บทนำ…
ณ เรือนนอกเมืองใกล้กับวัดใหญ่หลงซาน
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังยืนหันรีหันขวางราวกับรอใครบางคนอยู่ ไม่นานนักใบหน้าเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม เมื่อร่างอรชรของสตรีที่ตนรอคอยโผล่ออกมาจากชายป่า เขาจึงรีบตรงเข้าไปหา
“ตันหยงเจ้ามาเสียที รู้หรือไม่พี่คิดถึงเจ้านัก” คำหวานถูกกล่าวออกมาทันใด พร้อมกันนั้นเขาก็จูงมือนางให้เดินมาที่หน้าเรือน ก่อนจะยื่นน้ำส่งให้หญิงสาวดับกระหาย
“ข้าก็คิดถึงพี่ มิเช่นนั้นไม่รีบออกมาหาท่านพี่อี้หรอกเจ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับซับเหงื่อบนใบหน้าของตน เพราะนางบุกป่าฝ่าดงเพื่อตรงมาหาเขาที่นี่ โดยไม่ยอมหยุดพักเลยสักนิด
“จริงหรือ เจ้าทำพี่ดีใจรู้หรือไม่” ชายหนุ่มเผยยิ้มชอบใจ ก่อนจะโน้มหน้ามาใกล้เพื่อจุมพิตแก้มเนียน และหญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธเขาเลยสักนิด เมื่อเห็นนางไม่ทักท้วง เหวินอี้จึงโน้มตัวลงมาช้อนอุ้มร่างอรชรขึ้น เพื่อหานางเข้าด้านใน
“พวกเจ้าออกไปเฝ้าไกล ๆ หน่อย” ยกยิ้มใส่คนของตนแล้วก็พาสตรีในอ้อมกอดเข้าเรือนไปหาความสุขด้านใน
“ข้าอิจฉาคุณชายนัก มีสตรีงามมาทอดกายให้ถึงที่เชียว”
“ไม่ใช่แค่งาม แต่นางยังเป็นถึงบุตรสาวท่านโหราจารย์ด้วย”
“จริงหรือ? แล้วเหตุใดนางกล้าทำเรื่องผิดจารีตประเพณี แอบมาหาบุรุษที่ไม่ใช่คู่หมายของตนและยังลักลอบได้เสียกันอีก”
“ถามข้าแล้วข้าจะไปถามใคร ข้าก็รู้มาแค่นี้แหละ”
“ข้านึกว่าเจ้าจะรู้มากกว่านี้เสียอีก” เอ่ยหยันสหายทีเล่นทีจริง อีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มแหยก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีก
“ข้าได้ยินคนในตลาดพูดกัน เห็นว่าบุตรสาวคนรองของท่านราชครูมีนามว่ามู่ตันหยง หากมิใช่นางแล้วจะเป็นใครได้ เจ้าก็ได้ยินคุณชายเรียกนางแล้วนี่” จ้าวเฉิงเอ่ยกับสหาย
“ถึงว่าคุณชายของเราถึงได้ไม่ยอมกลับเมืองหลวงเสียที ที่แท้เขาก็อยากเป็นเขยท่านสกุลมู่นี่เอง” หานเฟยยกยิ้ม
“ไม่มีทางหรอก คุณชายไม่ได้รักนาง และข้าก็ได้ยินมาว่าอีกสามวันนางจะแต่งงานกับฟู่อินโหว คุณชายไม่มีทางได้เป็นเขยท่านโหราจารย์แน่” จ้าวเฉิงยังคงพูดในสิ่งที่ตนได้ยินมา
“จริงหรือ แล้วคุณชายรู้เรื่องนี้หรือไม่”
“รู้สิ มิเช่นนั้นจะนัดแนะนางออกมาหาก่อนวันมงคลหรือ สตรีผู้นี้ก็ช่างกล้านัก ใกล้จะแต่งงานแล้วแท้ ๆ ยังลักลอบออกมาได้เสียกับบุรุษอื่นอีก” จ้าวเฉิงกล่าวแล้วก็คว่ำปากลง
“นั่นสิ หากสกุลมู่รู้คงอับอายขายหน้าแย่” หานเฟยสำทับคำสหาย เมื่อนึกถึงการกระทำของคนด้านใน ทั้งที่เป็นสตรีสูงศักดิ์ กลับทำตัวไม่ต่างจากหญิงคณิกาที่ขาดบุรุษไม่ได้
“เช่นนั้นที่คุณชายทำก็เพื่อเอาคืนคนสกุลฟู่สินะ”
“ก็ใช่น่ะสิ คุณชายตั้งใจจะปล่อยให้พวกเขาแต่งงานกันก่อน แล้วค่อยเปิดโปงทีหลัง” ชายหนุ่มยังคงสาธยายแผนการให้สหายฟัง เพราะอีกฝ่ายพึ่งเดินทางมาสมทบจึงไม่รู้เรื่อง
“ร้ายกาจยิ่งนัก” หานเฟยเอ่ยชมผู้เป็นนาย จากนั้นทั้งคู่ก็นั่งฟังเสียงกระเส่าจากด้านในที่ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ
ช่างชวนให้น่าขนลุกนัก…