ไคลน์ เพนเดิลตันนั่งกระดิกขาซึ่งวางพาดขึ้นไปบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ภายในตึกสำนักงานใหญ่ของเพนเดิลตันไฟแนนซ์เชียลก่อนจะดีดฝาไลท์เตอร์ขึ้นเพื่อสูบบุหรี่ที่คีบรออยู่ที่ปลายนิ้วเรียวสวยงดงามราวกับมือของนักดนตรี
“นายจะเดินทางเมื่อไร”
เสียงถามจากคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามโดยมีโต๊ะตัวใหญ่กางกั้นทำให้ไคลน์เหลือบตามองคนพูด ก่อนจะพ่นควันขาวออกมาจากจมูกและริมฝีปาก ก่อนจะตอบคำถามของลูกพี่ลูกน้องตนเองด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย
“พรุ่งนี้ล่ะมั้ง” ส่วนเวลาน่ะเหรอ ไม่ต้องถามหรอก เขาจำไม่ได้ นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่ต้องจดจำเสียหน่อย
“แล้วนายจะเอายังไงกับกิจการนั่น” คนถามยังคงไม่ลดละ ขณะที่ยังไม่เลิกให้ความสนใจว่าทำไมไคลน์จะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา ทั้งๆ ที่นั่นเป็นสถานที่ที่คนอย่างไคลน์เกลียดที่สุด เป็นไปได้หัวหน้าตระกูลเพนเดลตันคนปัจจุบันจะไม่ไปเหยียบย่างที่นั่น
แต่ตอนนี้เขากลับเปลี่ยนใจ...
“บอกตามตรงนะ ไม่สนใจเลยว่ะ ถ้าไม่ใช่...”
ไคลน์หยุดพูดแค่นั้น ก่อนจะยักไหล่ ดวงตาสีน้ำเงินเยือกเย็นของเขาสบกับนัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวของคริสโตเฟอร์ เพนเดิลตันผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง เผยให้เห็นสีหน้าและแววตาหยามหยัน ชิงชังโลกใบนี้
สีหน้าแววตาที่คริสโตเฟอร์คุ้นเคยดี ไคลน์อาจไม่เคยแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาให้ใครเห็นบ่อยนัก ทว่าสีหน้านี้มันจะเกิดขึ้นอย่างง่ายดายเมื่อมีคนพูดถึงพวก ‘แมคคอล’
ญาติของเขาคนนี้เกลียดพวกแมคคอลเข้าไส้ ไม่มีเสียละที่ไคลน์จะยอมญาติดีกับคนพวกนั้น แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะมีผู้ให้กำเนิดของตนเองก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าครั้งนี้ออกจะแปลกอยู่บ้างที่ไคลน์ยอมรับข้อเสนอว่าจะไป ‘ดู’ กิจการของพวกแมคคอลที่กำลังซวนเซ และอาจจะเข้าร่วมทุนหากเขาพิจารณาแล้วว่ามันน่าสนใจ
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต่อให้อะไรก็ตามที่ใครๆ ต่างบอกว่าน่าสนใจ แต่ถ้าหากไคลน์ไม่สนใจ เขาก็ไม่เหลียวแลมัน ทว่าเมื่อไรที่ไคลน์สนใจ ต่อให้ใครๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนไคลน์ก็สามารถพลิกฟื้นมันให้กลับมามีผลกำไรมหาศาลได้ และเขาทำมันมาหลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งได้รับฉายาว่าเป็นพ่อมดการเงิน ทว่าเขาไม่สนใจมันมากนัก ก็แค่ฉายาตลกๆ ที่พวกคนในวงการเอามาเสียดสีเขาเท่านั้นแหละ!
“ขอให้นายโชคดีแล้วกัน” คริสโตเฟอร์เอ่ยสั้นๆ ขณะที่มองญาติสนิทตรงหน้าพ่นควันบุหรี่ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจเล็กๆ
ก็ใช่ว่าบาดแผลทางจิตใจของพ่อมดการเงินจะจางหายไปง่ายๆ ผลพวงในครั้งนั้นส่งผลให้ไคลน์ เพนเดิลตันกลายเป็นปีศาจร้ายเหมือนในวันนี้นั่นแหละ
“คนอย่างไคลน์ไม่ต้องอาศัยโชคหรอก” ไคลน์เอ่ยแย้งออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา “สิ่งที่ฉันใช้มีแค่สิ่งนี้...” พูดพลางก็ใช้ปลายนิ้วเคาะขมับตัวเองเบาๆ “...ก็เพียงพอแล้ว เกิดเป็นมนุษย์ ถ้ามัวแต่หวังรอโชควาสนามันก็ไม่เกิดอะไร ตราบใดที่นายไม่คิดและทำมัน”
“นายก็ต้องแย้งให้ได้สิน่า”
คริสโตเฟอร์ย้อนถามอย่างระอาใจกับความปากร้ายของลูกพี่ลูกน้องคนนี้
“ก็มันน่าแย้ง”
ไคลน์เอ่ยจบก็หันไปสนใจกับบุหรี่ในมือตนเองต่อ ขณะที่ คริสโตเฟอร์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอากับคนหัวแข็งที่ต้องแย้งอะไรก็ตามที่ตนเองไม่เห็นด้วยออกมาจนกว่าจะชนะ
“เออ งั้นนายก็แย้งกับตัวเองไป ฉันขอไปทำงานต่อก่อนแล้วกัน เจ้านายจะไม่อยู่นี่ยุ่งฉิบหาย” คนเป็นน้องเอ่ยเบาๆ เป็นการสัพยอกลูกพี่ลูกน้องของตนเอง ก่อนจะออกไปจากห้องทำงานของอีกฝ่ายในที่สุด
ไคลน์พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นสายหลังจากที่ได้อยู่อย่างเงียบสงบเพียงลำพังเมื่อลูกพี่ลูกน้องของเขาเดินจากไปแล้ว เขานั่งสูบบุหรี่อยู่ไม่กี่นาทีก็ตัดสินใจขยี้ปลายบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่คริสตัล ย้ำจนแน่ใจแล้วว่าบุหรี่ที่เพิ่งจุดสูบไปไม่เท่าไรนั้นดับสนิท จากนั้นจึงตวัดท่อนขายาวแกร่งที่วางพาดไว้บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ลงมาแล้วลุกขึ้นยืน
ไคลน์กระชับเสื้อสูทให้เข้าที่สองสามที ก่อนจะมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือแล้วก็พบว่าตอนนี้ได้เวลานัดของเขากับคู่ขาที่คิดว่าได้เวลาเหมาะสมที่จะ ‘สลัดทิ้ง’ ในวันนี้!
‘ไคลน์ เพนเดิลตัน’ เป็นเจ้าของเรือนร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดสูทของทอมฟอร์ดสีเนวี่บลู ขับเน้นให้เห็นเรือนร่างสง่างามที่ดูดีเสียยิ่งกว่านายแบบเสียอีก ทั้งช่วงบ่ากว้างแข็งแรงและตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้ออันงดงาม รวมถึงสะโพกสอบเพรียวที่รับกับช่วงขายาวของเขา
ไคลน์เป็นเจ้าของดวงหน้าหล่อเหลาคมคายที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบที่มักจะเม้มแน่นเสมอบ่งบอกว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ และดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเยือกเย็นที่ใครได้สบตาเป็นต้องสั่นผวาไปทุกครั้งไคลน์ขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มโสดสุดฮอตในวงสังคมชั้นสูงของลอนดอนในขณะนี้ เพราะนอกจากจะมีรูปลักษณ์งดงามแล้ว เขายังมีทรัพย์สมบัติมหาศาล แต่ที่ล่อตาล่อใจที่สุด เห็นจะเป็นเพราะเขาคือ ‘เพนเดิลตัน’ เจ้าของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่ติดอันดับโลก และเมื่อไคลน์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งซีอีโอของเพนเดิลตัน ไฟแนนซ์เชียลจนทำให้สถาบันการเงินของเขาติดอันดับหนึ่งในสามของโลกได้ ชายหนุ่มจึงได้ชื่อว่าเป็น ‘พ่อมดการเงิน’
พ่อมดปีศาจ...
บางครั้งบางคราวคนก็เรียกตัวเขาอย่างนั้น
ทว่าทุกความหมายของฉายาของไคลน์ ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไร เนื่องจากไม่ว่าใครจะเรียกเขาว่าอย่างไร ไคลน์ก็คิดว่าตนเองจะต้องใส่ใจสักนิด เขาก็คือเขา ชื่อเสียงเรียงนามอะไรไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนเป็นคนอื่นไปได้!
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นเบาๆ ระหว่างที่ไคลน์กำลังจะก้าวขึ้นไปบนเบนท์ลีสีดำมันปลาบที่เปิดออกกว้างด้วยฝีมือของผู้ช่วยคนสนิทซึ่งทำงานกับเขามานานหลายปี
และเมื่อประตูปิดสนิทซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขากดรับสายยามเมื่อเห็นว่าชื่อของผู้ที่ติดต่อมานั้นเป็นคู่ควงซึ่งมีนัดหมายกันวันนี้นี่เอง
ชายหนุ่มมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะจางหายไปเป็นสีหน้าเฉยชาในตอนที่กดรับสาย
“ว่าไง”
ไคลน์กรอกเสียงทักทายไปสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเฉยชา
ปลายสายทำเสียงอึกอักคล้ายกับพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง เธอคงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของเขาทว่าเธอก็กำจัดมันออกไปได้อย่างรวดเร็วยามเมื่อเสียงหวานๆ นั้นถามเขาอย่างนุ่มนวลว่า
“คุณถึงไหนแล้วคะ ฉันใกล้จะถึงร้านแล้วนะคะ”
“กำลังออกไป” ไคลน์ตอบสั้นๆ ไม่ได้นึกอยากเอ่ยอะไรเป็นการเอาอกเอาใจฟีโอน่า...นางแบบสาวดาวรุ่งลูกครึ่งอังกฤษ สเปนซึ่งเป็นคู่ควงคนล่าสุดของเขา
เพราะอีกไม่นานเธอจะกลายเป็นอดีต...
“งั้นเจอกันนะคะไคลน์”
ปลายสายตอบเสียงหวานเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจ ก่อนจะวางสายไปเพราะรู้ขอบเขตของตนเองดีกว่าเธอไม่ควรรบกวนไคลน์ไปมากกว่านี้
เมื่อวางสายจากฟีโอน่า ไคลน์จึงมองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถยนต์ที่กำลังขับเคลื่อนออกจากตึกสำนักงานของเพนเดินตัลไฟแนนเชียลเพื่อตรงไปยังโรงแรมหนึ่งในกิจการของเขาซึ่งตั้งอยู่ย่านเมย์แฟร์ซึ่งเป็นที่นัดหมายของเขา อากาศด้านนอกเห็นได้ชัดว่าฝนกำลังจะตกลงมาอีกในไม่ช้า ไคลน์เหยียดปากแล้วเม้มแน่น ขณะที่หัวใจขุ่นมัวเสียยิ่งกว่าอากาศนับตั้งแต่เขาได้รับการติดต่อจากคนที่ได้ชื่อว่าคลอดเขาออกมา
ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็รู้สึกร้อนรนไปเสียหมด ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าในยามนี้ตนเองต่างหากจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของเขาที่เคยคิดว่าด้านชากลับร้อนรนทุรนทุราย
อาจจะเพราะเขารู้ดีกว่าใครว่า ‘ความแค้น’ ของเขายังเริงโลดอยู่ในใจ ไม่เคยมอดดับ ไม่เคยได้รับการระบาย
...เขายังไม่สาแก่ใจ!
“ร็อบ นายเตรียมสร้อยเพชรเอาไว้หรือยัง”
ไคลน์เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่รถยนต์เริ่มเคลื่อนออกไปช้าๆ เนื่องจากสภาพการจราจรที่เนืองแน่นในช่วงเวลานี้ แต่ดูจากระยะทางเขาว่าอีกไม่นานก็คงถึงที่เดอะเกรซพาเลซ ซึ่งเป็นโรงแรมของเขา
เดอะเกรซพาเลซเป็นกิจการที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ไม่เกี่ยวกับตระกูลเพนเดิลตัน เขาร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิทซึ่งเป็นเจ้าของเชนโรงแรมยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างกลุ่ม ‘เลสซี’ และเพื่อนสนิทอีกสามคน แน่นอนว่าเดอะเกรซพาเลซก็เป็นแค่ของเล่นสำหรับเด็กหนุ่มมหาเศรษฐีที่อยากหาอะไรซ้อมมือเล่นในเวลาว่างเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะอยู่ได้มาเป็นสิบปีแล้วเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นทุกวัน
โรเบิร์ต ผู้ช่วยคนสนิทที่ร่วมงานกันมานานผงกศีรษะลงพลางตอบรับ “เรียบร้อยแล้วครับ”
“ดี” สีหน้าของไคลน์เต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ก่อนจะลงจากรถช่วยเตือนฉันแล้วกัน อ้อ แล้วรอแค่ห้านาทีก็พอ ฉันจัดการธุระเสร็จแล้วจะกลับบ้านเลย”
ไคลน์สั่ง เขาไม่คิดจะร่วมรับประทานอาหารอะไรกับฟีโอน่า เขาก็แค่จะเดินเข้าไปมอบของขวัญเป็นการขอบคุณด้วยตัวเองเท่านั้น ปกติแล้วเวลาเขาเลิกกับคู่ควง ส่งแค่เช็คไปเพียงใบเดียวด้วยซ้ำ ทว่าฟีโอน่านั้นคบกับเขาได้นานกว่าใคร เธอเองก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดี เพียงแค่เขาเบื่อเธอ และเพื่อตอบแทนความเอ็นดูที่เขามีให้เธอมาโดยตลอด จึงยินยอมที่จะไปมอบของขวัญสุดท้ายให้เธอด้วยตนเองก็เท่านั้น
“ครับคุณไคลน์”
ผู้ช่วยตอบรับคำสั่งโดยไม่โต้แย้งอะไรทั้งสิ้น
“พรุ่งนี้ฉันต้องเดินทางกี่โมง” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องถามเมื่อรถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ บนท้องถนน
“เครื่องออกราวๆ สิบโมงเช้าครับ แล้วผมจะแจ้งคุณล่วงหน้าอีกทีพรุ่งนี้”
“อืม…” ไคลน์ตอบรับก่อนจะสั่งต่อไป “แล้วนายเตรียมเอกสารของพวกแมคคอลให้ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมส่งรายงานเข้าอีเมลคุณแล้วด้วย”
“ดีมาก”
ดวงตาสีน้ำเงินอันเยือกเย็นของไคลน์เป็นประกายด้วยความพึงพอใจเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
ไม่นานเบนท์ลีสีดำคันหรูก็แล่นเข้าไปจอดเทียบกับหน้าโรงแรมเดอะเกรซพาเลซ ไคลน์แบมือรับกล่องกำมะหยี่บรรจุเครื่องเพชรซึ่งน่าจะเป็นสร้อยข้อมือ แต่จะเป็นแบบไหนนั้นเขาก็ไม่รู้เพราะมีแต่สั่งทว่าไม่เคยเลือกเอง ชายหนุ่มสอดเก็บมันไว้ในกระเป๋าข้างในของเบลเซอร์ที่เขาสวม ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงแรม ซึ่งระหว่างทางพนักงานโรงแรมต่างทำความเคารพเขาเป็นระยะๆ
ไม่นานก็เห็นฟีโอน่านั่งรออยู่ที่โต๊ะพิเศษภายในภัตตาคารซึ่งเป็นสถานที่นัด ไคลน์กระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ ส่งให้เธอ
เขามาวันนี้เพราะมีเรื่องจะบอกอะไรแก่ฟีโอน่านิดหน่อย พร้อมกับของขวัญเล็กๆ น้อยที่ทำให้เขาสนุกอยู่ตั้งสองเดือนในระหว่างที่มีเธอเป็นคู่นอน...
ไคลน์ตั้งใจจะบอกเลิกกับคู่ควงคนล่าสุดของเขา...วันนี้