ตอนที่ 9
เครียดทีไรก็เอาแต่คิดถึง nc
หลายวันผ่านไปในเมืองดานังญาณิดาจมดิ่งอยู่กับกองงานออกแบบโปรเจกต์โรงแรมและบ้านพักหรูเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และท้าทาย เธอทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจให้กับมันจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน
สายตาที่อ่อนล้าสะท้อนภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยแบบแปลนและรายละเอียดปลีกย่อย เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ที่เปิดคลอเพื่อสร้างสมาธิกลับกลายเป็นเสียงรบกวนในความรู้สึก เพราะไม่ว่าจะพยายามจดจ่ออยู่กับงานมากแค่ไหน ภาพใบหน้าคมคายของธันวาก็ยังคงผุดขึ้นมาในห้วงความคิดอยู่ตลอด
ยิ่งงานหนักมากเท่าไหร่ ความเครียดก็ยิ่งเกาะกุมจิตใจมากขึ้นเท่านั้นและเมื่อความเครียดพุ่งถึงขีดสุด สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของญาณิดาอย่างห้ามไม่ได้ คือคำพูดของธันวาในคืนนั้นวิธีคลายเครียดเธอคิดถึงมันซ้ำๆ ราวกับคำนั้นเป็นกุญแจที่ไขไปสู่ความทรงจำอันเร่าร้อนที่เธอพยายามจะลืมเลือน
คืนนั้นความมึนเมาเข้าครอบงำสติสัมปชัญญะของเธอ ญาณิดาจำได้ว่าเธอรู้สึกว่างเปล่าแค่ไหน หลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากเรื่องงาน
เกือบหนึ่งเดือนก่อนหน้า
“ถ้ายังไม่อยากกลับ และยังไม่หายเครียด ผมมีวิธีคลายเครียดที่ผมมักใช้ประจำนะครับ”
“วิธีอะไรคะ”
“นอนกับใครสักคน”
“คุณธันวานี่คุณกำลังชวนฉันนอนด้วยเหรอคะ”
“ก็ถ้ามันช่วยให้คุณคลายเครียดได้ และมันจะเป็นแค่คืนเดียว One night stand ไม่มีผูกมัด และผมจะไม่มาเจอคุณที่นี่อีก ถ้าคุณไม่ต้องการ”
“ก็ได้ค่ะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทำให้ฉันหายเครียดได้หรือเปล่า” ญาณิดาตอบออกไปอย่างไม่คาดคิด
จากนั้นภาพก็ตัดมาที่ห้องพักโรงแรม เธอจำได้ว่าเดินตามเขาไปอย่างง่ายดายราวกับต้องมนต์สะกด ความเหนื่อยล้าและความมึนเมาทำให้เธอไม่คิดไตร่ตรองอะไรเลย เมื่อประตูห้องเปิดออก แสงสลัวภายในห้องเผยให้เห็นเตียงขนาดใหญ่กลางห้อง ญาณิดารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว
ธันวาปิดประตูห้อง แล้วหันกลับมามองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ เขาเดินเข้ามาใกล้จนเธอถอยหลังไปชนกับประตูธันวายื่นมือมาโอบเอวแล้วดึงเธอเข้าหาตัว ใบหน้าของเขาโน้มลงมาใกล้จนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดอยู่ข้างแก้ม
“ผมจะทำให้คุณลืมความเครียดทั้งหมด เชื่อใจผมนะ” เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ ราวกับจะค้นหาคำตอบ
ญาณิดาพยักหน้าช้าๆ ความมึนเมาและความปรารถนาที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนทำให้เธอรู้สึกสับสนแต่ก็อยากรู้และอยากลอง
ธันวาจูบเธออย่างอ่อนโยนในตอนแรก ก่อนจะเพิ่มความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากบดเบียดกันอย่างดูดดื่ม ร่างกายญาณิดาอ่อนปวกเปียกเพราะไม่เคยถูกจูบมาก่อนในชีวิต
หญิงสาวอ่อนระทวยเอนกายเข้าหาธันวาอย่างไม่รู้ตัว กลีบปากนุ่มถูกแทรกด้วยปลายลิ้นสากที่สอดเข้าไปกวาดต้อนความหวานอย่างหิวกระหาย เมื่อจูบจนพอใจเขาถอนริมฝีปากออกด้วยความเสียดาย
“คุณธันวาคะ ฉัน.....”
เสียงถูกกลืนหายเมื่อธันวาก้มลงปิดปากนุ่มอีกครั้ง ปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากเล็กอย่างหิวกระหาย ความหวานที่ได้รับทำให้ธันวาหลงใหลจนแทบไม่อยากจะหยุด เขาผ่านผู้หญิงมามาก แต่ยังไม่มีผู้หญิง คนไหนที่กระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของเขาให้ลุกโชนได้รวดเร็วอย่างนี้มาก่อน
ญาณิดากำลังถูกชายหนุ่มมอมเมาด้วยรสจูบที่เพิ่งเคยได้ สัมผัสเป็นครั้งแรก เขียนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรงเอาไว้อย่างลืมตัว
กลิ่นกายหอมจากหญิงสาวทำให้ธันวาไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไปแล้วเพราะตอนนี้ความต้องการของเขามันถูกกระตุ้นจนคุมตัวเองแทบไม่อยู่ เขาดันเธอลงนอนบนเตียงแล้วทับทาบลงไป กดจูบลงบนเรียวปากนุ่มอย่างเร่าร้อน ใช้ประสบการณ์ที่มีหลอกล่อจน จนญาณิดาอ่อนระทวยอีกครั้ง
เสื้อผ้าถูกจับโยนไปยังมุมห้อง ปากร้อนกดจูบไปตามลำคอระหง ฝ่ามือร้อนเกาะกุมทรวงอกอวบอิ่ม ธันวาบีบเคล้นเบาๆ ก่อนจะถอดบราเซียร์ของเธอออกอย่างชำนาญ เมื่อสัมผัสกับเนื้อเนียนนุ่มที่แท้จริง เขาก็ครางในลำคออย่างพอใจ สองมือคลึงเคล้นเบาๆ สลับกับหนักหน่วงอย่างหลงใหล ความนุ่มหยุ่นเป็นธรรมชาติทำให้เขาสติแตกกระเจิง
ญาณิดาเองก็สมองเบลอไปหมดเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวดูดกลืนยอดถันสีสวยที่แข็งชูชันเข้าไปในโพรงปากอุ่น เขาทั้งดูดดุนและขบเม้มจนญาณิดาแอ่นร่างเข้าหาอย่างลืมตัว
“อ๊ะ!......อือคุณธันวา.....”
“เรียกแค่ธันวาก็พอนะดรีม”
ไฟพิศวาสที่ธันวาจุดขึ้นแผดเผาจนเธอแทบมอดไหม้ ด้วยริมฝีปากที่คลุกเคล้าไปทั่วร่างงามอย่างหลงใหล ริมฝีปากร้อนแนบไปกับทุกสัดส่วน จนหญิงสาวร้อนระอุไปทั่วทั้งร่างราวกับเป็นไข้
ธันวาผละจากร่างญาณิดาออกเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองออกจนหมด เขารีบสวมถุงยางที่เตรียมมาจากนั้นก็ทับทาบกายแกร่งลงมาอีกครั้ง กดคลึงท่อนเอ็นร้อนกับกลีบกุหลาบดอกงามก่อนจะกดเข้าไปช้าๆ
“อ๊ะ!.....เจ็บ”
ญาณิดากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกแยกออกเป็นเสี่ยง เมื่อความใหญ่โตของธันวาลุกล้ำเข้ามาเพียงนิดน้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาเป็นทาง
“ดรีม ผมไม่รู้......”
เขาชะงักค้างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดเลยว่าคนที่ยอมนอนกับเขาด้วยขอตกลงวันไนท์สแตนด์จะไม่เคยนอนกับใครมาก่อน ธันวาทั้งประหลาดใจและดีใจที่ได้เป็นคนแรกของเธอ
“ออกไปก่อนได้ไหม ฉัน.....ฉันเจ็บ”
“ผมเข้ามาแล้วก็เท่ากับตอนนี้คุณเป็นของผมแล้วนะดรีม คุณได้ได้ยินไหมคุณเป็นของผมเป็นผู้หญิงของผมคนเดียว”
“แต่ฉันเจ็บ เราหยุดแค่นี้ได้ไหม”
“ถ้าหยุดตอนนี้เราสองคนคงทรมาน มากเชื่อใจผมนะ เดี๋ยวมันจะดีขึ้นนะดรีม เชื่อผมนะ”
เพราะคำพูดที่ดูจริงใจทำให้ญาณิดาเชื่อเขาอย่างง่ายดาย หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ ธันวาจูบซับน้ำตาจนแห้งจากนั้นก็มอบจูบหวานล้ำให้กับเธอเพื่อเป็นการปลอบใจ
“อื้อ......”
ญาณิดาครางสะท้านเมื่อเขาดันสะโพกเข้าหาร่องรักของหญิงสาวอย่างช้าๆ จนในที่สุดเธอก็รับตัวตนของเขาเข้าไปจนหมด ชายหนุ่มนิ่งค้างเพื่อให้ร่างกายของเธอได้ปรับตัวก่อนจะเริ่มขยับสะโพกอย่างช้า เนิบนาบกดวนให้ร่องสวาทของหญิงสาวโอบรัดทุกทิศทาง
เพียงไม่นานญาณิดาก็หลงลืมความเจ็บปวดแล้วความเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่ ร่างกายร้อนขึ้นทีละนิด ทุกจังหวะที่ธันวากระแทกเข้ามันเสียวอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ท้องน้อยหญิงสาวหดเกร็ง ญาณิดารู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยคว้างอยู่ในท้องฟ้ากว้าง
“อ่ะ...อื้อ....ธันวา....”
หญิงสาวครางกระเส่าเพราะอารมณ์ของตนเองมันกำลังพุ่งสูง ร่องรักของเธอตอดรัดท่อนเอ็นอย่างแรงไปตามสัญชาตญาณ
“ดรีม....อ่า....แน่นไปหมดเลย ตอดดีมาก....อ่า....”
ธันวาครางแทบไม่เป็นภาษาเมื่อตัวตนของเขาถูดตอดรัดจนแทบระเบิด
“ธันวา.....ฉัน....ฉันจะไม่ไหว ช่วยฉันด้วย.....มันเหมือนใจจะขาด”
หญิงสาวครางกระท่อนกระแท่น ลมหายใจเริ่มขาดช่วงร่างกายหดเกร็งไปทุกสัดส่วน
“ปล่อยตัวตามสบายดรีม ปล่อยความรู้สึกออกมา”
“ฉัน...ธันวาฉัน...อ่ะ..อื้อ.....”
เธอกรีดร้องอย่างสุดเสียง เมื่อความสุขมาเยือนเป็นครั้งแรก ร่างสาวเกร็งกระตุกสมองมึนงงไปหมด ธันวารู้สึกถึงแรงบีบรัดจากร่องรักที่มันมากกว่าครั้งไหน เขากระแทกท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักอย่างหนักหน่วง จากนั้นเสียงแหบพร่าก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างกายกระตุกท่อนเอ็นพ่นน้ำรักออกมาจนเกือบจะล้นถุงบางใส
“อ้าห์...”
ร่างกายของธันวากระตุกอย่างสุขสมและยาวนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ดรีมคุณวิเศษมาก ขอบคุณที่มอบสิ่งที่พิเศษสุด ผมมีความสุขมาก ไม่เคยมีใครทำให้ผมดีอย่างนี้มาก่อน”
เขาถอนตัวตนออกแล้วดึงถุงยางทิ้ง จากนั้นรั้งให้เธอมานอนแนบอกอย่างอ่อนโยน
“หายเครียดแล้วใช่ไหม”
“หะ...หายแล้ว” หญิงสาวตอบอย่างอาย ช่วงเวลาที่มีความสุขมันทำให้เธอหลงลืมความเครียดไปโดยสิ้นเชิง แม้รู้ว่ามันแค่ชั่วครู่แต่ก็รู้สึกดี
“เมื่อกี้คือการทำให้คุณหายเครียด จากนี้มันคือการทำให้เรามีความสุขด้วยกัน”
“คุณหมายความว่าอะไรคะ”
“เดี๋ยวก็รู้”