ตอนที่ 4
วิธีคลายเครียด
แม้จะได้รับโอกาสในการทำงานแต่ญาณิดาก็ยังรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมจากการถูกศิวกรแย่งผลงานไป คืนนี้หญิงสาวจึงออกมานั่งดื่มที่ผับอีกครั้งและคิดว่าจะเมาให้เต็มที่
เธอเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์อย่างเคย สั่งค็อกเทลแก้วแล้วแก้วเล่าปล่อยให้แอลกอฮอล์ไหลลงสู่ร่างกายหวังจะมอมเมาตัวเองให้ลืมความผิดหวังที่ได้รับ แม้จะดื่มไปหลายแก้วแล้ว แต่ความเครียดก็ยังคงอยู่ เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ถึงความไม่ยุติธรรมที่ได้รับ และความตั้งใจที่จะต้องไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่านี้ให้ได้ เพื่อพิสูจน์ตัวเองและไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของคนอย่างศิวกรอีก
เวลาล่วงเลยไปจนญาณิดาเริ่มรู้สึกมึนหัว เธอยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง ตั้งใจจะดื่มให้หมดแล้วค่อยเรียกแท็กซี่กลับ
“ยังไม่หายเครียดอีกเหรอ”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นข้างๆ ทำให้ญาณิดาที่หันไปมองและพบกับ ธันวาชายหนุ่มผู้ให้คำแนะนำแก่เธอเมื่อสองวันก่อน เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“คุณธันวามาดื่มเหรอคะ” ญาณิดาทักทายเธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่อีกครั้ง
“ใช่ครับ เห็นคุณนั่งอยู่คนเดียวเลยแวะมาทัก ดื่มหนักเลยนะครับ ดูท่าจะเครียดกว่าเดิมอีกนะ” ธันวาตอบพลางกวาดสายตามองแก้วค็อกเทลที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าญาณิดา
“คุณธันวาเดาเก่งเหมือนเดิมเลยนะคะ ก็เรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังวันนั้นแหละค่ะ ฉันไปคุยกับผู้จัดการมาแล้ว” ญาณิดายิ้มอย่างเจื่อนๆ แล้วถอนหายใจ
“แล้วเป็นยังไงบ้างครับ”
ญาณิดาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องผู้จัดการให้ธันวาฟังทั้งหมด ตั้งแต่การที่ศิวกรชิงลงมือพูดกับผู้จัดการก่อน การที่เธอพยายามโต้แย้งด้วยหลักฐาน
“แล้วคุณยอมไหม”
“คุณสมเกียรติให้เหตุผลเรื่องความน่าเชื่อถือของบริษัท และข้อเสนอให้ร่วมงานในโครงการบ้านจัดสรรเฟสต่อไป ฉันก็เลยต้องยอมไปก่อนน่ะค่ะ มันรู้สึกเหมือนถูกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยนะคะคุณธันวา ฉันรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเธอ” พูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ แต่คุณตัดสินใจถูกแล้วล่ะ การยอมถอยในบางครั้งก็ไม่ใช่การแพ้ แต่เป็นการรุกคืบในโอกาสที่เหมาะสมกว่า” ธันวานั่งฟังอย่างตั้งใจ สีหน้าของเขาเรียบเฉยแต่แววตาฉายแววครุ่นคิด
“แต่ฉันยังรู้สึกไม่แฟร์เลยค่ะคุณธันวา ฉันตั้งใจมากจริงๆ” ญาณิดาพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ผมรู้ครับ แต่คุณได้โอกาสใหม่แล้วนะ โครงการบ้านจัดสรรที่คุณพูดถึง ถือเป็นโปรเจกต์ใหญ่และสำคัญมากสำหรับบริษัทของคุณไม่ใช่เหรอ” ธันวาถาม
“ใช่ค่ะ มันเป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลยฉันก็เลยต้องยอมรับข้อเสนอไปก่อน”
“ถูกต้องแล้วครับ ใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ แสดงความสามารถของคุณให้ทุกคนเห็น แล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คุณก็จะก้าวไปยืนในจุดที่คุณคู่ควร” ธันวาให้กำลังใจ
“ค่ะ ฉันคิดฉันต้องโชว์ฝีมือผลงานให้เต็มที่เผื่อจะมีโอกาส ได้เข้าไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่านี้ให้ได้ ฉันอยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าฉันมีความสามารถ”
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้แน่นอนครับ คุณมีความมุ่งมั่นและความสามารถอยู่ในตัวอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะคุณธันวา คุณเป็นคนแปลกหน้าที่ให้คำแนะนำฉันได้ดีที่สุดเลย” ญาณิดายิ้มหวานกว่าทุกครั้งเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์เต็มที่
ผับเริ่มปิดไฟบางส่วน เป็นสัญญาณว่าใกล้จะปิดให้บริการแล้ว พนักงานเริ่มเดินเก็บกวาดโต๊ะและเก้าอี้
“ผับใกล้ปิดแล้วนะครับ ให้ผมไปส่งไหม” ธันวาเสนอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งแท็กซี่กลับได้” ญาณิดาโบกมือปฏิเสธ
“คุณดื่มไปเยอะขนาดนี้จะนั่งแท็กซี่กลับคนเดียวได้ยังไง ให้ผมไปส่งดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ” ธันวาถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันยังไม่อยากกลับเลยค่ะคุณธันวา ว่าจะไปหาที่อื่นดื่มต่อให้หายเครียด” ญาณิดาพูดเสียงอ้อแอ้
“ถ้ายังไม่อยากกลับ และยังไม่หายเครียด ผมมีวิธีคลายเครียดที่ผมมักใช้ประจำนะครับ” ธันวานิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองใบหน้าแดงก่ำของญาณิดา แววตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
“วิธีอะไรคะ”
“นอนกับใครสักคน” ธันวาพูดตรงๆ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ราวกับกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
“คุณธันวานี่คุณกำลังชวนฉันนอนด้วยเหรอคะ” ญาณิดาตกใจแล้วหัวเราะออกเพราะไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าพูดตรงขนาดนี้
“ก็ถ้ามันช่วยให้คุณคลายเครียดได้ และมันจะเป็นแค่คืนเดียว One night stand ไม่มีผูกมัด และผมจะไม่มาเจอคุณที่นี่อีก ถ้าคุณไม่ต้องการ” ธันวาตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
ญาณิดาหยุดหัวเราะ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทั้งเมาทั้งอายกับคำชวน หญิงสาวไม่เคยเจอใครที่พูดจาตรงไปตรงมาขนาดนี้มาก่อน ด้วยความเมาที่ครอบงำ สติสัมปชัญญะเริ่มพร่าเลือนและความเครียดที่ยังไม่จางหาย ทำให้เธอคิดอะไรไม่ถี่ถ้วน เธอไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอตอบตกลง
“ก็ได้ค่ะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทำให้ฉันหายเครียดได้หรือเปล่า” ญาณิดาตอบออกไปอย่างไม่คาดคิด
“งั้นไปกันเถอะครับ” ธันวายิ้มมุมปาก
เขาจ่ายค่าเครื่องดื่มทั้งหมด แล้วจูงมือญาณิดาออกจากผับ เธอเดินโซซัดโซเซตามเขาไปอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ธันวาพาเธอขึ้นรถยนต์คันหรูของเขา แล้วขับมุ่งหน้าไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล