ใครจะเรียกเจ้าเควิน

1405 Words
สิ่งที่นางจับใจความได้มีเพียงนางต้องทำฟาร์มอีกครั้งและต้องผ่านด่านทั้งหมดห้าสิบด่านนางถึงจะได้ตำแหน่งราชินีปลูกผักไปครอง แต่ละด่านที่ผ่านจะมีสิ่งของมอบให้นางเป็นรางวัลตอบแทนที่สามารถนำออกมาใช้ในภพนี้ได้ ความยากของแตะละด่านก็เหมือนเกมที่นางเคยเล่น ด่านสูงย่อมไม่อาจผ่านไปได้ง่ายๆ “ท่านมีเรื่องสงสัยไหม” “เอ่อ...แล้วข้าจะเข้าเกมได้ยังไง” นางไม่รู้ว่าจะเข้าไปในเกมด้วยวิธีไหน ไม่เห็นจะมีหน้าจอขึ้นมาให้นางได้เห็น “แบบนี้ไง” หรันเยี่ยถูกดึงเข้าไปที่ใดนางก็ไม่อาจทราบได้ แต่ตอนนี้ตรงหน้าของนางเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เหมือนนางเข้ามาอยู่ในเกมที่เคยเล่น โดยจะต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยตัวเองอีกครั้ง “โห...” นางยกมือขึ้นมาปิดปาก ดวงตาเปล่งประกายอย่างยินดี “สวัสดี คุณหรันเยี่ย” เสียงเด็กน้อยดังขึ้นด้านหลังของนาง “ไหน อยู่ไหน” หรันเยี่ยมองไปรอบๆ เพื่อหาตัวคนพูด แต่นางก็ยังไม่เห็นว่าจะมีผู้ใด นอกจากตัวนาง และ... “อยู่นี่!!!” เสียงตะโกนออกมาจากปากเล็กๆ ของลูกหมาตรงหน้าของหรันเยี่ย “เฮ้ยยย เป็นหมารึเนี่ย” นางกระโดดถอยหลังออกไปหลายก้าวอย่างตกใจ “ก็แค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น” จะให้มันเลือกเป็นตัวอะไรได้ นอกจากลูกสุนัข ในเกมมีเพียงสุนัขกับแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยง จะให้เป็นแมวก็ดูจะน่ารักมากเกินไป เลือกลูกหมาป่าดีแล้ว โตขึ้นมันก็จะกลายเป็นหมาป่าตัวใหญ่ที่ดุดัน “เจ้าเป็นผู้ดูแลที่นี่รึ” หรันเยี่ยเดินเข้าไปนั่งย่องๆ ข้างๆ เจ้าหมาน้อย “จะว่าแบบนั้นก็ได้” “แล้วข้าต้องทำเช่นไรบ้าง เอ่อ แล้วเจ้ามีนามว่าอันใด” “พูดกับผมปกติก็ได้” มันปรายตามองหรันเยี่ยอย่างหมั่นไส้ “ไม่ได้ ไม่ได้ ประเดี๋ยวข้าสับสน เจ้าก็ควรเป็นคำพูดเสีย” หากนางยังพูดเหมือนในภพก่อน กลัวว่าหากสื่อสารกับคนในครอบครัวจะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาได้ “ก็ได้ อะแฮ่ม...ข้าเควินขอรับ” “เหอะ มาเควินอันใด เสี่ยวไป๋ ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวไป๋” หรันเยี่ยเท้าสะเอวมองมัน “แล้วจะมาถามชื่อข้าทำไม” มันตะโกนประท้วงออกมาอย่างไม่ยอม “เอาเถิด แล้วข้าจะต้องทำสิ่งใดบ้าง” “ด่านแรกของท่านคือ ต้องพลิกฟื้นผืนแผ่นดิน โดยมีของรางวัลเป็นยารักษาอาการป่วยของท่านกับบิดาของท่าน” “อืม ก็คงไม่อยาก” ด่านนี้นางก็เคยเล่นมาแล้ว คงแค่ใช้นิ้วแตะๆ แล้วเลื่อนเอามาวางก็คงจะสิ้นเรื่อง แต่สิ่งที่ทำให้หรันเยี่ยเกือบจะต้องกรีดร้องออกมา ก็คือ เสี่ยวไป๋ส่งจอบมาให้ตรงหน้าของนาง แทนกล่องเครื่องมือที่ควรจะมีแปลงผักและพันธุ์ผักให้นางเลือกปลูก “หะ ให้ข้าขุดดินรึ” นางร้องออกมาเสียงดัง “ใช่ขอรับ เริ่มได้แล้ว หากท่านหายเข้ามานานเกินไปครอบครัวใหม่ของท่านจะสงสัยเอาได้” เสี่ยวไป๋ เดินส่ายก้นไปนั่งรอที่อีกมุมอย่างสบายใจ ปล่อยให้หรันเยี่ยมองจอบที่อยู่พื้นดินอย่างสิ้นหวังแทน หรันเยี่ยนางจะทำอันใดได้ นอกจากจับจอบขึ้นมาแล้วลงมือขุดดินทำให้เป็นแปลงผักอย่างที่เคยเห็นในเกม “โอ๊ะ ก็ไม่ได้ยาก” ดินไม่ได้แข็งอย่างที่นางกังวล เพียงแค่ขุดลงไปเบาๆ นางก็สามารถปรับหน้าดินได้แล้ว หรันเยี่ยนางจึงเร่งมือให้เสร็จเร็วขึ้น เพียงไม่นานแปลงแรกก็เสร็จลง แปลงขนาดกว้างหนึ่งจั้ง ยาวสามจั้ง (1จั้ง=3.33เมตร) ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป (1ก้านธูป=30นาที) เท่านั้น “ท่านขุดแปลงเดียวก่อน นี่เมล็ดข้าว ท่านรีบหว่านเสีย ข้าจะได้ส่งท่านออกไป” เสี่ยวไป๋คาบถุงเมล็ดข้าวมาให้หรันเยี่ยนางที่ข้างแปลง นางก็ทำตามอย่างว่าง่าย หรันเยี่ยกำลังมองหาแหล่งน้ำที่จะต้องนำมารด แต่เสี่ยวไป๋โบกมือเพียงครั้งเดียว แปลงที่มีเมล็ดข้าวอยู่เต็มก็ชุ่มชื่นขึ้นมาทันที “ว้าว นับว่าไม่เสียแรงที่มีผู้ช่วยดี” หรันเยี่ยยกนิ้วโป้งให้เสี่ยวไป๋ “ท่านออกไปก่อนเถิด กลางคืน เมื่อครอบครัวของท่านหลับแล้ว ท่านค่อยเข้ามาขุดแปลงเพิ่ม” “ยังจะต้องขุดอีกรึ” นางเบ้ปากออกมา “หรือท่านจะให้ข้าที่เป็นผู้ดูแลระบบทำเล่า” มันปรายตามองหรันเยี่ยอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเรียกยาสองขวดออกมาจากช่องว่างมอบให้นาง “นี่ ยาของท่านกับบิดาของท่าน” “ขอบใจเจ้ามาก เฮ้ย...” หรันเยี่ยหันไปมองที่แปลงปลูกข้าว ก่อนจะออกไปด้านนอก ก็เห็นว่าที่แปลงเริ่มมีต้นอ่อนเกิดขึ้นมาแล้ว “ตกใจอันใด เกมที่ท่านเล่นก็ปลูกข้าวได้เร็วเช่นนี้มิใช่รึ” เสี่ยวไป๋กลอกตามองบน “ก็จริง” แต่พอมาเล่นด้วยตาตนเองเช่นนี้ นางก็อดที่จะตกตะลึงมิได้ “แล้วข้านำข้าวออกไปด้านนอกได้หรือไม่” นางมองเสี่ยวไป๋อย่างคาดหวัง “ย่อมได้ ท่านจะขายเข้าระบบเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินก็ได้” “ดียิ่ง ข้าจะรวยแล้ว” นางร้องออกมาอย่างดีใจ เสี่ยวไป๋โบกเท้าหน้าของมันอย่างรำคาญ เพื่อส่งหรันเยี่ยนางกลับออกไปด้านนอก พอนางรู้ตัวอีกครั้ง ก็กลับมาโผล่ที่เตียงนอนเช่นเดิมแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่นางหู่เหมยเดินเข้ามาในห้อง เพื่อดูบุตรสาวของนาง “ยะ เยี่ยเออร์ จะ เจ้า...ฟื้นแล้ว” นางหู่เหมยวิ่งเข้ามาสวมกอด ลูบหน้าลูบหลังบุตรสาวไว้ตลอด “ทะ ท่านแม่” นางเอ่ยเรียกอย่างเก้อเขิน ด้วยไม่รู้จะทำเช่นไร จึงยัดขวดยาที่อยู่ในมือที่เป็นของจางซ่งให้นางหู่เหมยไป “นี่คืออันใด” นางมองขวดกระเบื้องในมืออย่างสงสัย “ยาให้ ทะ ท่าน...ท่านพ่อเจ้าค่ะ” นางยังเอ่ยเรียกพวกเขาได้ไม่เต็มปากนัก “ยา เจ้าเอามาจากที่ใด” บุตรสาวของนางเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา นางยังมิได้ก้าวเท้าออกไปจากห้องเลยจะมียามาจากที่ใดได้ “เรื่องนี้ท่านยังไม่ต้องรู้เจ้าค่ะ นำไปให้ท่านพ่อก่อนเถิด เอ่อ รบกวนท่านช่วยเก็บเป็นความลับด้วยเจ้าค่ะ ทางที่ดีให้รู้เพียงแค่คนในครอบครัวก็พอ” นางกลัวว่าหากคนนอกรู้เรื่องจะเกิดปัญหาตามมาไม่สิ้นสุด “ดะ ได้ เจ้ารอแม่ประเดี๋ยว แม่จะรีบนำยาไปให้พ่อเจ้า” นางหู่เหมยไม่มีความคิดที่ละเอียดอ่อนมากนัก นางมองข้ามเรื่องที่มาของยาไปทันที เมื่อหรันเยี่ยนางพูด นางหวังว่ายาที่อยู่ในมือของนางจะช่วยรักษาอาการของสามีนางได้ นางหู่เหมยรีบเข้าไปหาจางซ่งที่นอนอยู่บนเตียง เขากำลังนอนมองเพดานห้องอย่างเลื่อนลอย ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ไม่อาจตั้งตัวได้ทัน ทั้งตอนนี้เขาก็กลายเป็นคนไร้ค่าที่ต้องนอนอยู่บนที่นอนโดยช่วยเหลืออันใดภรรยาและบุตรไม่ได้เลย “ท่านพี่” เสียงเรียกของหู่เหมย เรียกสติของจางซ่งให้กลับเข้าที่เดิม “มีเรื่องอันใดรึ” เมื่อเห็นใบหน้าของภรรยาที่เก็บความยินดีไว้ไม่มิดทำให้เขาเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย “ยาเจ้าค่ะ ท่านรีบดื่มเร็วเข้า” “ยาอันใด เจ้าเอามาจากที่ใด” เขามองขวดยาตรงหน้าอย่างสงสัย นางเพิ่งจะเดินออกจากห้องเขาไปเพียงครู่เดียว เพื่อดูบุตรสาว แล้วจะเอาเวลาที่ใดไปหาซื้อยามาได้รวดเร็วเพียงนี้ “ท่านกินเข้าไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะบอกกล่าวท่าน” นางกลัวว่าหากบอกว่านำมาจากหรันเยี่ย จางซ่งจะต้องเอ่ยถามเพิ่มเติมจนไม่ยอมดื่มยาอย่างแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD