แม่ค้าคนสวย

1450 Words
ตอนที่ 5 แม่ค้าคนสวย “บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น” ถ้อยคำนั้นของเขายังคงดังก้องอยู่ในหูของ เมษา อยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งบัดนี้ แม้คืนนั้นเธอตั้งใจและเต็มใจเดินเข้าไปหาเองก็ตาม ทว่าเมื่อได้สัมผัสใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกับเขาแล้ว ความเร่าร้อนที่เขามอบผ่านตัวตนตอนนั้น ก็แอบทำให้เธอมีความหวังอยู่ลึกๆไม่ได้ แม้เมื่อเสร็จบทรักอันตราตรึงแล้ว เธอจะรีบเดินออกมาจากห้องนั้น เพื่อช่วยแม่เก็บของต่างๆและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าเมื่อเธอกลับไปดูเขาอีกครั้งให้ห้องนั้น กลับเห็นเขากอดอยู่กับ พลอยลภัส แฟนของเขาที่บอกว่าเพิ่งจะเลิกกันไป ตัวของเธอชาวาบกับภาพที่เห็นตรงหน้า “พลอยขอโทษนะคิณ พลอยไม่ได้อยากเลิกกับคุณเลย” “ผมก็ไม่ได้อยากเลิก” “พลอยแค่ อุ้ย...” สาวไฮโซตระหนกเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู “ทะ..เธอเป็นใครย่ะ แล้วเข้ามาได้ยังไง เสียมารยาทมาก ประตูก็ไม่เคาะ” เสียงดุแหลมนั้น ทำให้หัวคิ้วของ อคิณ ย่นเข้าหากัน เมื่อมองเห็นร่างบางของคนที่เขาเพิ่งจะเริงรักไปอย่างเร่าร้อนเมื่อสักครู่นี้ ทว่าสีหน้าของเขาเรียบเฉยเมื่อมองมาทางเมษา “อย่ายุ่งกับเขา! นั่นเมษา” “เมษาไหน? ทำไมเดินเข้ามาในห้องรับรองชั้นสองนี้ได้” สาวไฮโซ ทำเสียงไม่พอใจและปรี่เข้ามาใกล้เธอ ทว่ามือหนาของอคิณคว้าแขนหล่อนไว้ก่อน “น้องเขาเป็นหลานย่าบุญผ่อง แม่ค้าข้าวแกงที่มาทำอาหารเลี้ยงพนักงานคืนนี้” น้ำเสียงของ อคิณ เรียบนิ่ง “อ้อ แค่ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง ทำหน้าเชิดใส่ซะขนาดนี้ นึกว่าเป็นเด็กเอ็นของคิณซะอีก” “ไม่ใช่ อย่ายุ่งกับน้องเขา” “ไม่อยากยุ่งหรอกค่ะ พลอยรู้หรอกน่าว่าระดับคิณคงไม่สิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดคว้าลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกงมากินหรอกน่า” ถ้อยคำของสาวไฮโซ ทำให้ เมษา เม้มปากแน่นเข้าหากัน ส่วน อคิณ อึ้งไปเพียงครู่ ก่อนจะเอ่ยสั้นๆ “ครับ” “ ...เอ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอออกไปได้แล้ว” เหมือนมีก้อนเหนียวมาจุกที่อกและคอของ เมษา จนเด็กสาวต้องก้มหน้าและหันหลังเดินออกจากห้องไป และไม่รู้ว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร แม้ลูกชายคนโตของตระกูลราชวัตรและสาวไฮโซนั่นจะดูถูกเธอเพียงใด แต่เมษาก็คิดว่าตนไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธอีกฝ่าย เมื่อเธอตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขาแบบนั้นเอง ดังนั้นเธอจึงตั้งใจว่าต่อไปเธอจะยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้อีกเด็ดขาด และเรื่องในคืนนั้นเธอเองก็ตั้งใจจะลืมเลือนมันไป ด้วยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากว่า หลังจากนั้นอีกสามเดือนต่อมาเธอตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างทางร่างกาย และเมื่อตัดสินใจตรวจก็ได้พบว่าตัวเองตั้งครรถ์ และนั่นมันทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล แต่ถึงตอนนี้ เธอก็ยังตั้งใจว่าจะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นให้เกิดพลังงานทางลบกับชีวิตตัวเองอีกเด็ดขาด “มะ..มี้ เป็นอาราย” เสียงอ้อนของเจ้าหนูมังกร ดังอยู่ใกล้ๆ ที่เธอตั้งชื่อลูกว่ามังกร เพราะลูกชายของเธอ เกิดเดือนเก้าปีมะโรง และตั้งแต่เกิดมาเด็กแสนน่ารักคนนี้ก็นำพาพลังใจอันมหาศาลมาให้เธออยู่ทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอแล้ว “ม่ามี้ไม่ได้เป็นอะไรครับ เดี๋ยวอีกสักพักม่ามี้จะลงไปทำกับข้าวกับพี่ติ๋วพี่ชื่น มังกรอยู่ในห้องกับป้าจิตนะครับ” วันนี้เธอนอนค้างที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีเคลียร์บิลค่าใช้จ่ายหลายอย่างจนดึก “ไมอาวคับ ผมจะไปช่วยม๊ามี้ทำกับข้าว ทำเยอะๆม่ามี๊จะได้รวยๆ มีเงินให้มังกอนไปโรงเรียน” “อยากไปโรงเรียนแล้วเหรอครับ เดี๋ยวอีกไม่นานหนูก็จะได้เข้าอนุบาลหนึ่งแล้วนะคนเก่ง” “เย้ๆ มังกอนจาไปโรงเรียน” . . การเตรียมอาหารโดยปกติของทางที่ร้านจะเริ่มตั้งแต่ตีสี่ มีแม่ครัวทั้งหมดสามคน คือ ติ๋ว ชื่น และน้องแพรี่ ส่วนป้าจิตที่เป็นพี่สาวของแม่จะคอยดูแลเรื่องทั่วไปกับดูเจ้าหนูมังกร เพราะตอนทำกับข้าวนั้น เมษา จะเป็นคนควบคุมวัตถุดิบทุกอย่างตามสูตรของย่าบุญผ่อง เพื่อไม่ให้รสชาติของอาหารเพี้ยนและมีความกลมกล่อมอร่อย เหมือนกันทั้งสามสาขา และจุดเด่นนี้เองที่ครองใจผู้บริโภคมาตลอด อาหารบางอย่างจะแยกขายตอนประมาณ 07.00 น. และชุดใหญ่ไฟกระพริบจะเริ่มขายหลัง 10.00 น.เป็นต้นไป และช่วงนั้นเธอจะยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษ วันนี้ก็เช่นกัน.. ทว่าไม่ทันจะบ่ายโมงอาหารหลายอย่างก็หมดไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีวินมอเตอร์ไซค์มาเหมาไปหลายถุง ทั้งมีคณะผู้บริหารจากตึกอีกฝั่งมาทานกันอย่างล้มหลามแน่นร้าน นั่นทำให้ เมษา ยิ้มแก้มแทบปริเพราะวันนี้ได้กำไรหลายหมื่นทีเดียวจากการคำนวณต้นทุนคร่าวๆ “ว้า พะโล้หมูหมดแล้วเหรอเนี่ย!” เสียงตัดพ้ออย่างผิดหวังดังขึ้น นั่นทำให้ เมษา หันไปมองและต้องอมยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย เมื่อเห็น เอื้อมจิต คนเก่าแก่ของพีเค ที่มักจะติดต่อเธอกับแม่เรื่องให้ทำอาหารต่างๆ และข้าวกล่องให้เลี้ยงพนักงานอยู่บ่อยๆเวลาพีเคมีจัดงานหรือสัมมนาต่างๆ “เพิ่งหมดค่ะคุณเอื้อม แต่มัสมั่นไก่ยังมีอยู่นะคะ” “เสียดายจัง วันนี้พี่หิ้วท้องมาตั้งใจจะมากินพะโล้สามชั้นนะเนี่ย แต่ติดงานนิดหน่อยเลยลงมาช้า งั้นเอามัสมั่นก็ได้จ้ะ” เอื้อมจิต ยิ้มหวานให้แม่ค้าคนสวย ขณะเมียงมองหา เจ้าหนูมังกร เด็กชายย่อส่วนของเจ้านายตน ทว่าก็พยายามอดกลั้นไม่ให้กระโตกกระตากเกินไป เพราะเกรงอีกฝ่ายจะระวังตัวจนเสียแผนที่วางไว้ จะบุ่มบ่ามเหมือน อคิณ ไม่ได้ “แล้วหนูมังกรไม่มาเหรอจ้ะวันนี้” “อยู่กับคุณป้าข้างบนค่า” ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปน่า . . ร่างหนาของประธานวีเคกรุ๊ป เดินกลับไปมาในห้องอย่างหงุดหงิดหลังจากที่มองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องทำงานชั้น 14 ของตัวเองไปยังร้านข้าวแกงด้านล่าง แล้วเห็น เอื้อมจิต เดินนวยนาดออกมา ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่เลขาคนเก่งจะโผล่หน้าเข้ามา “ว่าไงเอื้อม ได้เรื่องอะไรมั้ย?” อคิณ เอ่ยถามเสียงเข้ม ยอมรับว่าเมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย ตั้งแต่เห็นหน้าเจ้าหนูมังกร และได้คุยกับ เมษา อีกครั้ง ภาพและเสียงของเหตุการณ์ในคืนนั้นเมื่อสามปีที่แล้ว ก็วนเวียนเข้ามาในหัวของเขา จนชายหนุ่มแทบจะคลั่งเสียให้ได้ “วันนี้ น้องเมย์ยุ่งมากค่ะ เลยได้ข้อมูลมาไม่เยอะเห็นว่าอีกสองเดือน จะพาเจ้าหนูมังกรไปเข้าโรงเรียนอนุบาลตรงซอยยี่สิบหกแล้ว และวันนี้ต้องพาเจ้าหนูไปโรงพยาบาล” “โรงพยาบาล มังกรเป็นอะไร?” น้ำเสียงเขาร้อนรน อย่างเห็นได้ชัด จนเอื้อมจิตต้องอมยิ้มออกมา “เห็นว่าครบกำหนดฉีดวัคซีนค่ะที่โรงพยาบาลเอ็กซ์วัน” “อ้อ แล้วออกไปแล้วเหรอ?” หน้าหล่อเหลาหันมองลงไปด้านล่างอีก ทว่าคิ้วหนาเข้มก็ต้องขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็น ชายรูปร่างสูงโปร่งวัยใกล้เคียงกับเขา อุ้มเจ้าหนูมังกรแก้มยุ้ยมานอกร้านและกำลังพาเข้าไปด้านหลังรถบีเอ็มดับบลิวคันสีครามที่จอดอยู่ริมถนน โดยมีเมษายืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะก้าวเข้าไปนั่งฝั่งข้างๆคนขับ “กำลังไปนะคะ มีผู้ชายชื่อทวีมารับค่ะ” “ทวี?” อคิณคำรามในลำคอ “ใช่ค่ะ” มือหนาของประธานวีเค กำแน่นกับพนักเก้าอี้จนเห็นเส้นเลือดปูดโปน เมื่อวานเขาอุตส่าห์ไปหาถึงร้าน จะคุยด้วยดีๆ แต่ไม่ยอมแม้จะให้เขาแตะต้องเจ้าหนูมังกร แต่วันนี้กลับให้ไอ้หมอนั่นที่เป็นใครไม่รู้มาอุ้มพาไปฉีดวัคซีน ทวี!! มันเป็นใครวะ!! ถึงบังอาจมาอุ้มลูกชายกู *************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD