1.มีแฟนแบบนี้อย่ามีเลย

2988 Words
สาวสวยหุ่นอวบอัดกำลังนั่งอยู่ในโชว์รูมเต้นท์รถซื้อขายรถมือสองด้วยสีหน้าคิดหนัก เพราะหลังจากที่พ่อของเธอประสบอุบัติเหตุเมื่อสองเดือนก่อนก็ได้รับการผ่าตัดที่ขา และตอนนี้หมอก็มาตรวจเจอเนื้องอกที่สมองอีก ทำให้ต้องรีบรับการรักษา เธอจึงกลายเป็นคนเดียวในบ้านที่หาเงิน ซึ่งมันก็ไม่เพียงพอต่อครอบครัวของเธอในขณะนี้ “สวัสดีค่ะคุณแม่...พี่เอ็มอยู่ไหมคะ พอดีมะลิโทรหาพี่เอ็มเขาแล้วเขาไม่รับสายน่ะค่ะ” มะลิเห็นแม่ของแฟนหนุ่มเดินมาก็รีบลุกขึ้นแล้วเอ่ยถามไป “ลูกชายฉันไม่รับสาย เธอก็ดั้นด้นมาหาเขาถึงที่เลยเหรอ...” ยุพินมองเด็กสาวแล้วเอ่ยพูดด้วยเสียงและสีหน้าไม่ชอบใจ เพราะเธอไม่ชอบแฟนของลูกชายคนนี้เลย บ้านก็จนไม่มีอะไรคู่ควรหรือเหมาะสมกับลูกชายเธอเลยสักนิด “มะลิมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่เอ็มเขาน่ะค่ะคุณแม่...พี่เอ็มเขาอยู่ไหมคะ” มารีลินก็อธิบายไป เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากจะมาที่นี่หรอกถ้าไม่จำเป็นจริงๆน่ะ “อยู่...แต่ตอนนี้ลูกชายฉันติดธุระกับลูกค้าอยู่ คงไม่สะดวกที่จะคุยกับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อนไป เดี๋ยวฉันบอกให้ลูกชายฉันโทรหาเธอก็แล้วกัน” ยุพินบอกไปด้วยเสียงเรียบ “อ่อ ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ เดี๋ยวมะลิรอเจอพี่เอ็มที่นี่แหละค่ะ” มารีลินได้ยินแบบนั้นก็เลือกที่จะรอ เพราะเธอมีเรื่องด่วนจะคุยกับเขา “อยากจะรอก็แล้วแต่เธอก็แล้วกัน...ไปนั่งรอตรงห้องรับแขกไป อย่ามาเกะกะตรงนี้เข้าใจไหม...” ยุพินพูดบอกไป “ค่ะคุณแม่...” มารีลินก็ตอบรับไปแบบเข้าใจ เธอรู้ว่าแม่ของแฟนหนุ่มไม่ได้ชอบเธอ เธอถึงได้พยายามเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอเมื่อเจอแม่ของแฟน “เข้าใจก็ดี...” ยุพินมองเด็กสาวแบบหงุดหงิดใจก็พูดไป จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปด้านในห้องสำนักงานทันที ส่วนมารีลินก็เดินไปทางห้องรับแขกของเต้นท์รถแล้วเธอก็นั่งรอเพื่อจะเจอกับอินทัชแฟนของเธอแบบเงียบๆ เพราะวันนี้เธอมีเรื่องด่วนที่จะต้องคุยกับเขาจริงๆ มารีลินก็มองนาฬิกาอย่างร้อนใจเลย “คุณนายจะให้ฝนบอกคุณเอ็มไหมคะว่าคุณมะลิเขามาขอพบ” ฝนผู้จัดการเต้นท์รถถามไป เพราะแฟนของเจ้านายมานั่งรอนานแล้ว “ยังก่อน ปล่อยให้แม่นี่รอไปแบบนั้นแหละ ลูกชายฉันออกจากห้องทำงานมาเมื่อไหร่ ก็ให้แม่นี่เจอเมื่อนั้นแหละ” ยุพินพูดบอกไปแบบแกล้งๆ “แต่นี่ก็บ่ายโมงแล้วนะคะคุณนาย ถ้าคุณเอ็มจะออกมาจากห้องทำงานก็คงจะสี่ห้าโมงนู้นมั้งคะ..วันนี้มีประชุมโทรทางไกลดิลซื้อรถเข้ามาด้วย...แบบนี้คุณมะลิเขาก็รอนานเลยสิคะ” ฝนพูดบอกไป เพราะกว่าเจ้านายจะออกมาก็นานเลย “ก็ช่างสิ ใครบอกให้แม่นี่มาเสนอหน้าที่นี่เองล่ะ...ฉันไม่ชอบเธอก็รู้ เพราะฉะนั้นอย่าบอกลูกชายฉันว่าแม่นี่มาหา เข้าใจไหม” ยุพินบอกไป “เข้าใจค่ะคุณนาย...” ฝนตอบรับไปแบบเข้าใจ แล้วก็ทำหน้ายิ้มแห้งๆออกมา เพราะเธอรู้ว่าคุณนายไม่ชอบแฟนของลูกชาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำถึงขนาดนี้ น่าสงสารมะลิจริงๆ “อืม...เฝ้าดูแม่นี่เอาไว้ล่ะ อย่าให้มาก่อกวน ฉันจะออกไปทำผมก่อน” ยุพินพูดจบก็เดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินออกไปทันที “คุณนายนี่เป็นแม่ผัวใจร้ายของจริงเลยนะพี่...น่าสงสารน้องมะลิจริงๆที่มาเจอแม่ผัวแบบนี้น่ะ...” เกตุพนักงานอีกคนที่นั่งอยู่พูดไปเมื่อคุณนายเดินออกไปแล้ว “แกนี่ก็รีบพูดจริงๆยัยเกตุ คุณนายมาได้ยินเข้าเดี๋ยวก็โดนไล่ออกกันหมดหรอก...อย่าไปยุ่งเรื่องของเจ้านายเขา” ฝนพูดไปแบบเตือนๆ เพราะคุณนายพึ่งจะเดินออกไปเอง “ก็เกตุสงสารน้องเขานิพี่ น้องมะลิเขาออกจะน่ารัก แต่แม่คุณเอ็มกลับไม่น่ารักกับน้องเขาเลย...นี่พี่จะทำตามที่คุณนายบอกจริงๆเหรอ กว่าคุณเอ็มจะออกมานี่เย็นเลยนะ พี่จะให้น้องเขารอแบบนั้นน่ะนะ ใจร้ายไปแล้วมั้ง” เกตุพูดไปแบบอดไม่ได้ “ฉันก็ไม่ได้จะใจร้ายแบบคุณนายไหมยะ...เดี๋ยวฉันจะบอกคุณเอ็มเขาละกันว่าน้องมะลิมาหา...แกทำงานของแกไปเลยยัยเกตุ ดูคุณนายให้พี่ด้วยล่ะ เผื่อกลับมา เดี๋ยวจะซวย” ฝนพูดบอกไป เพราะเธอก็ไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก ยังไงเธอกับมารีลินก็คนบ้านเดียวกัน ตอนนี้ได้ข่าวว่าพ่อนอนโรงพยาบาลอยู่ด้วย ไม่รู้จะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า “โอเคค่ะพี่ รีบไปบอกคุณเอ็มเถอะค่ะ น้องเขารอนานแล้ว” เกตุพูดไปด้วยรอยยิ้ม “อืม...” ฝนพยักหน้าแล้วเธอก็เดินเข้าไปด้านในเพราะห้องผู้บริหารอยู่ใน แล้วเคาะประตูห้องทำงานของอินทัช “คุณอินทัชคะ น้องมะลิมาหาค่ะ จะให้มาพบในห้องไหมคะ” ฝนบอกเจ้านายไป “อ่อ มะลิมาเหรอ...ให้เข้ามาในห้องทำงานผมเลย ผมว่างอยู่พอดี ” อินทัชได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะรีบบอกไปทันที “ค่ะ เดี๋ยวฝนบอกให้นะคะ” ฝนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วเธอก็เดินออกไปจากห้องทำงานของอินทัช ด้านมารีลินก็นั่งรออินทัชด้วยสีหน้าเหม่อลอย เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยแล้วก็รู้สึกเครียดกับชีวิตของเธอในตอนนี้มากๆ เพราะปัญหาทุกอย่างมันรุมเร้าเธอไปหมด “น้องมะลิ คุณอินทัชเขาเรียกให้ไปหาที่ห้องน่ะ ตามพี่มา” ฝนเดินมายืนที่ประตูแล้วเรียกมารีลินไป “ค่ะพี่ฝน...พี่เอ็มเขาว่างแล้วเหรอคะ เมื่อกี้แม่เขาบอกว่าเขาคุยงานนิคะ” มารีลินได้ยินก็ดีใจ แล้วก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปกับฝนพี่ที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับเธอที่รู้จักกัน “เขาว่างอยู่แล้วล่ะ ตอนเช้าเขาไม่มีงานอะไรเยอะแยะหรอก แต่แม่ผัวใจร้ายของมะลิต่างหากที่ไม่อยากให้มะลิเจอคุณเอ็มเขาน่ะ...พี่เลยแอบบอกคุณเอ็มเองว่ามะลิมาหา” ฝนบอกไป “ขอบคุณนะคะพี่ฝน...” มารีลินตอบด้วยรอยยิ้มขอบคุณเลย “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เราคนบ้านเดียวกันก็ต้องช่วยกันอยู่แล้วล่ะ อีกอย่างเราก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับจินมันด้วย พี่ก็ต้องช่วยอยู่แล้วล่ะ...นี่ห้องทำงานคุณเอ็ม เข้าไปสิ...” ฝนบอกไปเพราะเธอเป็นเพื่อนรักกับจินตนาลูกพี่ลูกน้องของมารีลิน “ค่ะพี่ฝน...ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่...งั้นมะลิขอตัวเข้าไปคุยกับพี่เอ็นเขาก่อนนะคะ” มารีลินบอกไปก็ยิ้มให้ แล้วเธอก็เปิดประตูเข้าไปด้านใน “มะลิ ทำไมจะมาแล้วไม่บอกพี่ก่อนหึ มารอนานหรือยัง” อินทัชเห็นแฟนสาวเดินเข้ามาในห้องแล้วเขาก็เอ่ยถามไปทันที “มะลิโทรหาพี่เอ็มแล้วนะคะ แต่ว่าพี่เอ็มไม่รับสายเลย มะลิก็เลยคิดว่าพี่เอ็มน่าจะไม่ว่างก็เลยมาหาพี่เอ็มที่นี่น่ะค่ะ” มารีลินตอบไปตามตรง “อ่อ ดีเลย เพราะเราไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายวัน พี่คิดถึงมะลิมากเลยเนี่ย ขอกอดให้ชื่นใจหน่อยสิ...พรึบ...” อินทัชเข้าไปกอดอ้อนเธออย่างรักใคร่ “มะลิก็คิดถึงพี่เอ็มเหมือนกันค่ะ ขอโทษนะคะที่ช่วงนี้มะลิไม่มีเวลามาเจอพี่เอ็มเลย มะลิต้องทำงานแล้วก็ต้องช่วยแม่ดูแลพ่อด้วย เลยไม่มีเวลาเลย...” มารีลินโอบกอดเขาแล้วพูดตอบไป “พี่เข้าใจ ไม่เป็นไรหรอก...พ่อของมะลิย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว รอให้พ่อหายแล้วเราก็เจอกันได้บ่อยๆแล้วล่ะ แล้วพ่อเป็นไงบ้าง หมอบอกหรือยังว่าจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่น่ะ” อินทัชถามไป เพราะพ่อของมารีลินรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาสองเดือนแล้วมั้ง จนเขาหลังๆมานี้เขาแทบไม่ได้เจอกับมารีลินเลย “พ่อออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้าแล้วค่ะ แต่ว่าเมื่อวานหมอตรวจเจอเนื้องอกที่สมองของพ่ออีกค่ะพี่เอ็ม แล้วหมอก็แนะนำให้พ่อรีบรักษาก่อนที่เนื้องอกมันจะใหญ่ไปมากกว่านี้...” มารีลินพูดด้วยเสียงเศร้า “พ่อเป็นเนื้องอกที่สมองเลยเหรอ...แล้วจะต้องรักษายังไง ผ่าตัดใช่ไหม” อินทัชได้ยินก็รู้สึกสงสารมารีลินมาก เพราะพ่อเธอพึ่งประสบอุบัติเหตุขาหักไปเอง นี่มาตรวจเจอเนื้องอกในสมองอีก อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้กันนะ “ใช่ค่ะพี่เอ็ม...หมอนัดตรวจอาทิตย์หน้าค่ะ แต่หมอที่นี่บอกว่าผ่าไม่ได้ต้องส่งตัวพ่อเข้าไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลในกรุงเทพค่ะ แล้วค่าใช้จ่ายมันก็ต้องเพิ่มมาอีก มะลิเลยอยากจะขอยืมเงินพี่เอ็มสักหนึ่งแสนน่ะค่ะ” มะลิเอ่ยบอกแฟนของเธอไป เพราะเขาคือที่พึ่งเดียวที่เธอพอจะขอร้องเขาได้ “พี่ก็อยากจะช่วยนะมะลิ แต่คราวก่อนมะลิก็ยืมพี่ไปแสนนึงแล้วนะ มะลิก็ยังไม่ได้คืนพี่เลยนะ” อินทัชพูดไปแล้วทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที เพราะเขาให้เธอยืมไปเขาก็โดนแม่ของเขาบ่นจนหูชาเลย ถ้าเขาให้เธออีกแม่ของเขาระเบิดลงแน่ๆ “แต่มะลิก็ไม่ได้ยืมพี่เอ็มเปล่าๆนะคะ มะลิก็เอารถของพ่อมาจำนำที่เต้นท์รถของพี่เอ็มแล้วไงคะ...ให้มะลิยืมอีกแสนนึงนะคะพี่เอ็ม มะลิต้องการเงินไปรักษาพ่อจริงๆ ตอนนี้มะลิไม่มีเงินเหลือแล้วจริงๆค่ะ ” มะลิพูดไปอย่างขอร้องเขา เพราะเธอก็ใช่ว่าจะยืมเขาเฉยๆ เธอก็เอารถมาจำนำกับเขาแล้วไง “มันก็ใช่ แต่พี่ไม่ใช่ตู้เอทีเอ็มของมะลินะที่จะเอาเงินเมื่อไหร่ก็เอาแบบนี้น่ะ พี่ให้เรายืนเงินไปคราวที่แล้วแม่พี่ก็ด่าพี่ยกใหญ่เลย ถ้าครั้งนี้พี่ให้อีก พี่โดนด่าเละแน่ๆ” อินทัชตอบไปตรง เพราะเขาก็อยากช่วยแต่เขาสู้แม่เขาไม่ได้ “แต่เงินที่พี่เอ็มให้มะลิมา...มันก็เป็นเพราะมะลิเอารถของพ่อมาจำนำกับพี่เอ็มนะคะ แล้วพี่เอ็มพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงคะ” มารีลินได้ยินแฟนหนุ่มพูดแบบนี้ออกมาก็สะอึกเลย ก่อนจะตอบเขาไปแบบอดไม่ได้ “พี่ขอโทษ...แต่รถที่มะลิเอามาจำนำกับพี่ พี่ก็ให้ในเรทราคาจำนำแล้ว ถ้ามะลิจะเอาอีก เราก็ต้องขายรถของพ่อให้พี่แล้วล่ะ แต่พี่ให้ได้อีกสามหมื่นเท่านั้น เพราะรถมันก็เก่าแล้วด้วย นี่พี่ก็ช่วยมะลิสุดๆแล้วนะ” อินทัชบอกไปตามตรง เพราะสำหรับเขาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องธุรกิจจะเอามาปนกันไม่ได้ มารีลินได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าแฟนของตัวเองจะหน้าเลือดถึงขนาดนี้ นี่ขนาดเธอเป็นแฟนของเขานะ เขายังทำถึงขนาดนี้ “นี่พี่เอ็มช่วยมะลิแบบสุดๆแล้วเหรอคะ...หึ...นี่มะลิเป็นแฟนของพี่นะคะ พี่ไม่คิดจะช่วยมะลิ มะลิไม่เคยว่าเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวมะลิ มะลิต้องจัดการเอง แต่มะลิไม่คิดเลยว่าพี่เอ็มจะทำถึงขนาดนี้...” มารีลินพูดไปแบบน้อยใจเขา เพราะเขาช่วยเธอเรื่องเงินได้แต่ว่าเขาไม่คิดจะช่วยหรือว่าเสนอตัวจะช่วยเหลือเธอเลยสักนิด “พี่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวนะมะลิ อย่าว่าพี่ที่ทำแบบนี้เลยนะ พี่เองก็ลำบากใจเหมือนกัน” อินทัชบอกไปแล้วมองเธอแบบเศร้าๆ “ค่ะ...ถ้ามะลิทำให้พี่เอ็มลำบากใจมากนัก งั้นมะลิขายรถของพ่อให้พี่เอ็มก็แล้วกันค่ะ ให้ได้อีกสามหมื่นก็สามหมื่นค่ะ...” มะลิตอบไปด้วยเสียงเข้ม เพราะตอนนี้เธอคงหวังให้เขาช่วยไม่ได้ก็ขายรถให้เขาไปเลยละกัน อย่างน้อยก็พอมีเงินพยุงไปก่อน “อืม...โอเค...แล้วส่วนที่เหลือมะลิจะไปหาจากไหนล่ะ” อินทัชพยักหน้าเข้าใจ แล้วเอ่ยถามเธอ “มันเรื่องส่วนตัวของมะลิค่ะ เดี๋ยวมะลิจะไปหาเอาเองค่ะ พี่เอ็มแค่ให้เงินค่ารถที่เหลือกับมะลิมาก็พอค่ะ” มะลิตอบไปแล้วมองอินทัชอย่างจดจ้องเลย เพราะตอนนี้เธอคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะว่าเธอควรจะไปต่อกับเขาดีไหม เพราะบ้านเธอเกิดเรื่องขนาดนี้เขายังไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย อีกหน่อยถ้าเธอแต่งงานกับเขาเป็นผัวเมียกันจริงๆ เขาจะมาดูแลอะไรเธอได้ “โอเค....สามหมื่นนะ....พี่ให้ตอนนี้เลย...งั้นมะลิเซ็นชื่อขายรถให้พี่ด้วยนะ” อินทัชบอกไปก็ดึงเอกสารในแกะมาแล้วยื่นไปให้เธอ แล้วเขาก็เดินไปหยิบเงินในลิ้นชักอีกฝั่งมา มารีลินก็มองการรกระทำของอินทัชทุกอย่าง เธอก็เอาปากกามาเขียนชื่อลงไปอย่างตัดใจ เพราะรถของพ่อที่เธอซื้อให้ตอนนี้เธอจำเป็นต้องขายเพื่อเอาเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายรักษาพ่อของเธอแล้ว “เรียบร้อยแล้วค่ะ...ขอเงินสามหมื่นให้มะลิด้วยค่ะ” มารีลินเซ็นเอกสารแล้วก็หันมาพูดกับอินทัชด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “นี่เงินสามหมื่นครับ...แบบนี้พี่ค่อยสบายใจหน่อย เพราะแม่พี่เขากลัวว่ามะลิจะหาเงินมาคืนไม่ได้ แต่มะลิขายขาดรถให้พี่แบบนี้แล้วแม่พี่ก็คงไม่ว่าอะไรพี่แล้วล่ะ” อินทัชบอกไปแล้วยิ้มออกมา มารีลินรับเงินมาได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็กำหมัดแน่นเลย ยิ่งเห็นเขายิ้มออกมาในสถานการณ์แบบนี้ เธอก็ตัดสินใจได้ทันทีเลยว่า เธอไม่ควรที่จะไปต่อกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว คนที่รักกันคบกันแต่ว่าไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเลยแบบนี้ แถมยังมาเอารัดเอาเปรียบ เธอก็ไม่ควรจะคบให้เสียเวลา “จากนี้ไปเราสองคนไม่ติดค้างอะไรกันแล้วนะคะพี่เอ็ม....งั้นเราก็เลิกกันเถอะค่ะ มะลิไม่อยากจะคบกับพี่เอ็มแล้วค่ะ...” มารีลินพูดด้วยเสียงเข้มแล้วกัดฟันแน่นอย่างข่มความรู้สึกเสียใจของตัวเองไว้ “อะไรนะ...เลิกกับพี่เหรอ....มะลิพูดอะไรออกมาน่ะ ทำไมต้องเลิกกับพี่ด้วย...เพราะพี่ไม่ให้มะลิยืมเงินเหรอ” อินทัชได้ยินก็ทำหน้าตกใจแล้วเอ่ยถามเธอไปแบบงุนงง “ไม่ใช่เพราะพี่เอ็มไม่ให้มะลิยืมเงินหรอกค่ะ แต่เพราะว่าพี่ไม่ใช่ผู้ชายที่มะลิต้องการค่ะ มะลิอยากคบกับผู้ชายที่รักมะลิและคอยดูแลคอยช่วยเหลือกันและกัน แต่ว่าพี่เอ็นนอกจากไม่ช่วยแล้วยังเห็นแก่ตัวกับมะลิมากๆเลยด้วย มะลิคบกับพี่ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เราสองคนต่างคนต่างไปเถอะนะคะ” มารีลินพูดไปแบบจริงจัง “ไม่นะมะลิ...เดี๋ยวก่อน...พี่ไม่ได้เห็นแก่ตัวกับมะลิเลยนะ แล้วพี่ก็ช่วยมะลิมาตลอด พี่ไม่ดูแลไม่ช่วยเหลือมะลิตอนไหน” อินทัชเข้าไปจับมือเธอไว้แบบห้ามแล้วพูดไป “ปล่อยค่ะ...พรึบ...ที่ผ่านมาพี่เคยช่วยเหลืออะไรมะลิเหรอคะ ไปเที่ยวไปทานอาหารเราก็หารกันคนล่ะครึ่งตลอด แล้วนี่พ่อของมะลิเข้าโรงพยาบาล พี่ก็ควรจะช่วยบ้างแต่ไม่เลย พี่ไม่แม้แต่จะยื่นมือมาช่วยทั้งๆที่พี่เอ็มก็ช่วยได้ มะลิพอแล้วค่ะ มะลิจะไม่คบกับผู้ชายแบบพี่เอ็มแล้วค่ะ เราเลิกกันเถอะค่ะ” มะลิสะบัดมือของเขาออกแล้วก็พูดเสียงรอดไรฟันออกไปอย่างสุดทน แล้วเธอก็รีบเดินออกไปจากห้องทำงานของเขา “มะลิ...อย่าพึ่งไป....เดี๋ยวก่อนมะลิ....พี่ไม่เลิก...” อินทัชรีบเดินตามมารีลินออกมาแล้วตะโกนพูดไปจนพนักงานที่นั่งทำงานอยู่ด้านหน้ามองกันแบบตกใจเลย เพราะทันทีที่มารีลินเดินออกมาอย่างโมโหนั้น อินทัชก็เปิดประตูตามออกมาแล้วตะโกนอย่างเสียงดังเลย จนพนักงานรีบลุกขึ้นแล้วตามไปดูแบบงงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD