ตอนที่ 5
แม่ค้าคนสวย
“บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”
ถ้อยคำนั้นของเขายังคงดังก้องอยู่ในหูของ เมษา อยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งบัดนี้ แม้คืนนั้นเธอตั้งใจและเต็มใจเดินเข้าไปหาเองก็ตาม ทว่าเมื่อได้สัมผัสใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกับเขาแล้ว ความเร่าร้อนที่เขามอบผ่านตัวตนตอนนั้น ก็แอบทำให้เธอมีความหวังอยู่ลึกๆไม่ได้ แม้เมื่อเสร็จบทรักอันตราตรึงแล้ว เธอจะรีบเดินออกมาจากห้องนั้น เพื่อช่วยแม่เก็บของต่างๆและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทว่าเมื่อเธอกลับไปดูเขาอีกครั้งให้ห้องนั้น
กลับเห็นเขากอดอยู่กับ พลอยลภัส แฟนของเขาที่บอกว่าเพิ่งจะเลิกกันไป ตัวของเธอชาวาบกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“พลอยขอโทษนะคิณ พลอยไม่ได้อยากเลิกกับคุณเลย”
“ผมก็ไม่ได้อยากเลิก”
“พลอยแค่ อุ้ย...”
สาวไฮโซตระหนกเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู “ทะ..เธอเป็นใครย่ะ แล้วเข้ามาได้ยังไง เสียมารยาทมาก ประตูก็ไม่เคาะ”
เสียงดุแหลมนั้น ทำให้หัวคิ้วของ อคิณ ย่นเข้าหากัน เมื่อมองเห็นร่างบางของคนที่เขาเพิ่งจะเริงรักไปอย่างเร่าร้อนเมื่อสักครู่นี้ ทว่าสีหน้าของเขาเรียบเฉยเมื่อมองมาทางเมษา
“อย่ายุ่งกับเขา! นั่นเมษา”
“เมษาไหน? ทำไมเดินเข้ามาในห้องรับรองชั้นสองนี้ได้”
สาวไฮโซ ทำเสียงไม่พอใจและปรี่เข้ามาใกล้เธอ ทว่ามือหนาของอคิณคว้าแขนหล่อนไว้ก่อน
“น้องเขาเป็นหลานย่าบุญผ่อง แม่ค้าข้าวแกงที่มาทำอาหารเลี้ยงพนักงานคืนนี้”
น้ำเสียงของ อคิณ เรียบนิ่ง
“อ้อ แค่ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง ทำหน้าเชิดใส่ซะขนาดนี้ นึกว่าเป็นเด็กเอ็นของคิณซะอีก”
“ไม่ใช่ อย่ายุ่งกับน้องเขา”
“ไม่อยากยุ่งหรอกค่ะ พลอยรู้หรอกน่าว่าระดับคิณคงไม่สิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดคว้าลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกงมากินหรอกน่า”
ถ้อยคำของสาวไฮโซ ทำให้ เมษา เม้มปากแน่นเข้าหากัน
ส่วน อคิณ อึ้งไปเพียงครู่ ก่อนจะเอ่ยสั้นๆ
“ครับ”
“ ...เอ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอออกไปได้แล้ว”
เหมือนมีก้อนเหนียวมาจุกที่อกและคอของ เมษา จนเด็กสาวต้องก้มหน้าและหันหลังเดินออกจากห้องไป และไม่รู้ว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร
แม้ลูกชายคนโตของตระกูลราชวัตรและสาวไฮโซนั่นจะดูถูกเธอเพียงใด แต่เมษาก็คิดว่าตนไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธอีกฝ่าย เมื่อเธอตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขาแบบนั้นเอง ดังนั้นเธอจึงตั้งใจว่าต่อไปเธอจะยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้อีกเด็ดขาด
และเรื่องในคืนนั้นเธอเองก็ตั้งใจจะลืมเลือนมันไป
ด้วยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หากว่า หลังจากนั้นอีกสามเดือนต่อมาเธอตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างทางร่างกาย และเมื่อตัดสินใจตรวจก็ได้พบว่าตัวเองตั้งครรถ์
และนั่นมันทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
แต่ถึงตอนนี้ เธอก็ยังตั้งใจว่าจะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นให้เกิดพลังงานทางลบกับชีวิตตัวเองอีกเด็ดขาด
“มะ..มี้ เป็นอาราย”
เสียงอ้อนของเจ้าหนูมังกร ดังอยู่ใกล้ๆ ที่เธอตั้งชื่อลูกว่ามังกร เพราะลูกชายของเธอ เกิดเดือนเก้าปีมะโรง และตั้งแต่เกิดมาเด็กแสนน่ารักคนนี้ก็นำพาพลังใจอันมหาศาลมาให้เธออยู่ทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอแล้ว
“ม่ามี้ไม่ได้เป็นอะไรครับ เดี๋ยวอีกสักพักม่ามี้จะลงไปทำกับข้าวกับพี่ติ๋วพี่ชื่น มังกรอยู่ในห้องกับป้าจิตนะครับ”
วันนี้เธอนอนค้างที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีเคลียร์บิลค่าใช้จ่ายหลายอย่างจนดึก
“ไมอาวคับ ผมจะไปช่วยม๊ามี้ทำกับข้าว ทำเยอะๆม่ามี๊จะได้รวยๆ มีเงินให้มังกอนไปโรงเรียน”
“อยากไปโรงเรียนแล้วเหรอครับ เดี๋ยวอีกไม่นานหนูก็จะได้เข้าอนุบาลหนึ่งแล้วนะคนเก่ง”
“เย้ๆ มังกอนจาไปโรงเรียน”
.
.
การเตรียมอาหารโดยปกติของทางที่ร้านจะเริ่มตั้งแต่ตีสี่ มีแม่ครัวทั้งหมดสามคน คือ ติ๋ว ชื่น และน้องแพรี่ ส่วนป้าจิตที่เป็นพี่สาวของแม่จะคอยดูแลเรื่องทั่วไปกับดูเจ้าหนูมังกร เพราะตอนทำกับข้าวนั้น เมษา จะเป็นคนควบคุมวัตถุดิบทุกอย่างตามสูตรของย่าบุญผ่อง เพื่อไม่ให้รสชาติของอาหารเพี้ยนและมีความกลมกล่อมอร่อย เหมือนกันทั้งสามสาขา
และจุดเด่นนี้เองที่ครองใจผู้บริโภคมาตลอด
อาหารบางอย่างจะแยกขายตอนประมาณ 07.00 น. และชุดใหญ่ไฟกระพริบจะเริ่มขายหลัง 10.00 น.เป็นต้นไป และช่วงนั้นเธอจะยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษ
วันนี้ก็เช่นกัน..
ทว่าไม่ทันจะบ่ายโมงอาหารหลายอย่างก็หมดไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีวินมอเตอร์ไซค์มาเหมาไปหลายถุง ทั้งมีคณะผู้บริหารจากตึกอีกฝั่งมาทานกันอย่างล้มหลามแน่นร้าน นั่นทำให้ เมษา ยิ้มแก้มแทบปริเพราะวันนี้ได้กำไรหลายหมื่นทีเดียวจากการคำนวณต้นทุนคร่าวๆ
“ว้า พะโล้หมูหมดแล้วเหรอเนี่ย!”
เสียงตัดพ้ออย่างผิดหวังดังขึ้น นั่นทำให้ เมษา หันไปมองและต้องอมยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย เมื่อเห็น เอื้อมจิต คนเก่าแก่ของพีเค ที่มักจะติดต่อเธอกับแม่เรื่องให้ทำอาหารต่างๆ และข้าวกล่องให้เลี้ยงพนักงานอยู่บ่อยๆเวลาพีเคมีจัดงานหรือสัมมนาต่างๆ
“เพิ่งหมดค่ะคุณเอื้อม แต่มัสมั่นไก่ยังมีอยู่นะคะ”
“เสียดายจัง วันนี้พี่หิ้วท้องมาตั้งใจจะมากินพะโล้สามชั้นนะเนี่ย แต่ติดงานนิดหน่อยเลยลงมาช้า งั้นเอามัสมั่นก็ได้จ้ะ”
เอื้อมจิต ยิ้มหวานให้แม่ค้าคนสวย ขณะเมียงมองหา เจ้าหนูมังกร เด็กชายย่อส่วนของเจ้านายตน ทว่าก็พยายามอดกลั้นไม่ให้กระโตกกระตากเกินไป เพราะเกรงอีกฝ่ายจะระวังตัวจนเสียแผนที่วางไว้
จะบุ่มบ่ามเหมือน อคิณ ไม่ได้
“แล้วหนูมังกรไม่มาเหรอจ้ะวันนี้”
“อยู่กับคุณป้าข้างบนค่า”
ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปน่า
.
.
ร่างหนาของประธานวีเคกรุ๊ป เดินกลับไปมาในห้องอย่างหงุดหงิดหลังจากที่มองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องทำงานชั้น 14 ของตัวเองไปยังร้านข้าวแกงด้านล่าง แล้วเห็น เอื้อมจิต เดินนวยนาดออกมา
ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่เลขาคนเก่งจะโผล่หน้าเข้ามา
“ว่าไงเอื้อม ได้เรื่องอะไรมั้ย?”
อคิณ เอ่ยถามเสียงเข้ม ยอมรับว่าเมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย ตั้งแต่เห็นหน้าเจ้าหนูมังกร และได้คุยกับ เมษา อีกครั้ง ภาพและเสียงของเหตุการณ์ในคืนนั้นเมื่อสามปีที่แล้ว ก็วนเวียนเข้ามาในหัวของเขา จนชายหนุ่มแทบจะคลั่งเสียให้ได้
“วันนี้ น้องเมย์ยุ่งมากค่ะ เลยได้ข้อมูลมาไม่เยอะเห็นว่าอีกสองเดือน จะพาเจ้าหนูมังกรไปเข้าโรงเรียนอนุบาลตรงซอยยี่สิบหกแล้ว และวันนี้ต้องพาเจ้าหนูไปโรงพยาบาล”
“โรงพยาบาล มังกรเป็นอะไร?”
น้ำเสียงเขาร้อนรน อย่างเห็นได้ชัด จนเอื้อมจิตต้องอมยิ้มออกมา
“เห็นว่าครบกำหนดฉีดวัคซีนค่ะที่โรงพยาบาลเอ็กซ์วัน”
“อ้อ แล้วออกไปแล้วเหรอ?”
หน้าหล่อเหลาหันมองลงไปด้านล่างอีก ทว่าคิ้วหนาเข้มก็ต้องขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็น ชายรูปร่างสูงโปร่งวัยใกล้เคียงกับเขา อุ้มเจ้าหนูมังกรแก้มยุ้ยมานอกร้านและกำลังพาเข้าไปด้านหลังรถบีเอ็มดับบลิวคันสีครามที่จอดอยู่ริมถนน โดยมีเมษายืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะก้าวเข้าไปนั่งฝั่งข้างๆคนขับ
“กำลังไปนะคะ มีผู้ชายชื่อทวีมารับค่ะ”
“ทวี?” อคิณคำรามในลำคอ
“ใช่ค่ะ”
มือหนาของประธานวีเค กำแน่นกับพนักเก้าอี้จนเห็นเส้นเลือดปูดโปน เมื่อวานเขาอุตส่าห์ไปหาถึงร้าน จะคุยด้วยดีๆ แต่ไม่ยอมแม้จะให้เขาแตะต้องเจ้าหนูมังกร แต่วันนี้กลับให้ไอ้หมอนั่นที่เป็นใครไม่รู้มาอุ้มพาไปฉีดวัคซีน
ทวี!! มันเป็นใครวะ!! ถึงบังอาจมาอุ้มลูกชายกู
*************