั้ง แม่เป็นแม่บ้าน แต่แม่ก็ไม่อยู่เฉย ๆ แม่ทำขนม หารายได้เพิ่มมาจุนเจือครอบครัว ส่วนกิ๊กของพ่อนั้นก็มากหน้าหลายตา จนเธอเลิกสนใจไปแล้วว่าพ่อจะไปมีใครที่ไหนบ้าง
“ฉัตรไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้นแหละ ถ้าแม่จะเลิก แม่ก็เลิกเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัตร ฉัตรทำงานแล้ว ฉัตรหาเลี้ยงตัวเองได้ และฉัตรก็เลี้ยงแม่ได้ด้วย แม่ไม่จำเป็นต้องทน ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างไร้ค่า เป็นของตายที่พ่อไม่เคยสนใจ”
“แม่… แม่ขอคิดดูอีกทีแล้วกัน”
เนี่ย… ก็เป็นซะแบบเนี้ย! ในเมื่อไม่ยอมเลิก แล้วจะโทร. มาโวยวายกับเธอเพื่ออะไร
ตอนแรก ๆ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เธออยู่เคียงข้างแม่ ปลอบโยน ปลอบใจ และร้องไห้ไปกับแม่ แต่พอบ่อยครั้งเข้า เธอก็เริ่มอยากให้แม่เลิกกับพ่อ แล้วกลับไปดูแลยายที่บ้านมากกว่า เพราะยายก็อยู่คนเดียว เธอไม่เข้าใจ ทำไมแม่ไม่เลิก ทำไมแม่ยังทน ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
หลังจากแม่วางสายไปแล้ว กมลฉัตรเดินกลับเข้ามาในผับ คราวนี้เธอไม่นั่งนิ่ง ไม่จิบเบา ๆ เหมือนก่อนเดินออกไป พอนั่งลงบนเก้าอี้ เธอก็ชงเหล้าให้ตัวเองแล้วยกดื่ม แก้วแล้วแก้วเล่า ดื่มไปก็บ่นไป บ่นว่าไม่เข้าใจแม่ ไม่รู้ว่าจะทนทำไม
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าแสนกล้าก็เมา กมลฉัตรก็เมา ทั้งสองปรับทุกข์ ปลอบใจกัน เมื่อเหล้าขวดที่สองหมด สองเพื่อนซี้ก็กอดคอกันเดินออกจากผับ ขึ้นแท็กซี่กลับคอนโดฯ ของแสนกล้า
“แสน... ยืนดี ๆ สิวะ”
กมลฉัตรว่าเสียงอ้อแอ้ ขณะที่ยืนกอดประคองเพื่อนรอลิฟต์เพื่อขึ้นไปบนห้องของมัน
“เธอนั่นแหละยืนดี ๆ จะเอานมมาเบียดฉันทำไม”
แสนกล้าว่าเสียงอ้อแอ้ไม่ต่างกัน สภาพคนเมาสองคนตอนนี้ถือว่าเป็นบุญหัวมากล้นแล้วที่ยังมีสติพากันนั่งแท็กซี่กลับมาถึงคอนโดฯ ได้
“เบียดแล้วทำไม แกหวั่นไหวเหรอ”
“เฮอะ!”
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออก ทำให้ทั้งสองหยุดพูดคุยกัน แล้วก้าวเข้าไปในลิฟต์
ถึงแม้จะจิกกัดกัน แต่พอเข้ามายืนในลิฟต์ ต่างคนต่างก็ใช้อีกคนเป็นหลักในการทรงตัว เลยเหมือนกับว่าทั้งสองยืนกอดกันตลอดเวลา
กระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง สองหนุ่มสาวเดินหน้าหนึ่งก้าว ถอยหลังสองก้าว กว่าจะเดินไปถึงห้องของแสนกล้าก็ใช้เวลาหลายนาที
เมื่อแตะคีย์การ์ดและเปิดประตูห้องเข้าไปได้ ทั้งสองก็กอดคอกันเดินไปยังเป้าหมายที่ใกล้ที่สุดคือโซฟาตรงห้องโถง พอเดินไปถึงกมลฉัตรก็ปล่อยมือจากแสนกล้า แล้วทิ้งตัวลงไปนั่งพิงพนักโซฟาอย่างหมดสภาพ แสนกล้าทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กัน นั่งเงียบกันอยู่ครู่หนึ่ง ร่างกายก็ค่อย ๆ เอนเข้าหากัน
กมลฉัตรพิงศีรษะกับหัวไหล่หนา แสนกล้าอิงศีรษะลงกลางกระหม่อมของหญิงสาว
“ฉัตร”
“ว่า?”
“เธอเคยอกหักไหม”
“ฉันไม่เคยมีแฟน แล้วจะอกหักได้ไง”
“ทำไมเธอไม่มีแฟนนะ”
“ไม่อยากมี”
“ลองไหม”
“ลองอะไร”
“ลองมีแฟน”
“ถ้าแฟนมันหาง่ายขนาดนั้น แกคงไม่อกหักหรอกมั้ง”
“เออ... ก็จริง”
“แกลุกไปนอนในห้องได้แล้ว นี่มันที่นอนของฉัน ฉันง่วง ฉันจะนอน”
กมลฉัตรยืดตัวนั่งตรง เธอผลักอกกว้างด้วยแรงน้อยนิด แต่พอคนตัวโตไม่ยอมลุกไปสักที หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืน แล้วจับข้อมือแกร่งสองข้าง ออกแรงดึงเต็มที่ แต่แรงคนตัวเล็กอย่างเธอหรือจะสู้แรงวัวแรงควายของแสนกล้าได้ ถึงแม้เขาจะเมา แต่แรงก็ยังมากกว่าเธออยู่ดี แถมมันยังตัวหนักกว่าเธอด้วย พอเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากจึงทำให้เธอพลาดล้มลงไปปะทะกับอกกว้าง
แสนกล้ากอดร่างบางไว้เต็มวงแขน เมื่อกมลฉัตรเงยหน้าขึ้นมา ทั้งสองจึงได้สบตากันในระยะประชิด
“แกไม่อยากลองมีแฟนดูหน่อยเหรอ... มันดีนะ”
“ไม่...”
คำปฏิเสธของกมลฉัตรถูกดูดกลืนด้วยจูบรสขมปร่า เพราะต่างคนต่างมีแอลกอฮอล์อบอวลอยู่ในปาก ทว่าความขมของเหล้าผสานกับการจูบช่ำชอง กลับทำให้คนที่เพิ่งเคยโดนจูบครั้งแรกเคลิบเคลิ้ม