ไม่คิดจะบอกกันเลย

1523 Words
ตอนที่ 10 ไม่คิดจะบอกกันเลย “หมอคีย์คะบ่ายนี้หนูขอกลับไปที่บ้านนะคะ จะเอาเงินไปให้แม่ค่ะ” ขวัญนภัสบอกกับคุณหมอเจ้าของบ้านหลังจากเขาโอนเงินเดือนให้เธอในช่วงเช้า “เธอจะค้างกับแม่เลยก็ได้นะ ฉันเองก็จะไม่กลับมาเหมือนกันเจอกันอีกทีก็นู่นแหละเย็นวันอาทิตย์ แล้วเย็นวันอาทิตย์เธอไม่ต้องทำกับข้าวให้ฉันก็ได้นะ ฉันว่าจะกินมาจากข้างนอกเลย” “ได้ค่ะหมอคีย์ หนูไปก่อนนะคะ” หญิงสาวบอกกับหมอคีรินทร์ก่อนจะเดินไปด้านหลังบ้าน “แล้วจะไปทำไมหลังบ้านล่ะเฟิร์นประตูมันอยู่ด้านหน้านะ” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ “หนูจะไปบอกนุ่มนิ่มก่อนค่ะ เดี๋ยวคืนนี้นุ่มนิ่มหาหนูไม่เจอแล้วจะตกใจ” เธอบอกก่อนจะเดินไปด้านหลังบ้านเสียงพูดคุยกับแมวส้มดังแว่วมาทำให้คุณหมอหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ ดูเหมือนตอนนี้แมวส้มจะไม่สนใจเขาอีกเลยตั้งแต่ขวัญนภัสเข้ามาทำงานหญิงสาวคุยกับแมวแล้วก็เดินออกจากบ้านนั่งรถสองแถวที่หน้าปากซอยไปยังบ้านของตนเอง เธอแวะกดเงิน ซื้อของและขนมไปฝากน้องสาวด้วย เมื่อไปถึงหน้าบ้านก็เห็นรถบรรทุกคันใหญ่จอดอยู่พร้อมกับผู้ชายอีกหลายคนกำลังช่วยขนกล่องลังใบใหญ่ขึ้นรถ ขวัญนภัสเห็นมารดาของเธอกำลังชี้นิ้วสั่งคนเหล่านั้นว่าเอาอะไรไว้ตรงไหนบ้างก็รีบเดินเข้าไปถาม “แม่คะนี่จะขนของไปไหนกันคะ” “ยัยเฟิร์น!....” ชุลีพรตกใจที่เห็นลูกสาวเพราะไม่คิดว่าเธอจะกลับมาที่บ้าน “แม่ตกใจอะไรคะ” “ก็แกมาเงียบๆ ” “แล้วแม่จะเอาของไปไหนคะแม่” ขวัญนภัสถามย้ำอีกครั้ง “ลุงเกษมเขาได้ทำงานเป็นผู้จัดการไร่ส้มที่เชียงใหม่น่ะ เขามีบ้านพัก มีสวัสดิการให้พวกเราก็เลยจะย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่” “อะไรนะคะ แม่จะย้ายไปอยู่เชียงใหม่แล้วไม่คิดจะบอกหนูบ้างเหรอคะ” “แกไม่ใช่แม่ฉันนะยัยเฟิร์นที่ฉันจะต้องรายงานแกทุกเรื่อง ฉันจะไปอยู่ไหนจะทำอะไรมันเกี่ยวอะไรกับแกล่ะ” คำพูดของมารดาทำให้หญิงสาวรู้สึกอึ้งเพราะไม่คิดมาก่อนว่ามารดาจะไม่เคยแคร์ความรู้สึกของเธอเลยสักนิด “แต่ก็น่าจะบอกกันบ้างนะคะ” “บอกแกแล้วมันได้อะไรล่ะ หรือว่าแกจะมาช่วยฉันขนของ แต่ไหนๆ ก็มาแล้วแกก็เอาของแกไปเลยนะ ฉันเก็บใส่ถุงกองไว้ให้แก่แล้ว คิดว่าจะโทรบอกให้แกมาเอาเหมือนกันแต่พอดีฉันยุ่งอยู่นะ” “แล้วแม่จะย้ายไปวันไหนคะ” ขวัญนภัสรู้สึกใจหายมากที่มารดาจะย้ายไปอยู่ที่อื่น “พรุ่งนี้พวกเราก็จะเดินทางกันแล้วส่วนของพรุ่งนี้ก็จะให้ล่วงหน้าไปก่อน” “ถ้าวันนี้หนูไม่กลับมาบ้าน หนูก็คงไม่รู้ใช่ไหมคะว่าแม่กำลังจะย้าย” “ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันจะโทรให้แกมาเอาของ อย่าถามอะไรกวนใจมากได้ไหมฉันกำลังยุ่งอยู่นะ แล้วแกกลับมาทำอะไรล่ะหรือเจ้านายเขาไล่ออกแล้ว ถ้าจะกลับมาอยู่บ้านฉันก็เสียใจด้วยนะ บ้านหลังนี้ฉันยกเลิกสัญญาเช่าแล้วถ้าแกอยากจะมาอยู่ที่นี่ก็ต้องทำสัญญาใหม่แล้วก็จ่ายค่าเช่าเอง” ชุลีพรพูดอย่างไม่ใส่ใจ “หนูไม่ได้กลับมาอยู่หรอกค่ะ หนูแค่จะแวะมาดู” “แวะมาดูหรือว่าจะแวะมาขอเงินล่ะ เงินไม่พอใช้ใช่ไหม แต่ฉันไม่มีให้แกหรอกนะ ฉันต้องจ่ายค่ารถขนของต้องจ่ายค่าใช้จ่ายอะไรอีกเยอะแยะ” ชุลีพรพูดตัดบทอย่างไร้เยื่อใย ขวัญนภัสเอามือจับกระเป๋าแน่นจากที่คิดว่าจะมาที่บ้านเอาเงินให้มารดาไว้เป็นค่าใช้จ่ายความคิดก็เปลี่ยนไป ในเมื่อมารดาไม่เคยคิดจะสนใจเธอแล้วทำไมเธอจะต้องสนใจด้วย พวกเขาไม่เห็นเธอเป็นคนในครอบครัวเลยขนาดว่าจะย้ายบ้านทั้งที่ยังไม่มีใครบอกอะไร เธอเดินเข้าไปในบ้านเห็นอริสากำลังนั่งระบายสีอยู่ที่ห้องรับแขกก็รีบเข้าไปหาน้องทันที “พี่เฟิร์นหนูคิดถึงพี่จังค่ะพี่” “ก็คิดถึงอริสนะคะแล้วนี่ทำอะไร” “ระบายสีค่ะ” “ส่งคุณครูเหรอคะ” “หนูคงไม่ได้ส่งแล้วพรุ่งนี้หนูต้องย้ายบ้าน พี่เฟิร์นคะเชียงใหม่มันอยู่ไกลไหมพี่จะไปหาหนูได้ไหม” “เชียงใหม่มันอยู่ไกลมาก พี่ไม่รู้ว่าจะไปหาอริสได้หรือเปล่า” “หนูไม่อยากไปเลยค่ะ หนูต้องย้ายโรงเรียนใหม่” “ใช่จ้ะ แต่ที่นู่นเขาว่าอากาศดีนะอริสอาจจะชอบก็ได้” “พี่เฟิร์นคะถ้าพี่เรียนจบแล้วพี่เฟิร์นไปอยู่กับหนูที่นั่นได้ไหมคะ” อริสาชวนไปตามประสาเด็ก “พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่อริสไปอยู่ที่โน่นเป็นเด็กดีนะ จำเบอร์โทรพี่ได้ใช่ไหม ถ้าคิดถึงพี่ก็โทรหาพี่ตกลงไหมล่ะ” “ค่ะพี่เฟิร์น” “อริสแบมือมาสิพี่มีอะไรจะให้” “อะไรคะ” เด็กสาวแบมือออกอย่างว่าง่าย ขวัญนภัสหยิบตุ๊กตาตัวเล็กที่เพิ่งซื้อมาวางบนมือน้องสาว “น่ารักจังเลยค่ะพี่เฟิร์น” อริสายิ้มด้วยความชอบใจ “น่ารักเหมือนอริสเลยนะ พี่เห็นปุ๊บก็นึกถึงอริสก็เลยซื้อมาฝาก” “ขอบคุณค่ะ หนูชอบมากๆ เลยแบบนี้เวลาหนูคิดถึงพี่เฟิร์นหนูก็จะกอดตุ๊กตาตัวนี้” “การไปเชียงใหม่ครั้งนี้มันอาจจะทำให้เราไม่ได้เจอกันแต่ยังไงเราก็ยังเป็นพี่น้องกันเวลาคิดถึงพี่ก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะ พี่มีอะไรจะให้อริสอีกอย่างหนึ่ง แต่อริสสัญญานะว่าจะไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้” “อะไรคะพี่เฟิร์น” หญิงสาวหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าจำนวนห้าพันวางบนมือน้องสาว “โอ้โห.....เยอะมากเลยนะพี่เฟิร์น แบบนี้หนูซื้อขนมกินได้ตั้งหลายปีแน่ๆ” “มันไม่ได้เยอะมากมายหรอกนะ แต่พี่อยากให้อริสเก็บไว้ซ่อนไว้ดีๆ เอาไว้ซื้อของที่จำเป็น” “ของที่จำเป็นคืออะไรคะหนูซื้อตุ๊กตาได้ไหม” “หนูเอาไปซื้อตุ๊กตาได้แต่ไม่ใช่ซื้อทุกวัน ซื้อในโอกาสพิเศษเช่นหนูสอบได้ที่หนึ่งอยากให้รางวัลกับตัวเองหรืออาจจะเป็นช่วงปีใหม่ที่อยากได้ของสักชิ้นเข้าใจไหม” “เข้าใจค่ะ แล้วของที่จำเป็นที่พี่เฟิร์นพูดมันคืออะไรคะ” อริสาถามอย่างไม่เข้าใจ ด้วยวัยเพียงสิบขวบอริสาจึงไม่เข้าใจในทุกเรื่องเหมือนผู้ใหญ่ “ก็เช่นคุณครูสั่งให้ซื้อสี สั่งให้ซื้อดินสอปากกาหรือสมุดที่ใช้เรียนของหนูหมดแล้วหนูไม่อยากขอเงินแม่หนูก็ใช้เงินตรงนี้ซื้อ แต่หนูต้องเก็บเงินตรงนี้ไว้ดีๆ นะอย่าให้แม่และพ่อรู้พวกเขาจะเอาเงินของหนูไปเข้าใจใช่ไหม” “เข้าใจค่ะ ครั้งก่อนกระปุกออมสินที่หนูยอดไว้แม่ก็แคะเอาออกไปหมดเลย” เธอบอกด้วยความเสียดาย “พี่ถึงบอกให้อริสเก็บไว้ดีๆ ไงล่ะหนูเห็นตุ๊กตาตัวนี้ไหมมันมีซิปเล็กๆ ซ่อนอยู่หนูเอาเงินใส่ไว้ตรงนี้ก็ได้นะ” “จริงด้วยค่ะหนูจะซ่อนมันไว้ตรงนี้แล้วจะกอดมันนอนทุกคืนเลย พี่เฟิร์นคะแม่บอกว่าถ้าหนูขึ้น ป. 6 แม่จะซื้อโทรศัพท์ให้หนูด้วยค่ะ หนูจะได้โทรหาพี่บ่อยๆ ไม่ต้องยืมโทรศัพท์แม่” ที่ผ่านมาเวลาคิดถึงพี่สาวอริสามักจะแอบเอาโทรศัพท์ของมารดามาโทรหาพี่สาวแล้วก็จะถูกดุหนูเสมอ “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีเลยนะเราจะได้คุยกันบ่อยๆ เอาล่ะวันนี้พี่คงต้องไปก่อน อริสดูแลตัวเองนะพี่รักหนูนะ” ขวัญนภัสกอดน้องสาวแน่นพยายามจะไม่ร้องไห้เพราะกลัวว่าน้องจะร้องตาม “หนูก็รักพี่เฟิร์นคะ หนูอยากให้พี่เฟิร์นไปกับพวกเราด้วย” “พี่มีหน้าที่ต้องทำนะ อริสก็เหมือนกันหนูต้องเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนนะ” “ค่ะพี่เฟิร์น” แล้วสองพี่น้องยืนกอดกันร้องไห้ อริสาไม่อยากจากพี่สาวไปเลยส่วนขวัญนภัสก็ไม่ให้น้องสาวย้ายไปอยู่ที่อื่นแต่ก็รู้ว่าไม่สามารถห้ามหรือทำอะไรได้เลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD