หยกพกมันแพะ

1433 Words
เรือนหลังใหม่ของครอบครัวจางซ่ง อยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน จางฉงได้สร้างที่นี่ทิ้งไว้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โฉนดบ้านก็ถูกฝากไว้ที่ผู้นำหมู่บ้านเช่นกัน ในตอนแรกผู้นำหมู่บ้านยังสงสัยว่าจางฉงจะสร้างที่นี่ไว้เพื่ออันใด มาวันนี้เขาจึงได้เข้าใจเรื่องทั้งหมดเสียที เรือนหลังนี้มีสามห้องนอน เพียงทำความสะอาดเล็กน้อยก็เข้าอยู่ได้แล้ว ชาวบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจางซ่งและนางหู่เหมยต่างก็ช่วยกันคนละไม้ละมือเข้าเก็บกวาดภายในเรือน เพื่อนำคนเจ็บทั้งสองคนเข้าไปพักในห้องเสียก่อน ด้านนอกเรือนบุรุษที่ติดตามมาด้วยต่างก็ช่วยกันถางหญ้าที่รกชัฏออก ผู้นำหมู่บ้านกลับไปที่เรือน เพื่อนำของทั้งหมดที่จางฉงฝากเขาไว้มาให้จางซ่ง “นี่คือของที่จางฉงฝากข้าไว้เพื่อมอบให้เจ้า เขาคงรู้ว่าต่อไปจะเกิดเรื่องเช่นนี้” ผู้นำหมู่บ้านถอนหายใจออกมา เขาคิดถึงสหายของตนที่ด่วนตายจากไปเสียก่อน หากจางฉงยังอยู่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ ความลับเรื่องจางซ่งมิใช่บุตรชายตระกูลจางก็คงถูกซ่อนไว้เช่นเดิม “ขอบคุณท่านลุงหมานมากขอรับ” จางซ่งยื่นมือที่สั่นเทาไปรับห่อผ้ามาจากท่านผู้นำหมู่บ้าน อย่างไรเขาก็ต้องขอบคุณจางฉงที่ยอมรับเลี้ยงเขาไว้จนเติบโต หากไม่รับเขาไว้ไม่รู้ว่าเขาจะมีชีวิตรอดมาได้หรือไม่ แม้จะไม่รู้ว่าครอบครัวเดิมของตนเป็นผู้ใด แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องดีที่เด็กทารกผู้หนึ่งจะถูกส่งตัวออกมาให้ครอบครัวอื่นที่ไม่รู้จักเลี้ยงดู จางซ่งหยิบหยกพกที่อยู่ในห่อผ้าขึ้นมามองด้วยความสนใจ ในตอนแรกเขายังแปลกใจว่าเหตุใดจางฉงยังไม่เก็บหยกนี้ไว้ที่เรือน มายามนี้เขาพอจะเข้าใจแล้ว หากนางถิงซื่อรู้เรื่องหยกเนื้องามเช่นนี้นางคงจะยึดเป็นของตนหรือไม่ก็ขายแลกเงินไปแล้ว หยกพกเนื้อดีสีขาวมันแพะสลักอักษรอยู่ตรงกลางอย่างสวยงาม แต่เขาที่ไม่ได้เล่าเรียนเช่นน้องรอง ย่อมอ่านไม่ออกว่าสลักไว้เช่นใด “ท่านรู้หรือไม่ว่าสลักเช่นไร” จางซ่งยื่นไปให้ผู้นำหมู่บ้านหมานได้ดู “จ้าว คงเป็นแซ่ของครอบครัวเจ้า” เพียงแต่คนแซ่จ้าวในแคว้นต้าฉีมีไม่น้อย หากคิดจะตามหาครอบครัวของจางซ่งคงจะยากนัก “เช่นนั้นรบกวนท่านลุงหมานเปลี่ยนแซ่ของข้าเป็นแซ่จ้าวด้วยเถิดขอรับ” เพราะตอนนี้เขามิใช่คนตระกูลจางอีกต่อไป จะเป็นการดีเสียกว่าหากเปลี่ยนไปใช้แซ่อื่นเลย “ได้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าเอง” “ขอบคุณท่านมากขอรับ ที่ช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด” จางซ่งมองผู้นำหมู่บ้านอย่างซาบซึ้งใจ บุตรชายของท่านผู้นำหมู่บ้านหมาน หมานต้าซวงก็เป็นสหายของเขา ทั้งสองมักจะขึ้นเขาล่าสัตว์ด้วยกันบ่อยครั้ง ในวันนี้เขาก็มาช่วยย้ายตัวจางซ่งมาที่เรือนหลังใหม่ และตอนนี้ยังจัดการเก็บกวาดเรือนด้านนอกให้เขาอีกด้วย “จะเป็นอันใดไป อย่างไรเจ้าก็เหมือนบุตรชายของข้าอีกคน เจ้าพักเสียเถิด เรื่องอื่นมิต้องเป็นห่วง รีบรักษาตัวให้ดี ยังต้องเลี้ยงดูภรรยาและบุตรต่อไป” “ขอรับ ข้าหายดีเมื่อใด ย่อมต้องหาทางตอบแทนท่านลุงและชาวบ้านอย่างแน่นอน” “เรื่องนี้เอาไว้ที่หลัง รักษาตัวให้ดีเสียก่อน บุตรสาวของเจ้าอาการนางก็ยังมิค่อยสู้ดีนัก” ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่ผู้นำหมู่บ้านจะออกจากเรือนของจางซ่งไป นางหู่เหมยเมื่อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บุตรสาวแล้ว นางก็เดินเข้ามาดูสามีของนางที่อยู่ในห้องทันที “เยี่ยเออร์ นางเป็นเช่นใดบ้าง” จางซ่งเอ่ยถามถึงบุตรสาวของตนทันที “ยังมิฟื้นเลยเจ้าค่ะท่านพี่” นางหู่เหมยนางเริ่มร่ำไห้ออกมาอีกครั้งแล้ว “ท่านลุงหมานนำเงินที่ท่านพ่อเก็บไว้ให้ข้ามาให้ เจ้าพานางไปหาหมอในเมืองเถิด” จางซ่งดันห่อผ้าที่อยู่ข้างตัวไปให้นางหู่เหมย พอนางเปิดดูก็ต้องตกตะลึงไม่น้อย ด้านในมีเงินอยู่ห้าสิบตำลึงเงิน หนังสือรับรองที่ทำกินอีกสิบหมู่ ทั้งยังมีหนังสือรับรองเรือนหลังนี้อีกด้วย “มากเพียงนี้เลยรึท่านพี่” นางมองจางซ่งอย่างตกตะลึง “อืม คนที่พาข้ามาส่งให้ครอบครัวจางเลี้ยงคงมอบเงินให้พวกเขาไม่น้อย” เรื่องนี้จางซ่งก็ไม่รู้ว่านางถิงซื่อได้เงินไปมากเพียงใด แต่ดูจากที่จางฉงเตรียมการไว้ให้เขามากเพียงนี้ นับว่าต้องได้มาไม่น้อยอย่างแน่นอน “แล้วนั่น หยกอันใดเจ้าคะ” นางหู่เหมยมองหยกพกที่อยู่ในมือของจางซ่งอย่างสงสัย เขาจึงส่งหยกพกให้นางได้ดู “หยกนี้ ติดตัวข้ามาด้วย ท่านลุงหมานบอกว่าสลักเพียงอักษรจ้าว คงเป็นแซ่ของครอบครัวข้า” เมื่อเอ่ยเรื่องครอบครัวของตน จางซ่งยังมีแววตาที่สับสนอยู่ไม่น้อย “ท่านคิดจะตามหาครอบครัวที่แท้จริงของท่านหรือไม่” “ไม่ ตระกูลจ้าวมีไม่น้อยในแคว้นต้าฉี หากครอบครัวของข้ายังคิดจะออกตามหาข้า คงไม่ปล่อยเวลามาเนิ่นนานเพียงนี้” เขาไม่คิดจะออกตามหาแล้ว ด้วยไม่อยากรู้แล้วว่าผู้ให้กำเนิดเป็นผู้ใด หากบิดามารดาที่แท้จริงต้องการตัวเขา คงไม่ยกให้ผู้อื่นง่ายเช่นนี้ หรือหากเกิดเรื่องอย่างไรก็ต้องออกตามหาเขานานแล้ว “ข้าแล้วแต่ท่านพี่เจ้าค่ะ” นางหู่เหมยไม่มีความคิดเป็นอื่น สามีของนางว่าเช่นไรนางก็ว่าเช่นนั้น “เจ้าไปดูบุตรเถิด เฉิงเออร์กับหรงเออร์คงตกใจไม่น้อย” บุตรชายฝาแฝดของเขาอายุแปดหนาว เรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่สาวและบิดาคงทำให้ทั้งสองตกใจกลัวไม่น้อย ยามนี้เด็กแฝดทั้งสอง ต่างช่วยกันเก็บกวาดถูเรือนอย่างแข็งขัน เพราะผู้เป็นพี่สาวมิอาจทำงานได้ พวกเขาที่เป็นเด็กรู้ความยังลงมือทำงานแทนนางไปก่อน หรันเยี่ยในยามนี้นางลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว กำลังนอนมองสำรวจรอบๆ ห้องที่นางนอนอยู่ บ้านหลังนี้แม้จะสร้างขึ้นมาใหม่ แต่เพราะไม่มีคนอยู่อาศัยมานับสิบกว่าปีจึงดูทรุดโทรมลงไปไม่น้อย ตัวนางที่อยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว เนื้อตัวก็ผอมแห้งจากการขาดสารอาหาร ไหนจะแผลที่อยู่ตามเนื้อตัวก็มีไม่น้อย จึงมิอาจจะลุกขึ้นนั่งหรือเดินออกไปด้านนอกได้ “ตี๊ด ตี๊ด ระบบกำลังประมวลผล กำลังโหลดข้อมูลของผู้เข้าเล่นเกม” เสียงดังขึ้นภายในหัวของหรันเยี่ย นางเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่ใช่เสียงเกมปลูกผักที่นางเล่นค้างไว้หรอกรึ หรันเยี่ยมองไปรอบๆ ตัวอย่างมึนงง นางไม่มีโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ที่จะใช้เล่นเกม แล้วเสียงที่ได้ยินมาจากที่ใด “แจ้งชื่อของท่านด้วย” เสียงยังคงดังขึ้นในหัวของหรันเยี่ยไม่หาย “กรุณาแจ้งชื่อของท่าน” “ระ หรัน...เยี่ย” นางเอ่ยเสียงที่แหบพร่าออกมา “กำลังโหลดข้อมูล กรุณารอสักครู่” หรันเยี่ยเม้มปากแน่นอย่างไม่เข้าใจ ในดูจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหากจะบอกว่าเกมปลูกผักติดตามนางมาด้วยในภพนี้ เรื่องที่วิญญาณของนางทะลุมิติมาอยู่ที่ภพนี้นางก็แทบจะทำใจเชื่อไม่ลงแล้ว ยังจะมีเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร “เกมปลูกผัก เพื่อเอาตัวรอดในยุคโบราณถูกติดตั้งแล้ว คุณหรันเยี่ย จะต้องจัดการฟาร์มให้ได้ถึงด่านที่ห้าสิบจึงจะได้เป็นราชินีแห่งเกมปลูกผัก” เสียงระบบยังคงแจ้งรายละเอียดของเกมต่อไป แต่หรันเยี่ยนางดูเหมือนจะหูดับไปเสียแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD