​​​​​​​แผนของนายหัวแน่ๆ

1217 Words
เพลงขวัญเดินสำรวจรอบๆ บ้านของตนเองในช่วงสายของวันจันทร์ เมื่อคืนหลังจากที่เข้านอนไปแล้วเธอก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่รอบๆ บ้านและพอเห็นรอยเท้าที่มีขนาดใหญ่กว่าของตนซึ่งมีทิศทางมาจากสวนยางพาราอีกด้านหนึ่งก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะด้านนั้นเป็นสวนของนายหัววาทิตซึ่งเธอไม่ได้รู้จักเขาหรือคนงานที่นั่นมากเท่ากับคนงานในสวนยางของนายหัวอารัณย์ เธอคิดว่านี่อาจจะเป็นแผนของนายหัวอารัณย์เพื่อแกล้งให้เธอกลัวและหนีกลับกรุงเทพหรือขอไปอยู่กับเขาที่บ้าน “แผนตื้นๆ ใครจะกลัวกัน” เพลงขวัญพูดจบก็กลับเข้าบ้านเพื่อนั่งทำงานต่อ ซึ่งเหลืออีกไม่กี่หน้างานพิสูจน์อักษรก็เสร็จแล้วเธอก็จะได้รับเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือ หลังจากส่งงานให้กับลูกค้าทางอีเมลในตอนบ่ายเพลงขวัญก็ปั่นจักรยานไปร้านขายของชำของป้านงค์เพื่อตุนขนมไว้ทานระหว่างทำงานคืนนี้ ขากลับจากร้านป้านงค์เธอก็ปั่นจักรยานมาเจอกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งมากันหลายคน พวกนั้นหยุดรถและขวางหน้าเธอไว้ “ว่าไงจ๊ะคนสวย อยู่บ้านคนเดียวคงจะเหงาแย่เลยให้พวกพี่ไปอยู่เป็นเพื่อนเอาไหม” “ไปเป็นไร ฉันอยู่คนเดียวได้” “แต่บ้านน้องสาวมันเปลี่ยวมากเลยนะ ดึกๆ มาน่ากลัวออก” “พวกนายรู้ได้ยังไงว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหน” เธอถามออกไปแล้วมองหน้าพวกนั้นอย่างไม่ไว้ใจ “ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าหลานสาวคนสวยของยายปรางกลับมาจากกรุงเทพ ถ้าอยากอยู่ที่นี่นานๆ พี่ว่าเรามาทำความรู้จักกันหน่อยดีไหม” “ฉันอยู่ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็จะกลับกรุงเทพแล้ว” “จะรีบกลับไปไหนล่ะ นี่มันปิดเทอมไม่ใช่เหรอ” “ฉันจะรีบหรือไม่รีบมันก็เรื่องของฉันพวกนายไม่ต้องมายุ่ง แล้วก็ช่วยหลีกทางด้วยฉันจะกลับบ้าน” “จะรีบหลับไปไหนล่ะ มาคุยกันก่อนสิ” ชายคนที่นั่งซ้อนหลังจักรยานยนต์ของเพื่อนลงจากรถแล้วมานั่งซ้อนท้ายรถจักรยานของเธอทำให้หญิงสาวออกแรงปั่นเท่าไหร่รถก็ไม่ขยับ “ลงไปจากรถฉันนะ ฉันจะกลับบ้าน” เธอหันมาพูดด้วยเสียงดังแต่พวกนั้นกลับหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เพลงขวัญหน้าเสียในสถานการณ์แบบนี้เธอเป็นรองอย่างเห็นได้ชัดพวกมันมีกันถึงหก แต่แล้วโชคก็เข้าข้างเพราะมีรถกระบะคันหนึ่งขับผ่านมาพอดี พอคนขับลดกระจกลงเธอก็เห็นว่าเขาคือนายหัวอารัณย์ “มีอะไรกัน” “เปล่าครับนายหัว” “ไม่มีก็แน่เหรอ แล้วทำไมนายถึงไปนั่งซ้อนท้ายเพลงขวัญแบบนั้น สนิทกันเหรอ” “เปล่านะคะ หนูไม่รู้จักเขาเลยแต่เขามาขวางทางหนู” พอได้ทีเพลงขวัญก็รีบบอกเพราะคิดว่าผู้ชายพวกนี้เป็นคนงานของนายหัว “พวกผมก็แค่อยากทำความรู้จักกันไว้ พอดีเห็นว่าน้องเขาเพิ่งกลับมาและไม่มีเพื่อนที่ไหน” “แต่ฉันไม่อยากมีเพื่อน” เพลงขวัญปฏิเสธเสียงแข็ง “พวกนายก็ได้ยินชัดแล้วนะว่าเธอไม่อยากมีเพื่อน แยกย้ายกันได้แล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงที่แสดงถึงความมีอำนาจ ซึ่งมันก็ทำให้ชายวัยรุ่นไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ยอมออกไปจากตรงนั้นเพราะไม่อยากมีปัญหากับนายหัว “ขอบคุณนะคะนายหัวหนูขอตัวก่อน” เพลงขวัญยกมือไหว้ก่อนจะรีบปั่นจักรยานกลับไปยังบ้านของตนเอง นายหัวอารัณย์มองตามร่างระหงไปจนลับตา จากนั้นตนเองก็ขับรถกลับบ้านซึ่งระยะทางจากบ้านของเธอไปยังบ้านของเขานั้นไม่ได้ไกลเท่าไหร่เพราะเขาเลือกขับเข้าไปในสวนยางไม่ใช่ถนนเส้นหลัก เพลงขวัญปั่นจักรยานกลับมาถึงบ้านแล้วก็รีบทานข้าวผัดที่เธอซื้อมาจากร้านที่อยู่ติดกับร้านขายของชำ จากนั้นก็รีบอาบน้ำก่อนจะมานั่งหน้าจอโน้ตบุ๊กเพื่อทำงานชิ้นใหม่ที่เพิ่งรับมา คืนนี้เธอกะว่าจะอยู่ทำงานไม่ดึกมากเพราะพรุ่งนี้ว่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรถของลุงจวบไปตัวอำเภอเพื่อซื้อของใช้มาเพิ่มเพราะของที่เธอต้องการนั้นในร้านของป้านงค์ไม่มี แต่นั่งทำงานไปสักพักก็เริ่มง่วงเธอจึงปิดไฟและเตรียมเข้านอนแต่ยังไม่ทันหลับก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังเดินรอบบ้านเหมือนเมื่อคืนก่อน อีกทั้งยังได้ยินเสียงคุยกันและซึ่งฟังแล้วน่าจะมากันมากกว่าสองคนแน่นอน หญิงสาวใจคอไม่ค่อยดีเพราะจำได้ดีว่าเสียงหนึ่งที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงวัยรุ่นที่เจอเมื่อตอนเย็น พวกมันคงไม่ได้มาดีแน่ๆ และเธอเองก็คงรับมือไม่ไหว เพลงขวัญคิดว่าต้องหาคนมาช่วยแต่เธอรู้จักใครที่นี่มากนักในโทรศัพท์ของเธอมีแค่เบอร์ของป้าแววซึ่งคิดว่าคงไม่น่ามาช่วยเธอได้ เพลงขวัญอยากโทรไปขอความช่วยเหลือจากนายหัวอารัณย์แต่เธอก็ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา เธอค่อยๆ เดินผ่านความมืดออกมาจากห้องนอนของตนเพื่อไปยังห้องนอนของคุณยายซึ่งข้าวของทุกอย่างด้านในยังจัดเรียงไว้เหมือนเดิมทุกชิ้น หญิงสาวจำได้ว่าคุณยายจะมีสมุดอยู่เล่มหนึ่งที่เขียนเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ เธอภาวนาขอให้เจอสมุดเล่มนั้นและขอให้ยายของเธอจดเบอร์โทรศัพท์ของนายหัวอารัณย์ไว้ด้วย “ยายขา ช่วยเพลงด้วยนะคะ” เธอยกมือไหว้ก่อนควานไปทั่วลิ้นชักหัวเตียงซึ่งยายนวลปรางจะเก็บของสำคัญไว้ที่นั่น หญิงสาวใจเต้นแรงเมื่อเจอกับสมุดเล่มนั้น เธอใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือเปิดดูแล้วก็ถอนหายใจอย่างแรงเมื่อเห็นว่ายายของเธอจดเบอร์โทรศัพท์ของนายหัวไว้ในหน้าแรกของสมุด นายหัวอารัณย์นั่งดูรายงานสรุปค่าใช้จ่ายของโรงงานแปรรูปยางพาราที่ตนเองนำติดตัวมาด้วยหลังจากเข้าไปดูกิจการเมื่อตอนบ่าย ซึ่งโรงงานแห่งนี้เขาให้ชลทีเพื่อนสนิทของตนเองเป็นผู้จัดการ ในขณะที่ตัวเขานั้นนานๆ ถึงจะเข้าไปที่นั่นสักครั้งเพราะชลทีทำงานได้เป็นอย่างดีจนอารัณย์แทบไม่ต้องเหนื่อยอะไรเลย เขานั่งอ่านไปได้ไม่นานโทรศัพท์มือถือก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มมองนาฬิกาที่ผนังห้องและเห็นว่าตอนนี้มันดึกมาก อีกทั้งเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่ใช่หมายเลขที่บันทึกไว้ เขาลังเลว่าจะกดรับดีไหมเพราะกลัวว่าจะเป็นพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนักอยู่ในช่วงนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD