ตอนที่ 2 โชคร้าย(3)

1659 Words
มนสิการรู้สึกว่าฝันร้ายของเธอกำลังจะเริ่มต้นขึ้น... หลังจากที่ฟื้นจากยาสลบนั่น เธอก็พบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้องทึมทึบไร้หน้าต่าง แสงสว่างเดียวมีเพียงแสงที่มาจากหลอดไฟกลมเก่าๆ สีส้มเท่านั้น เธอคู้ตัวกอดเข่าซุกอยู่มุมผนังห้อง ร้องไห้อย่างหวาดหวั่นอยู่นานเท่าไรไม่รู้จนกระทั่งมีคนมาเปิดประตูออก ทว่านั่นไม่ใช่ประตูอิสระภาพของเธอ หากแต่เป็นประตูนรกอีกชั้นหนึ่งต่างหาก หลังจากนั้นเธอถูกพวกเขาฉีดยาอะไรก็ไม่รู้ มนสิการไม่สามารถ ขยับตัวได้เลย เธอรู้สึกราวกับตัวชาวาบแล้วไร้เรี่ยวแรงอยู่ตลอดเวลา แม้หญิงสาวจะร้องไห้อ้อนวอนมากเพียงใดคนพวกนี้ก็ไม่สนใจเธอทั้งสิ้น สิ่งที่พวกเขาสนใจมีเพียงการจัดเตรียมเธอซึ่งเป็น ‘สินค้า’ ส่งให้แก่ ‘มิสเตอร์เพนเดิลตัน’ ให้ตรงเวลาเท่านั้น หลังจากที่ฉีดยาให้เธอแล้ว ก็มีผู้หญิงอีกสองสามคนมาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แก่เธอ พวกเขาจับเธออาบน้ำแต่งตัวเหมือนตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต จนกระทั่งเธออยู่ในชุดวาบหวิวตัดกับผิวขาวผ่องนั่นแหละ พวกเขาจึงเอาผ้าห่อคลุมเธอเอาไว้อีกชั้น จากนั้นจึงเรียกคนกลุ่มแรกที่จับเธอฉีดยาเข้ามา คนกลุ่มนั้นใช้ผ้าปิดตาเธอจนเธอมองอะไรไม่เห็น ก่อนจะพาเธอออกไปไหนสักที่ซึ่งเธอได้แต่ขอร้องอ้อนวอนจนน้ำเสียงแหบพร่าพวกเขาก็ไม่สนใจที่จะปล่อยเธอไปแม้แต่น้อย “อะ…อย่า อย่าทำกับฉันแบบนี้!” มนสิการร้องอ้อนวอนอีกครั้ง เมื่อรู้สึกได้ว่าคนพวกนี้วางเธอไว้บนเตียงนุ่มแห่งหนึ่ง “ไม่นานก็ได้ขึ้นสวรรค์แล้วน่า จะบ่นอะไรมากมาย” คนที่ทำหน้าที่อุ้มเธอมาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด คงเพราะทนฟังเธอคร่ำครวญอยู่นานหลายชั่วโมง “ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวเค้นเสียงแหบพร่าร้องสั่งอีกฝ่าย จนกระทั่งหนึ่งในพวกนั้นทนไม่ไหว และดูเหมือนเขาจะเป็นหัวหน้ากลุ่มกระมัง ฝ่ายนั้นจัดการฉีดยาอะไรสักอย่างใส่เธออีกครั้งและเมื่อเสร็จแล้วจึงหันไปร้องสั่งลูกน้องตนเองเสียงห้วน “เอาผ้ามัดปากมันไว้ มันจะได้ไม่ต้องพูดมาก แล้วรีบส่งไปที่นั่นได้แล้ว” “ครับลูกพี่” คนเป็นลูกน้องรับคำสั่ง ก่อนจะจัดการอย่างรวดเร็ว และเมื่อ มนสิการหมดสิ้นทุกอิสรภาพ พวกเขาก็รีบหนีออกไปจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั่งรวมตัวดื่มกินกันอย่างไม่บันยะบันยังติดกันสามชั่วโมงรวด จนสติของแต่ละคนหลุดไปตามๆ กัน โดยเฉพาะไคลน์ เลอานโดรและราฟาเอลที่ดูเหมือนจะสนุกกันสุดเหวี่ยงจนเกือบจะเมาพับหลับไปแล้ว “เลิกเถอะอเล็กซ์ เพื่อนแกแต่ละคนนี่มันดูไม่ไหวกันแล้ว มาเรียสคนที่ดื่มน้อยที่สุดเอ่ยขึ้นกับไอ้คนคอแข็งที่สุดซึ่งมันนั่งมอมเหล้าชาวบ้านอยู่ตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมาและเห็นผลสำเร็จเป็นอย่างดี “โห…อะไรวะแมท กำลังสนุกเลย” อเล็กซิสคัดค้านอย่างหัวเสีย เขาเองจริงๆ ก็เมาไม่น้อยเหมือนกัน ทว่าก็ไม่ได้หนักเท่าไอ้พวกที่แทบจะฟุบหลับกับโต๊ะไปแล้วอย่างสามคนนั่น มาเรียสได้ฟังก็ได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ “แหกตาดูบ้างเถอะว่าเพื่อนแกมันแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้อยู่แล้ว” เขาพูดพลางชี้ไปยังเพื่อนที่กลายสภาพเป็นศพขี้เมากันถ้วนหน้า อเล็กซิสมองตามเห็นแล้วว่าคนที่เหลือคงต้องการพักผ่อนแล้วจึงได้แต่ยอมปล่อยมือไปในที่สุด “เออๆ” “เรียกคนมาช่วยขนพวกนี้ไปส่งแล้วกัน” มาเรียสเสนอ พลางกวักมือเรียกคนของตนเอง ซึ่งอเล็กซิสก็ไม่มีสิทธิโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น “เออ” “แยกย้ายกันไปส่งแล้วกัน” อเล็กซิสเสนอขึ้น หลังจากเรียกคนสนิทมาช่วยจัดการแบกผู้ชายขี้เมาอีกสามคนไปยืนรอด้านหน้า “ฝากแกเอามันไปโยนไว้ที่ห้องมันด้วยนะแมท แกอยู่โรงแรมเดียวกับไคลน์มันนี่” อเล็กซิสว่าพลางพยักพเยิดไปยังไอ้พ่อมดที่ตอนนี้เมาพับไปเรียบร้อยแล้ว และคนที่กำลังประคองมันอยู่ตอนนี้ก็เป็นคนของมาเรียสนั่นแหละ มาเฟียหนุ่มยักไหล่ ไม่ปฏิเสธเพราะเขากับไคลน์ก็พักอยู่โรงแรมเดียวกัน ซึ่งก็คือโรงแรมของเขานั่นแหละ ขณะที่อีกสามคนที่เหลือต่างซื้อเพนต์เฮ้าส์เป็นของตัวเองทั้งสิ้นเนื่องจากแต่ละคนมักจะแวบมาที่แมนฮัตตันกันเสมอ บ้างดูแลธุรกิจของตน แต่ส่วนใหญ่มักจะพักผ่อนกันมากกว่า เว้นแต่ไคลน์ที่ไม่คิดจะซื้อสมบัติอะไรทิ้งไว้ แม้เขาจะมีสาขาของธนาคารในเครือเพนเดิลตันที่นี่ก็ตาม แต่คนที่มาดูแลก็มักจะเป็นน้องชายอย่างคริสโตเฟอร์มากกว่า “ก็ได้” “แล้วแกไหวเหรอเล็กซ์” มาเรียสเอ่ยถาม เพราะไอ้คนตรงหน้าจริงๆ ก็ถูกจัดว่าเป็นคนเมาคนหนึ่งเช่นเดียวกัน “สบายมาก” อเล็กซิสตอบ “มีคนของไอ้พวกนี้อยู่ด้วย ไม่ต้องห่วง” พูดพลางก็ปรายตามองไปยังคนสนิทของเลอานโดรกับราฟาเอลที่แบกเจ้านายตัวเองอยู่ มาเรียสพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะตัดสินใจแยกย้ายกันไปในที่สุด “ค่อยคุยกันพรุ่งนี้” เขาเอ่ยลาสั้นๆ ขณะที่อีกฝ่ายก็ตอบรับเช่นเดียวกัน “เจอกันพรุ่งนี้” โรงแรมเลสซี ไคลน์เดินอย่างสะเปะสะปะ ตอนนี้เขารู้ตัวดีว่าตนเองเมามาก แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่ไม่รับรู้อะไรเลย เพราะก็ยังรู้ว่ามาเรียสจับเขามาโยนส่งๆ ในห้องนี้นี่แหละ ไคลน์โซซัดโซเซเดินไปยังเตียงนอนกว้างโดยไม่คิดจะเปิดไฟแม้แต่น้อย สลัดเสื้อผ้าที่รู้สึกว่ารัดรึงออกไปจากร่างกายจนแทบไม่เหลือติดร่างกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเตียงด้วยอาการซวนเซนิดๆ ไคลน์ยอมรับว่าเขาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนี้มาก่อนเลยนับตั้งแต่จบมหาวิทยาลัย แต่เพราะวันนี้มันเบื่อๆ เซ็งๆ เขาเลยปล่อยตัวเองไปสักวัน ไม่เคร่งครัดและเคร่งเครียดอย่างที่เคยเป็นมา อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอและพูดคุยกับเซเรน่า แมคคอลในรอบยี่กว่าสิบปีหลังจากที่เคยแต่เดินเฉียดกันไปมาในงานเลี้ยงสักงานสองงานแต่ก็ไม่คิดจะทักทายกัน พวกเขาไม่ใช่แม่ลูกกัน สำหรับไคลน์เซเรน่าก็เป็นแค่คนอุ้มท้องเขามา และสำหรับเซเรน่าเขาเองก็เป็นเพียงแค่ไอ้เด็กที่เธอคลอดออกมาเท่านั้น พวกเขาไม่มีความผูกพันในสายเลือด แต่มีความแค้นอย่างลึกล้ำที่มีให้แก่กันเท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ ไคลน์สอดตัวไปใต้ผ้าห่ม เตียงของเขาอบอุ่นผิดกับอากาศข้างนอกลิบลับ ชายหนุ่มปัดป่ายมือไปตามเนื้อผ้านุ่มลื่นและหอมกรุ่น มันชวนให้นอนหลับสบาย แต่ว่า...บ้าชะมัด! ทั้งๆ ที่เขาแทบจะเมาพับ แต่เขากลับข่มตาไม่หลับ จริงๆ เขาข่มตาไม่หลับมาสองสามวันแล้วนับตั้งแต่มาถึงที่นี่ ซึ่งนับๆ ไปก็ตั้งแต่เขาเลิกรากับคู่นอนคนล่าสุดนั่นแหละ ไคลน์ไม่ชอบนอนคนเดียว เขารู้ตัวมานานแล้วล่ะว่าเขามักจะนอนไม่ค่อยหลับสนิทเวลาต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ทว่าเขาก็ขี้เบื่อเกินกว่าจะอยู่กับคู่นอนคนเดิมซ้ำๆ พวกเธอก็เหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกตั้งโปรแกรมมาเหมือนกันหมดนั่นแหละ สวย…ฉลาดในบางเรื่อง...เห็นแก่เงิน …และชอบทรยศหักหลัง... หัวใจของผู้หญิงไว้ใจไม่ได้พอๆ กับหุ้นบนกระดาน แต่หุ้นยังน่าสนใจกว่าตรงที่มันยังให้ประโยชน์กับเขาในหลายๆ แง่ แต่ผู้หญิงให้ประโยชน์แก่เขาได้แค่แง่เดียว นั่นก็คือเซ็กส์ ซึ่ง…บ้าชะมัด! คืนนี้เขาล่ะอยากมีเซ็กส์กับใครสักคน แต่นั่นแหละเขาอยู่บนห้องแล้ว และอยู่คนเดียวด้วยตอนนี้ คงจะมีแต่ปาฏิหาริย์เท่านั้นแหละที่จะส่งผู้หญิงมาอยู่ในห้องของเขาตอนนี้! ไคลน์คิดอย่างขบขัน เขาเริ่มหลับตาลง แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดอาจทำให้เขาหลับได้ไม่ยากนักหรอก ชายหนุ่มเหยียดยิ้มหยันในความมืด ความมืดเปะปะไปรอบๆ เตียง ทว่าตอนนั้นเองที่เขาเริ่มรู้สึกผิดปกติกับเตียงนอนของตัวเอง มีหมอนข้างอยู่บนเตียงของเขา... ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น พอเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่านั่นไม่ใช่หมอนข้าง แต่นั่นคือมนุษย์! ไคลน์ตื่นตัวทันที รีบเปิดโคมไฟข้างหัวเตียงอย่างรวดเร็ว และแสงไฟสลัวก็ทำให้เขาเห็นได้อย่างเรือนรางว่ามีมนุษย์อยู่บนเตียงของเขาในเวลานี้ มีผู้หญิงนอนอยู่บนเตียงของเขา... มันเป็นเหมือนความฝันอันเลือนรางที่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนเตียงของเขา... หึ! ไคลน์คิดอย่างขบขันน้อยๆ ไอ้พวกเพื่อนๆ นี่มันรู้ใจเขาจริงๆ ถ้าไม่มาเรียสก็คงจะเป็นราฟาเอลนั่นแหละที่จัดการเรื่องเหล่านี้ และตอนนี้ไคลน์ก็ไม่คิดจะปฏิเสธด้วย แน่ล่ะว่า...เขาอยากปลดปล่อยน่ะสิ! คนเมาคิดอย่างขบขัน ขณะที่ค่อยๆ ใช้มือดึงทึ้งผ้าห่มที่ห่อหุ่มร่างที่นอนทอดกายอยู่บนเตียงออกมาช้าๆ ราวกับว่ากำลังแกะกล่องของขวัญ และเป็นของขวัญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD