Episode 03
พนักงานใหม่
เช้าวันถัดมา
แสงแดดยามเช้าที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบกับเปลือกตาบางของคนตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนรบกวนการพักผ่อนของเธอจนต้องจำใจงัวเงียตื่นขึ้นมา และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง เธอก็รีบดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะแอบย่องเบาเดินไปสอดส่องหาเจ้าของบ้านที่แท้จริง
เธอแอบเดินมาเปิดประตูห้องของธามที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความซุกซนอยากรู้อยากเห็น ทว่ากลับไม่พบสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้องนั้นเลย และนั่นทำให้เธอคิดเอาเองว่าธามคงจะลงไปเตรียมตัวเปิดร้านข้างล่างแล้ว
เมื่อรู้ว่าบนบ้านไม่มีใครคนตัวเล็กจึงบิดขี้เกียจไปมาด้วยท่าทางสบายๆ ประหนึ่งนี่เป็นบ้านของเธอเอง
“เข้าไปทำอะไรในห้องฉันน่ะ” น้ำเสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำเอาร่างบางสะดุ้งตัวโยนรีบหันไปตามต้นเสียงด้วยความตกใจ และก็ยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อภาพตรงหน้าทำเอาเธอเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ
ธามเจ้าของประโยคคำถามเมื่อครู่ยืนมองฟูมิโกะด้วยท่าทีสบายๆ ในสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูพันเอวสอบเอาไว้ลวกๆ เท่านั้น บนร่างกายยังมีหยดน้ำเกาะอยู่บ่งบอกว่าเขาพึ่งเสร็จธุระจากการอาบน้ำมาหมาดๆ
“ฉัน…ฉัน…”
“ตื่นเช้ามาแล้วติดอ่างรึไง”
ฟูมิโกะซ่อนใบหน้าหวานที่แดงแปร๊ดด้วยความประหม่าเอาไว้ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นสรีระผู้ชาย แต่พอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็ทำเอาหัวใจเธอเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งจนไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน”
“นี่บ้านฉัน มานอนหลับบ้านคนอื่นแล้วยังมาว่าเจ้าของบ้านเขาไม่สุภาพอีก ฉันไม่อุ้มเธอออกไปนอนนอกร้านก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“ตื่นมาก็เห่าเลยนะ ตื่นเช้าขนาดนี้ว่างๆ พาหมาในปากนายไปวิ่งเล่นบ้างสิจะได้ไม่ดุมาก” คนตัวเล็กเบะปากคว่ำลงด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะนึกขึ้นได้รีบเดินตรงไปดูบาดแผลของธาม “จริงสิ แผลนายเป็นไงบ้างน้ำไม่โดนแผลเหรอ”
“ไม่โดน ยกแขนไว้ เธอก็ไปอาบน้ำสิหาดูเสื้อผ้าพี่ลินใส่ไปก่อนอยู่ในห้องนั่นแหละ”
“โอเค แล้วแปรงสีฟันมีไหม”
“วางไว้ให้แล้วอยู่ในห้องน้ำ”
“ขอบใจ”
“ฉันทำเพราะจำเป็นไม่ได้ทำเพราะเต็มใจ เพราะงั้นเก็บคำขอบคุณของเธอเอาไว้เถอะ โอ๊ย! โอ๊ย! เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”
ฟูมิโกะที่ทนต่อฝีปากเราะร้ายของชายหนุ่มไม่ไหวเดินปรี่เข้ามาเอามือง้างปากชายหนุ่มด้วยความขัดใจ
“ฉันจะช่วยเอาหมาออกมาจากปากนายให้ไง เลี้ยงเอาไว้กี่ตัวเนี่ยถึงได้กัดไม่ปล่อยแบบนี้” ก่อนที่ธามจะดึงมือเล็กๆ ทั้งสองข้างออกจากปากของเขาได้สำเร็จฟูมิโกะก็ฉวยโอกาสตีปากเขาไปหนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำ
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยตัวแสบ!” ธามมองตามแผ่นหลังบางที่หายเข้าไปในห้องน้ำด้วยความหงุดหงิด แต่กลับไม่ได้โกรธอะไร เพราะดูเหมือนเขาจะทะเลาะกับเธอจนเคยชินไปเสียแล้ว
ระหว่างรอคนตัวเล็กอาบน้ำธามก็จัดเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้เธอบนโต๊ะ ส่วนเขาก็ลงไปเตรียมเปิดร้านข้างล่าง เพราะวันนี้จะมีพนักงานเข้ามาเริ่มงานวันแรกหากทุกอย่างในร้านเข้าที่ เขาจะได้พอมีเวลาว่างไปทำอย่างอื่นบ้าง
อย่างอื่นที่ว่าอาจจะเป็นการพาฟูมิโกะไปทานหมูกระทะอีกครั้งเพื่อชดเชยกับเหตุการณ์เมื่อวานที่ทำให้เธออดกิน
ริมฝีปากบางคาบครัวซองต์ที่ธามเตรียมไว้ให้สำหรับมื้อเช้าเอาไว้ในปาก ส่วนในมือก็ถือแก้วนมติดมือลงมาด้วย เธอมองชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเธอในชุดพนักงานร้านด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะรีบงับครัวซองต์เคี้ยวจนแก้มตุ่ยอยู่ในปาก แล้วใช้มือหยิบส่วนที่เหลือมาถือเอาไว้
“พนักงานใหม่เหรอ” ฟูมิโกะเอ่ยถามธามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำเอาธามกลอกตาขึ้นบนด้วยความหน่ายใจ
“อืม เริ่มงานวันแรก”
“อ๋อ…สะ…หวัด…ดี…ค่า ชื่อ…ฟูมิโกะนะค่า” ฟูมิโกะพยายามทักทายพนักงานใหม่ด้วยภาษาไทยที่รู้อยู่เพียงไม่กี่คำ
“สวัสดีครับผมชื่อโซ่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่า โซ…ซะ…โซ?”
“โซ่ครับ โซ่” โซ่พยายามออกเสียงให้ฟังชัดอีกครั้งเพื่อให้ฟูมิโกะเข้าใจและสามารถพูดตามได้
“ยากจัง ฉันตั้งชื่อให้ใหม่ดีกว่า อืม…โซ…โซตะซัง!” ฟูมิโกะเปล่งเสียงชื่อที่ตัวเองคิดได้ออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม จนโซ่ยิ้มตามออกมาด้วยความเอ็นดู
“เรียกอะไรก็ได้ครับโซตะซังก็ได้”
“โอ๊ะ นายพูดภาษาอังกฤษได้นี่นา” ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจรวมถึงดีใจในคราเดียวกัน ที่จะมีคนที่รู้จักที่นี่ และสามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่อง
“พอได้ครับ”
“แค่นี้ก็เก่งแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะ” ฟูมิโกะยื่นมือไปตรงหน้าโซ่อีกครั้งหมายจับมือทักทายตามมารยาท ทว่ายังไม่ทันที่โซ่จะยื่นมือมาจับมือของเธอได้สำเร็จผ้าเช็ดโต๊ะก็วางลงบนมือเล็กๆ ของเธอ พร้อมกับแย่งของกินในมือเธอไปกินหน้าตาเฉย
“ร้านจะเปิดแล้วไปเช็ดโต๊ะให้หน่อย ส่วนนายเด็กพาร์ตไทม์ตามฉันมาดูว่าเครื่องคิดเงินใช้ยังไง”
“ครับ” โซ่พยักหน้ารับคำพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ฟูมิโกะ ก่อนจะแยกไปเรียนรู้งาน ส่วนฟูมิโกะเองก็เอาแต่ยืนหน้าบูดบึ้งด้วยความขัดใจ แต่ก็ยอมเดินถือผ้าเช็ดโต๊ะไปทำความสะอาดให้แต่โดยดี
ระหว่างที่เช็ดโต๊ะก็ไม่วายเหลือบมองโซ่เป็นระยะ ทั้งสองคนส่งยิ้มให้กันไปมาจนรอยยิ้มบนใบหน้าหวานจางหายไปเมื่อธามเดินมา
“เช็ดโต๊ะก็มองโต๊ะ มองจนท้องแล้วมั้ง”
“มีของเจริญตาให้มองก็ต้องมองนานๆ หน่อยสิ”
“งั้นมองฉันนี่มา” ธามบอกพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวาน
“คนบ้าอะไรจะมานั่งมองอึ” ฟูมิโกะเบะปากพร้อมกับถ้อยคำประชดประชัน ก่อนจะตามด้วยผ้าเช็ดโต๊ะที่ถูลงบนหน้าชายหนุ่มอย่างจัง
“นี่เธอ!”
“นี่เธอ! แบร่~” ฟูมิโกะล้อเลียนคำพูดของธามอย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วเดินไปเช็ดโต๊ะทางอื่นแทน ปล่อยให้ธามยืนมองเธอด้วยสายตาคาดโทษอยู่เพียงลำพัง