คำพูดของชายหนุ่มที่เพิ่งพบเจอกันทำให้สาวน้อยอึ้งแทบพูดอะไรไม่ออก
แม้เธอจะไม่เข้าใจความหมายสักเท่าไหร่ ก่อนจะยืนนิ่งคิดสักพัก
"สองพัน พี่ขอเวลาหนึ่งชั่วโมง" เขาพูด
"สองพันเลยหรือคะ?!"
"ใช่ พี่ให้สองพันแต่ต้องขอใช้ห้องตอนนี้เลย"
"ห้ามขโมยของเด็ดขาดนะคะ ทุกชิ้นในห้องหนูจำได้ เพราะหนูเป็นคนจัดห้องนี้เองคนเดียว!"
"พี่จะขโมยทำไม ที่นี่อพาร์ทเมนท์ของยายพี่"
"!!!!"
อึ้งรอบสอง มิน่า..ถึงไม่เกรงใจผู้ใดเปิดเพลงสังสรรค์ดังกระหึ่มแม้เวลาดึกดื่น แต่ร่างหน้าตาก็พอดูออกว่าเป็นคนค่อนข้างมีฐานะ ต่างจากโมบายที่ได้เงินไปมหาวิทยาลัยแค่วันละร้อยบาท เพราะไม่อยากรบกวนเงินส่วนอื่นจากพ่อแม่จึงตัดสินใจให้ชายหนุ่มผู้เคยช่วยเหลือได้ยืมห้อง
สาวสวยในชุดนักศึกษาเรียกได้ว่าอย่างแซ่บเดินตามเขาเข้ามา นมเท่าลูกนิมิตวัด ใหญ่เท่าหัวเด็กสามขวบ ทันทีที่ประตูปิด โมบายรีบลงไปยังด้านล่าง ซึ่งด้านหลังอพาร์ทเมนท์นี้มีชิงช้าเก่าพร้อมกับโต๊ะม้าหินอ่อนให้นั่งพักชมป่ารกร้างที่อยู่โดยรอบเนื่องจากเป็นซอยตัน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
แกร๊ก
"เฮ้ยยยย" เสียงตกใจของชายหนุ่มเปิดประตู ปรากฏว่าเห็นสาวน้อยโมบายยืนอยู่หน้าห้องยิ้มแป้น "มาตรงเวลาเกินไปหรือเปล่า ฮ่าๆ"
"พี่ไม่ได้ทำห้องหนูเลอะเทอะเสียหายใช่ไหม"
"ก็นิดหน่อย อะเงินสองพันห้า..ถือว่าเป็นค่าทำความสะอาดและเก็บกวาดร่วมด้วย"
"ขอบคุณค่ะ แต่พี่ชื่ออะไร?"
"พี่ชื่อโค้ก งั้นขอตัวก่อนนะ น้องหนู"
"น้องหนู..."
"ก็เธอแทนเรียกว่าหนูทุกคำเลยนี่นา งั้นพี่เรียกเธอว่าหนูก็แล้วกันนะ หนูน่ารักดี"
สาวน้อยใจเต้นสั่นรัวๆ เหมือนกับมีใครมาเขย่าตัวโยกจนหัวหมุน ใบหน้าหล่อยิ้มร้ายเดินจากไปพร้อมกับสาวสวยที่ออกมาในสภาพดูเหนื่อยล้าเสื้อผ้ายับเยิน
"ฝากทิ้งถุงยางด้วย" สาวสวยพูดย้ำคำ
'เชี่ยยยยย'
โมบายสบถเมื่อเห็นห้องของตัวเองเละเทะ ผ้าปูที่นอนกระจัดกระจายราวกับเกิดสงครามขนาดย่อมในห้องนอน สมแล้วที่ให้เงินมาเกินราคาที่ตกลงกันไว้ อะไรจะรุนแรงกันขนาดนี้!
วันต่อมา
เวลาเที่ยงตรง
"อย่าทำแบบนี้อีกนะพ่อ!" โมบายตะคอก "ถ้าขาหักขึ้นมาล่ะ เอาตัวไปขวางรถ พ่อคิดได้ไง"
"ก็มันเป็นเหตุสุดวิสัย รถไม่ยอมแลกบัตรก่อนเข้าบริษัท พ่อก็ต้องขวางเอาไว้มันเป็นหน้าที่"
"อย่ารักหน้าที่จนลืมกลัวตายได้ไหม หนูเป็นห่วงพ่อมากเลยนะ ฮึกกก!"
"อย่าบ่นสิ ฮ่าๆ พ่อไม่ได้เป็นอะไรสาหัส แม่แกรู้แม่แกก็บ่นพ่อมาเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย ดีนะที่มันไปทำงาน ไม่งั้นหูชาแน่"
"แล้วทำไมพ่อไม่ยอมไปหาหมอคะ"
"ถ้าใช้บัตรทองรักษาก็ต้องรอคิวนาน พ่อต้องเข้าเวรแทนเพื่อนด้วย ไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอก"
เพราะคำว่าเงินทำให้ต้องดิ้นรน แม้จะบาดเจ็บแต่พ่อก็รีบใส่ชุดเสื้อผ้าเตรียมไปเข้าเวรยามแทนเพื่อนเพื่อรับรายได้เพิ่มขึ้น โมบายพยายามขอร้องให้พ่อไปหาหมอที่คลินิก ซึ่งเธอจะออกเงินค่าใช้จ่ายเอง แต่พ่อก็บอกให้เก็บเอาไว้ใช้เผื่อฉุกเฉินกับเรื่องเรียน
"แล้วเอาเงินที่ไหนมาซื้อจักรยานให้พ่อเนี่ย" เพราะจักรยานเก่าพัง โมบายจึงซื้อใหม่ด้วยเงินจาก โค้ก หนุ่มข้างห้องที่ให้ไว้ในตอนนั้น
"เงินเก็บหนูเอง พ่อไม่ต้องห่วงนะ หนูก็พอมีเงินเหลืออยู่บ้าง"
"อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็แล้วกัน"
"แต่...ไปตรวจที่คลินิกสักหน่อยไม่ได้เหรอ"
"ตรวจที่เอกชนก็ต้องใช้เงิน แค่เดินเข้าไปก็เสียเป็นพันแล้วมั้ง ตอนนี้ก็ต้องเก็บไว้จ่ายค่าห้องค่าน้ำค่าไฟ ไหนจะค่าที่ดินที่เอาไปจำนองเอาไว้อีก เฮ้อออ พ่อไม่เป็นไร"
พูดคุยเสร็จผู้เป็นพ่อก็รีบเดินทุลักทุเลเพื่อไปทำงาน แม้บาดเจ็บยังไงก็ต้องทน โมบายกล้ำกลืนฝืนทนสงสารพ่อมาก ก่อนจะเดินออกไปเก็บผ้าที่ตากตรงระเบียงริมข้าง จมูกฟุดฟิดได้กลิ่นบุหรี่โชยมา
"พี่โค้ก" สาวน้อยทักทายผู้ที่ยืนอยู่นอกระเบียงเช่นกัน "ระเบียงของพี่กว้างจังเลยค่ะ"
"ห้องของพี่ออกแบบพิเศษขนาดกว้างกว่าปกติสองเท่า"
"เป็นหลานเจ้าของอพาร์ทเมนท์นี่ดีจัง"
"พ่อประสบอุบัติเหตุเหรอ?"
"นี่พี่แอบฟังหรือคะ"
"เปิดประตูระเบียงแถมยังพูดเสียงดัง หูพี่ไม่ได้หนวกสักหน่อย ฮ่าๆ ไม่มีเงินไปหาหมอเหรอ"
"ค่ะ พ่อไม่ยอม เพราะต้องเก็บเงินไว้ต้องจ่ายหนี้ ส่วนเงินที่พี่ให้ หนูก็ซื้อจักรยานใหม่ให้พ่อไว้ใช้ที่ทำงาน เผื่อปั่นไปซื้อกับข้าว"
โมบายถอนหายใจ ไม่คิดว่าชีวิตตัวเองจะดิ้นรนถึงขนาดนี้ แต่เมื่อเลือกเกิดไม่ได้ก็ต้องทำใจยอมรับสภาพความเป็นอยู่ที่มี โค้กขยี้บุหรี่ทิ้งในขวดแก้ว หันมาพูดพร้อมสบตา "พี่จะให้เงินพาพ่อไปหาหมอเอาไหม แต่มีข้อแม้ หนูต้องมาเอา...ที่ห้องพี่นะ"