ตอนที่ 3 แผนร้าย

2287 Words
ตอนที่ 3 แผนร้าย “เอาละค่ะ หนูไม่เถียงกับคุณแล้ว เพราะเถียงไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หนูไม่สามารถปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ได้ คุณเองก็เห็นแล้วเพราะตัวคุณก็กำลังเจอปัญหาเดียวกัน เพราะฉะนั้นคุณจะมาโกรธหนู ดุหนู แบบนี้มันไม่ยุติธรรม” “ฉันไม่อยากให้เธอมาเสียเวลากับฉัน การแต่งงาน มันเป็นเรื่องใหญ่ เธอเป็นผู้หญิง ถ้าอนาคตเกิดเราสองคนต้องหย่าขาดกันขึ้นมา มันไม่เป็นผลดีกับเธอเลย” “คุณไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกค่ะ หนูมาที่นี่เหตุผลเดียวที่หนูมา เพราะเป็นห่วงสุขภาพของคุณป้าเท่านั้น ครั้งล่าสุดตอนคุณป้าเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาล อาการของคุณป้าไม่ดีเลย คุณหมอกำชับไม่อยากให้คุณป้าต้องเครียดหนัก เพราะสุขภาพของคุณป้าไม่ค่อยแข็งแรง อายุของท่านก็มากขึ้นทั้งเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองสารพัด” มนตกานต์ถอนหายใจออกมาแรง ๆ สะบัดหน้ามองค้อนลูกชายเพียงคนเดียวของคุณหญิงเพียงเพ็ญด้วยความไม่พอใจนัก “แต่ตอนที่ฉันโทรถาม คุณแม่บอกว่า ท่านไม่เป็นอะไรมาก” “คุณนี่เป็นลูกที่ไม่เอาไหนจริง ๆ” “นี่เธอด่าฉันอีกแล้วนะ” “ก็มันน่าด่าไหมล่ะคะ คุณป้าเข้าโรงพยาบาลทั้งหมดหกครั้ง แต่ทุกครั้งคุณมัวแต่ไปอยู่กับคุณลิตาอะไรนั่น แสดงความรัก ความห่วงใยแม่ด้วยการโทรศัพท์มาถาม แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าคุณป้าอาการจริง ๆ เป็นยังไง หนูขอถามคุณกลับได้หรือเปล่าคะว่า ถ้าแฟนของคุณเข้าโรงพยาบาล คุณจะแค่โทรไปถามอาการ หรือว่าคุณจะไปหาเธอ...” ประตูห้องนอนถูกดีดกลับมาปิดสนิทลงอย่างเดิม “............” ริมฝีปากหยักขยับสั่น หมดหนทางตอบประโยคแดกดันจากเด็กสาว คุณหญิงเพียงเพ็ญเดินออกมาจากห้อง เพราะได้ยินเสียงคนทั้งสองทะเลาะกัน ในใจนึกห่วงกังวลถึงมนตกานต์สาวน้อยที่ถูกเธอดึงให้เข้ามาอยู่บนกระดานการเอาชนะคะคานระหว่างเธอและลูกชาย “ทำไมคุณแม่ไม่เคยบอกผมล่ะครับ เรื่องที่คุณแม่ป่วย” “แกเคยสนใจคำพูดแม่ด้วยหรือ ทุกครั้งเวลาที่แม่โทรไป มักจะตรงกับวันครบรอบอะไรของแกกับแม่ลิตานั่นเสมอ สำหรับแกแม่แก่ ๆ คนนี้ คงไม่มีความหมาย ไม่มีความสำคัญเท่ากับคนรักสินะ” “คุณแม่ ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะครับ ผมขอโทษ ที่ผมละเลยคุณแม่ ต่อไปนี้ถ้าคุณแม่จะไปหาหมอ หรือมีธุระผมจะพยายามเคลียร์งานแล้วไปด้วย แต่คุณแม่ต้องสัญญานะว่าจะไม่โกหก ไม่ปิดบังผมอีก ผมเป็นห่วงคุณแม่นะครับ” หัวใจของแม่ชุ่มชื้นขึ้นมาในทันที เมื่อลูกชายเพียงคนเดียวเดินประคองกอดเอวพาเธอมาส่งจนถึงเตียงนอน แถมยังผ้าห่มมาคลุมให้แล้วนั่งเฝ้าแม่บังเกิดเกล้าอย่าเธอ “แม่รู้ว่าแกอาจจะโกรธเคืองแม่เรื่องการแต่งงาน แต่ฟังแม่นะภารัญ ตลอดชีวิตนี้ที่ผ่านมามีครั้งไหนหรือเปล่าที่แม่คิดร้ายต่อลูก หรืออยากเห็นลูกมีความทุกข์ ตอนเด็ก ๆ แกซนมากชอบหนีแม่ออกไปวิ่งเล่นคนเดียวบ่อย ๆ แกเคยโกรธแม่จนไม่ยอมกินข้าวกินปลา” “นั่นเพราะคุณแม่รู้ว่า ข้างนอกนั้นมีอันตราย แต่ว่า....” “แม่รู้ว่าตอนนี้แกไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ ที่แม่จะสามารถบังคับหรือชี้นิ้วบอกอะไรได้ แต่ขอให้แกเชื่อมั่น และไว้ใจแม่คนนี้ว่าแม่มีเพียงความปรารถนาดีต่อลูก ตอนที่แกพาแม่ลิตามาแนะนำ แม่ไม่เคยค้าน ไม่เคยขัดไม่เคยคิดห้ามปราม ขัดขวาง” “แล้วทำไมตอนนี้คุณแม่ถึงไม่ชอบลิตาล่ะครับ” “สติ...ภารัญ แม่จะไม่พูดหรอกว่าทำไม เพราะสิ่งที่หลุดจากปากแม่ไป อาจทำให้แกเกลียดแม่ แต่แม่ของให้แกใช้คำนี้กลับไปมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง แล้วแกจะเข้าใจทุกอย่าง” ภายในห้องนอนอันเงียบสงบ ภารัญเดินกลับมานั่งลงยังเตียงนุ่ม หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมาจากแฟนสาว ลิตา : วันพรุ่งนี้จิมมี่จะเดินทางมาจากอิตาลี คุณมาดื่มฉลองต้อนรับเขาด้วยกันนะคะ ภารัญ : ตก..... // ปลายนิ้วหยุดชะงักไม่ได้พิมพ์ข้อความถัดไป อยู่ ๆ คำพูดของแม่และมนตกานต์ก็วิ่งแทรกเข้ามาในหัว “....คุณป้าเข้าโรงพยาบาลทั้งหมดหกครั้ง แต่ทุกครั้งคุณมัวแต่ไปอยู่กับคุณลิตาอะไรนั่น....” “สติ...” เหมือนมีใครสักคนเดินเอาถังน้ำเย็นมาสาดโครมใส่ เมื่อเขานึกย้อนถอยลงไป ดูเหมือนเขาจะให้ความสำคัญกับลิตามากเกินไปจริง ๆ ภารัญ : ขอโทษนะลิตา พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง “เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณถึงไม่ว่างหรือว่าแม่คุณบังคับอะไรอีก” ไม่ถึงสามวินาทีเมื่อข้อความนั้นถูกกดอ่าน ลิตากดโทรศัพท์กลับมาหาเขาในทันที “ผมต้องไปถ่ายภาพพรีเวดดิงกับมนตกานต์อีกครั้ง” วันก่อนนั้นหลังจากออกไปกินมื้อเที่ยงกับลิตาเสร็จเรียบร้อย เขาได้รับข้อความจากมนตกานต์ว่าเธอกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่สตูดิโอ หากแต่ลิตาทวงถามสัญญาเรื่องกระเป๋า แบรนด์เนมที่เขาบอกว่าจะซื้อให้ และหล่อนต้องการให้เขาพาไปซื้อในทันทีเพราะกลัวคนอื่นมาซื้อไปก่อน เขาจึงพาลิตาไปห้างสรรพสินค้าแทน “ทำไมยังต้องถ่ายอีก ห้ามไปนะคะ ถ้าคุณไปลิตาจะโกรธ อย่าไปหลงกลนั่งเด็กนั่น คุณแม่คุณก็เหมือนกัน เชื่อลิตาเถอะค่ะ ถ้าคุณยืนยันไม่ยอมไปถ่ายซะอย่าง คุณแม่จะมาบังคับอะไรได้ ถ้ายายเด็กกานต์อยากถ่ายนักก็ให้มันถ่ายไปคนเดียว หรือถ่ายกับแม่คุณสองคนไงคะ วันแต่งงานก็ให้มันแต่งไปคนเดียว ดูสิว่ามันยังจะมีหน้าสู้หน้าใครได้ แม่คุณจะได้รู้ตัวสักทีว่าคุณรักลิตามากแค่ไหน” “.................” “ภารัญ จิมมี่อุตส่าห์บินมาหาเราจากอิตาลีนะคะ เขาเป็นเพื่อนที่ดีของเรา เดี๋ยวลิตาจะจองห้องไพรเวตรูม เลี้ยงฉลองต้อนรับเขา คุณว่าดีไหมคะ” “เอาที่คุณเห็นว่าเหมาะสม ถ้าผมเสร็จธุระแล้วจะตามไป” “ชิด ๆ กันอีกหน่อยสิลูก ภารัญเข้าไปใกล้น้องอีกนิด เอามือกอดน้องตรงนี้” คุณหญิงเพียงเพ็ญเดินเข้ามากำกับท่าทางของว่าที่บ่าวสาวด้วยตัวเอง “นี่ชิดจนหนูจะหายใจไม่ออกแล้วนะคะคุณป้า” มือเล็กพยายามยันแผงอกของคู่หมั้นให้ถอยออกไป “นิดเดียวนะลูก กอดกันค้างไว้อย่างนั้นแหละ ภารัญยิ้มหน่อยสิ” รู้อย่างนี้สู้เขามาถ่ายตั้งแต่เมื่อวานน่าจะดี อย่างน้อยเด็กมนตกานต์ก็ไม่เคยร้องขอว่าต้องการให้เขากอด ให้เขาจูบ แถมยังช่วยพูดว่าให้พอได้แล้ว เนื่องจากช่างภาพกดชัตเตอร์รัวไปประมาณเกือบห้าร้อยรูป “วันนี้ฉันต้องไปต้อนรับเพื่อนที่มาจากต่างประเทศ เดี๋ยวเธอพาคุณแม่กลับบ้านไปก่อนนะ เอาโทรศัพท์มา” ภารัญแบมือออกไปขอโทรศัพท์จากเด็กสาว “ค่ะ” เด็กน้อยว่านอนสอนง่ายยื่นโทรศัพท์ให้ทันที ภารัญชะงักเล็กน้อย เมื่อมองลงไปยังหน้าจอ เห็นภาพพักหน้าจอซึ่งเป็นภาพของมนตกานต์ในชุดเจ้าสาว นั่งกอดเอวแม่ของเขากำลังส่งยิ้มหวานมาให้ทั้งสองคน “ไปแอบถ่ายมาเมื่อไหร่เนี่ย” “เมื่อกี้ค่ะ หนูชอบชุดนี้ คุณป้าก็ชอบเหมือนกัน หนูเลยเอามาเป็นภาพพักหน้าจอ” “เอาละ ฉันเชื่อมต่อสัญญาณจีพีเอสโทรศัพท์ของเธอ เข้ากับมือถือของฉันแล้ว เบอร์ฉุกเฉินกดหาฉันใช้หมายเลขหนึ่งนะ ถ้าถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาบอกฉันด้วย” ภารัญเปิดแอปพลิเคชันแล้วสอนการใช้งานให้กับสาวน้อยนัยน์ตาโต “ค่ะ” มนตกานต์ : หนูถึงบ้านแล้วนะคะ คุณป้าบอกว่าคืนนี้ให้คุณกลับมานอนบ้าน เพราะว่าพรุ่งนี้คุณป้าจะพาไปทำธุระ ภารัญหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดอ่านข้อความ ก่อนจะวางมันลงไปบนโต๊ะ โดยมีสายตาของลิตาแอบมองอยู่ใกล้ ๆ นัยน์ตาหวานแฝงความร้ายกาจเจ้าเล่ห์เหล่มอง รอจนภารัญเผลอเธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นกดรหัสผ่าน แล้วเข้าไปยังแอปพลิเคชันเพื่อส่งข้อความตอบกลับไป ภารัญ : ฉันเมามากขับรถกลับไม่ไหว เธอช่วยมารับฉันที่โรงแรมเคเคหน่อย “ให้ไปรับที่โรงแรมเคเค แล้วตัวเองทำไมไปอยู่ที่ตรงนั้น อีตาคนนี้ทำไมประหลาดจัง” มนตกานต์นั่งขมวดคิ้วมองหน้าจอโทรศัพท์ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดนิ้วไปยังแอปพลิเคชันใหม่ที่ภารัญลงให้วันนี้ คอเอียงมองสถานที่นัดหมาย กับจุดแดง ๆ อันเป็นที่ตั้งของสัญญาณมือถือภารัญด้วยความสงสัยเพราะมันห่างไกลกันมาก “หนูกานต์มีอะไรหรือเปล่าลูก” คุณหญิงเพียงเพ็ญเดินเข้ามาหาว่าที่ลูกสะใภ้ภายในห้องนอน “คุณภารัญส่งข้อความมา บอกว่าเมามากค่ะ ขับรถกลับบ้านไม่ไหว ให้หนูไปรับที่โรงแรมเคเค” “ขอป้าดูหน่อยสิจ๊ะ” คุณหญิงเพียงเพ็ญหยิบโทรศัพท์ไปดู ค้นหาชื่อโรงแรมแล้วพบว่าที่นั่นเป็นโรงแรมม่านรูดระดับสามดาว หญิงวัยหกสิบห้าปีที่ผ่านชีวิตนี้มายาวนานกดมือถือเข้าไปส่องสตอรี่ไอจีของลิตา ซึ่งเมื่อสามสิบห้านาทีก่อน หล่อนยังนั่งกอดลูกชายของเธอเพ้อแคปชันถึงรักอันหวานชื่น “ปกติภารัญไม่ใช่คนคออ่อน ป้าว่าตอนนี้เขาน่าจะยังเมาไม่มากเท่าไร หนูกานต์ลองไปหาพี่เขาที่ร้านนี้ดูก่อน เผื่อตารัญยังอยู่ที่นั่น ป้าจะให้คนขับรถไปส่ง แล้วเดี๋ยวป้าให้คนขับรถของที่บ้าน ไปรับตารัญที่โรงแรมเคเคเอง หนูเป็นผู้หญิงไปโรงแรมม่านรูดคนเดียวกลางค่ำ กลางคืนมันจะไม่ดี เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาป้าจะมองหน้าแม่หนูไม่ติด” “ค่ะคุณป้า” มนตกานต์พยักหน้ารับ เดินออกมายืนรอรถคันใหญ่ที่มีคนขับนำมาจอดเทียบรออยู่ตรงเชิงบันไดบ้าน ยากระตุ้นปลุกอารมณ์ทางเพศลักษณะเป็นหยดน้ำใส ๆ ไร้กลิ่น ปราศจากรสชาติ ถูกลิตาหยดมันใส่ลงไปในแก้วเหล้าของแฟนหนุ่ม เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านเธอใช้เครื่องตรวจวัดการตกไข่ พบว่าวันนี้ตัวเองมีโอกาสที่จะตั้งท้องได้มากถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ นี่จึงเป็นโอกาสเหมาะที่สุด หากแต่ระยะหลังมา ตั้งแต่ภารัญรู้ตัวว่าต้องแต่งงานกับมนตกานต์ หลายเดือนมาแล้ว ที่ภารัญวิตกกังวลและเครียดหนัก จนกระทบมาถึงความสัมพันธ์ ทำให้ทั้งสองคนไม่มีอะไรกันมานานหลายเดือน “ลิตาไม่ปล่อยคุณให้ไปแต่งงานกับคนอื่นง่าย ๆ หรอกค่ะ ภารัญ” “คุณภารัญ” “กานต์ ทำไมเธอถึงมาอยู่นี่” ภารัญผลุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้นั่ง เดินไปทางเด็กน้อยที่ยืนเอานิ้วอุดหูตัวเอง เพราะเสียงเพลงภายในห้องคาราโอเกะนี้มันดังมากจริง ๆ เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเกือบสิบคน เงยหน้าสามัคคีหันไปสนใจแขกผู้มาใหม่ทันที “ก็คุณบอกว่าให้หนูมารับ” มนตกานต์ตอบอย่างซื่อ ๆ ตามองไปยังคนมากมายที่มองมายังตน หนึ่งในบรรดาคนทั้งหมดมนตกานต์รู้จักอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น “อะไรนะ!” “เธอมาที่นี่ได้ยังไง” ลิตาเดินเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล “คุณภารัญบอกให้หนูมา” “ฉันเหรอ?” ภารัญยกนิ้วชี้กลับลงมาบนอกเสื้อตัวเอง คืนนี้เขาดื่มไปหลายแก้ว แต่ภารัญมั่นใจว่าเขาไม่ได้เมามากจนถึงขนาดกดส่งข้อความออกไปโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเป็นข้อความขอให้มนตกานต์มารับ นั่นยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ใหญ่ “ค่ะ นี่ไงคะ” มนตกานต์ล้วงมือลงไปในกระเป๋าสะพายข้างใบจิ๋ว หากแต่ถูกลิตาปัดโทรศัพท์ จนหน้าจอสว่างอันมีข้อความพลัดหายไปจากสายตาของภารัญ “เขายังดื่มกับพวกเราอยู่” “ถ้าอย่างนั้นคุณจะดื่มกันอีกนานไหมคะ คุณดื่มต่อก็ได้ เดี๋ยวหนูนั่งรอตรงนี้นะคะ” มนตกานต์ชี้นิ้วไปยังโซฟาหนังสีแดงใกล้กับจอโพรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ที่มันกำลังฉายภาพ มิวสิควิดีโอเพลงหวาน “กลับเลยก็ได้” “เดี๋ยวสิคะภารัญ คุณยังดื่มไม่หมดแก้วเลยนะ” มือเรียวคว้าท่อนแขนนั้นไว้รีบยกแก้วเหล้าผสมยานรกยัดใส่ลงไปในมือหยาบ “ถ้าอย่างนั้น ดื่มแก้วนี้แล้วผมขอตัวกลับก่อนนะ” ภารัญยกแก้วเหล้าขึ้นมาจดริมฝีปาก สาดน้ำรสขมกระดกมันลงไปในลำคอ “คุณภารัญ แต่คุณดื่มไปเยอะแล้วนะคะ ตาคุณแดงก่ำเลย มาค่ะหนูช่วยครึ่งแก้ว” “...!....!.....!...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD